WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 30, 2008

นปช.ชุมนุมใหญ่ ต้านปฏิวัติวันนี้

* นัดรวมพลสนามหลวง 5 โมงเย็น

นปช.นัดรวมพลชุมนุมใหญ่ 5 โมงเย็นวันนี้ ย้ำเจตนารมณ์ต้านการปฏิวัติรัฐประหาร หลังมีกลุ่มคนพยายามสร้างกระแส พร้อมเชิญชวนผู้รักประชาธิปไตย ออกมาแสดงพลัง โดยยืนยันไม่มีการเคลื่อนขบวนให้เกิดความวุ่นวาย พร้อมจี้สื่อเสนอข่าวอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะ NBT และ TPBS อย่าทำตัวเป็นกระบอกเสียงพันธมิตรฯ เพียงด้านเดียว ขณะที่เวที “สภาสนามหลวง” เริ่มต้นด้วยความคึกคัก นักวิชาการ-ภาคประชาชน แห่ขึ้นเวที ท่ามกลางกระแสตอบรับอย่างอบอุ่น ยืนยันขออยู่ข้างประชาธิปไตและประชาชน

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้งจากท่าทีในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่าทีของแกนนำพรรคการเมืองบางพรรค ตลอดจนการส่งสัญญาณของทหารบางนาย ทำให้หลายฝ่ายเกิดความหวั่นไหวว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านเมืองอีกครั้ง หลังจากที่ผลกระทบทางการเมือง เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเพิ่งจะอยู่ในระยะฟื้นตัว

กรณีดังกล่าว นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าเนื่องจากในระยะนี้ แม้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 และได้ใช้ช่องทางตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับนี้ขอแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน จนเข้าสู่สภาไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเคลื่อนไหวจัดการชุมนุมคัดค้าน สร้างกระแสเพื่อให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง สอดรับกับการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายทหารบางคน จนเกิดเป็นข่าวลือหนาหูขึ้นเป็นระยะๆ นั้น

ในฐานะที่ นปช. คือภาคประชาชนที่รวมตัวกันออกมาต่อต้านการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 และได้หยุดชุมนุมไปหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 เสร็จสิ้นลง ไม่ประสงค์จะให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ดังนั้น เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยพร้อมที่จะออกมาต่อต้านการรัฐประหารหากเกิดขึ้นจริงอีกครั้ง

ดังนั้น นปช. จะจัดชุมนุมใหญ่เพื่อแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวขึ้นในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคมนี้ ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งต้องขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักประชาธิปไตยและที่เคยร่วมต่อสู้มากับ นปช. เข้าร่วมชุมนุมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการเดินขบวนแต่อย่างใด

“เราอยากขอให้มากันมากๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เราเคยร่วมต่อสู้กับเผด็จการ คมช.มาแล้วเพื่อเตรียมใจและสร้างพลังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในการต่อต้านไม่ให้การเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง เพราะขณะนี้เราทราบดีว่า กลุ่มพันธมิตรฯกำลังพยายามสร้างเงื่อนไขและมีแผนให้เกิดการก่อการขึ้น” นายจรัล กล่าว

นอกจากนี้ นปช.อยากจะดูด้วยว่า เมื่อฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารออกมาชุมนุมใหญ่ สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที (NBT) และสถานีโทรทัศน์ไทย พีบีเอส (Thai PBS) จะเชิญชวนประชาชนเหมือนที่เคยรายงานข่าวเชิญชวนให้ผู้คนเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ เพราะดูจากการรายงานข่าวแล้วไม่มีใจเที่ยงธรรม จนกล่าวได้ว่าได้กลายเป็นกระบอกเสียง หรือองค์กรโฆษณา ให้กลุ่มพันธมิตรฯไปแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที นำเสนอข่าวการชุมนุมของทางกลุ่ม นปช.ด้วย ซึ่งชุมนุมของ นปช.ไม่มีอะไรแอบแฝง เป็นเพียงต้องการให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาสู่ประเทศไทยเท่านั้น

ขณะที่ ความเคลื่อนไหวของ "สภาสนามหลวงต่อต้านเผด็จการ" เมื่อคืนวันที่ 29 พฤษภาคม ก่อนการชุมนุมของ นปช. ความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเย็น โดยมีประชาชนต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการว่าไม่ต่ำกว่า 3 พันคน เนื่องจากในมีวิทยากรที่มีชื่อเสียงทั้งจากภาควิชาการและภาคประชาชน หลายคนด้วยกัน อาทิ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำ นปช. และที่สำคัญอีก 2 คน ที่เป็นนักวิชาการ คือ อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะขึ้นพูดในเรื่อง “เศรษฐกิจไทย เมื่อเกิดรัฐประหาร”

โดย รศ.ดร.พิชิต กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานในช่วงไตรมาสกลางปีระบุดีขึ้นมาก โดยเฉพาะตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักร ซึ่งหมายถึงนักธุรกิจเริ่มลงทุน สินค้าใหม่ๆ ก็จะทยอยออกมา ยอดขายรถยนต์-จักรยานยนต์ก็มีผลเป็นบวก สังเกตได้จากมีการออกรถป้ายแดงกันมากขึ้น และรายได้ภาคเกษตรกรก็ดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วงครึ่งหลังของปี คือการใช้จ่ายในชนบทจะดี และภาคเกษตรกรก็จะมีเงินไปใช้หนี้ธนาคารมากขึ้น

