WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 29, 2008

ม็อบมา เงินหด ‘รูปธรรม’ ความเสียหายของชาติ

แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 เดือนมกราคม – มีนาคม 2551 จะขึ้นไปอยู่ที่ 6 %

แม้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก จะบอกว่าความน่าเชื่อถือทางการเงินของไทยเป็นบวก ด้วยนโยบายการบริหารที่ชัดเจนมากขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น

แต่ภายในไม่กี่วัน ที่มีการชุมนุมทางการเมืองขนาดใหญ่ พร้อมด้วยภาพที่ถ่ายทอดออกไปสู่สายตาคนภายนอกซึ่งดูรุนแรง

เพียงเท่านั้น หุ้นบางตัวก็ร่วงดิ่งลงมาทันทีกว่า 18 จุด

สมกับความอ่อนไหวของสิ่งที่เรียกว่า “ระบบเศรษฐกิจ” เสียจริง

ปัญหา “ปัจจัยภายนอก” อันได้แก่ ราคาน้ำมันโลก มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยเหนือการควบคุม ทุกประเทศทั่วโลกที่ไม่ได้ปิดประเทศ ล้วนแต่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกันทั้งนั้น

หากแต่ความเชื่อมั่นที่หล่นวูบครั้งนี้ เกิดจากปัจจัย “ภายใน” ล้วนๆ

นั่นคือ ปัจจัยการเมือง

แม้แต่รายงานของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ยังระบุว่า ปัญหาการเมืองไทย เช่น เรื่องพรรคร่วมรัฐบาลที่มีโอกาสถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหาร ฯลฯ

เหล่านี้ล้วนเป็น “จุดอ่อน” ต่อภาพความน่าเชื่อถือของไทยทั้งสิ้น

เพราะสะท้อนความไม่แน่นอน ความผันผวน สะท้อนลักษณะของประเทศที่ “อะไรก็เกิดขึ้นได้” ในนามของ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ”

ที่น่าสมเพชใจ ความเสียหายเหล่านี้ล้วนมีผลมาจากการกระทำของคนที่อ้างว่ารักประเทศชาติ รักบ้านเมือง ถึงขั้นจะเข้ามา “กู้” กันทั้งสิ้น

ไม่รู้ว่ากู้กันประสาอะไร ยิ่งกู้ ก็ยิ่งง่อนแง่น ยิ่งกู้ ความน่าเชื่อถือของประเทศก็ยิ่งลดต่ำ

รายได้จากการจัดม็อบ อาจจะมากมายจนติดใจนัก แต่ก็เป็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

ที่สำคัญ ถือเป็นเม็ดเงินที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับโอกาสทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลที่ประเทศต้องสูญเสีย

ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงอีกหลายสิบล้านคนในชาติต้องสูญเสียไปด้วย

และนี่คือ “รูปธรรม” ของคำว่า “ความเสียหายของประเทศชาติ” อย่างที่ทุกฝ่ายชอบหยิบมาพูดจากันเสมอ

หากปากบอกว่ารักชาติ แต่เมื่อได้เห็นตำตาว่าพฤติกรรมรักชาติของตัวเองมันนำไปสู่ความเสียหายหลานแสน(ล้าน)ขนาดนี้

จะสำนึกอยากกลับตัวกลับใจกันบ้างหรือเปล่าหนอ.