รศ.พิขิต กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม แม้ภาคเศรษฐกิจทำท่าจะดีขึ้นแล้ว แต่หากช่วงนี้การเมืองไม่มั่นคง มีการชุมนุมวุ่นวายเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดการรัฐประหารขึ้นมาด้วย ทุกอย่างจะจบสิ้นหมด ประเทศไทยก็จะกลับไปเหมือนปีที่แล้ว คือเศรษฐกิจดิ่งเหว

“เพียงแค่ให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะช่วยได้มาก หากรัฐบาลสามารถทำงานไปได้ด้วยทุกอย่างจะดีเป็นทวีคูณ แต่ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองยังวุ่นวายอยู่ทุกอย่างจะกลับไปสู่สภาพถดถอยเหมือนปีที่แล้ว เพราะนักลงทุนคงไม่มาลงทุน วันสองวันนี้หุ้นก็ตกลงมาแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างชะงัก ใครที่คิดจะทำรัฐประหารก็เตรียมรับปัญหาทางเศรษฐกิจ และรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น รัฐประหาร การเมือง แต่เศรษฐกิจดิ่งเหว แล้วจะอยู่ได้ไหม คนที่คิดจะทำรัฐประหารต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำด้วย” รศ.พิชิต กล่าว

ขณะที่ นายวิภูแถลง กล่าวในหัวข้อกลุ่มพันธมิตรฯปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากันเองว่า เนื่องจากครั้งหนึ่งนายชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยหาเสียงไว้เมื่อปี 2535 ว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา และกล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พาคนไปตาย แต่วันนี้ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ผนึกกำลังกับคนที่นายชวน เคยกล่าวหาไว้ว่า พาคนไปตาย

นอกจากนี้ หากสังเกตให้ดีบนเวทีปราศรัยจะพบว่า ผู้ขึ้นพูดล้วนแต่เป็นบุคคลที่สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น นายพิเชฐ พัฒนโชติ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสำราญ รอดเพชร นายประพันธ์ คูณมี รวมทั้ง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งเป็นบุคคลระดับแกนนำพรรคทั้งสิ้น ดังนั้น จึงถือได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ทรยศต่ออุดมการณ์ของตนเองเป็นที่ชัดเจน ซึ่งพฤติกรรมในวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาแต่เชื่อมั่นในระบบนอกรัฐสภา แม้จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยส่วนตัวก็ตาม

“ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นความโชคร้ายของประเทศก็ได้ที่พรรคเก่าแก่ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2489 กลับมีความคิดเห็นสนับสนุนโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น จึงเป็นตามบทความของ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ที่ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิรูปการเมือง เพราะมีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่เคยคิดนโยบายที่สร้างสรรค์ ไม่คิดนโยบายที่เป็นประโยชน์ คิดแต่โค่นล้มคู่แข่งเพื่อตัวเองจะได้มาเป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมสำหรับพรรคการเมืองเก่าแก่” นายวิภูแถลง กล่าว

นายวิภูแถลง ยังกล่าวถึง พล.ต.จำลอง ด้วยว่า ถึงวันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พฤษภาทมิฬเป็นการต่อสู้เพื่อเหตุผลส่วนตัวของ พล.ต.จำลอง ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่าง จปร.รุ่น 5 ที่มี พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นหัวหน้า และเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขณะนั้น กับจปร.รุ่น 7 ที่มีพล.ต.จำลอง เป็นแกนนำ โดยเอาประชาชนเป็นเครื่องมือโค่นล้ม พล.อ.สุจินดา ทำให้พี่น้องส่วนหนึ่งล้มตาย เสียชีวิต บาดเจ็บและพิการจนถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือ พล.ต.จำลอง ไม่มีจิตสำนึกของทหารที่จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. เพราะกำลังปลุกระดมคนไทยให้ลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง แทนที่จะทำความเข้าใจหรือใช้วิธีการสันติวิธีตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพล.ต.จำลอง มีวาระซ่อนเร้นคือการโค่นล้มรัฐบาล โดยใช้กระบวนการนอกรัฐสภา จึงอยากถามกลับไปว่า มีความสุขนักหรือที่เห็นคนไทยต้องมาฆ่ากันเอง ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พล.ต.จำลองได้วางระบบใช้ยุทธวิธีที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กลางถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นการตั้งป้อมสู้รบกับคนไทยด้วยกัน

นายวิภูแถลง ยังฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่ปักหลักอยู่สนามหลวงว่า การที่กลุ่ม นปช.จัดเวทีปราศรัยที่สนามหลวงในวันที่ 30 พฤษภาคม เพราะไม่สามารถทอดทิ้งประชาชนที่บริสุทธิ์ได้ และวันนี้ที่พี่น้องประชาชนที่อยู่ท้องสนามหลวงภายใต้ชื่อว่า สภาสนามหลวงต่อต้านเผด็จการ จะได้มีความมั่นใจว่า นปช. ยังยืนอยู่เคียงข้างกันตลอด