ที่มา Thai E-News
โดย จอร์จบางกะปิ
21 มีนาคม 2552
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กำลังกล่าวสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงสุดท้ายอยู่นั้น พลันนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงซึ่งไม่มีรายชื่อผู้ถูกอภิปราย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอภิปรายและไม่ได้ถูกพาดพิงใดๆ ก็ผุดลุกขึ้นโดยมิได้ขออนุญาตต่อประธานสภาฯ จากนั้นก็กล่าวสรุปการอภิปรายแทน ร.ต.อ.เฉลิมว่า “นี่คือการอภิปรายเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ ผมขอท้าเดิมพัน หาก กกต.ชี้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ผิด ต้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย” เนื้อหาแข็งกร้าว แต่น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้
ร.ต.อ.เฉลิมซึ่งกำลังรุกไล่อยู่อย่างได้เปรียบก็ไม่ตกหลุมพราง แถมยังสวนกลับอย่างเจ็บแสบจนนายสุเทพ เทือกสุบรรณต้องนั่งลงและแสร้งทำหัวร่อหน้าเจื่อน
ประเด็นก็คือ อะไรที่ทำให้นายสุเทพถึงกับ “ธาตุไฟแตก” ถึงขนาดนั้น?
ขนาดที่ไม่คำนึงถึงกฎกติกา มารยาท ไม่สนใจเลยว่า ตัวเองกำลังอยู่ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ มิใช่หน้าห้องน้ำตลาดสด ผรุสวาทใส่ตัวแทนฝ่ายค้านที่กำลังทำหน้าที่ตัวเองตามรัฐธรรมนูญทุกประการ พร้อมท้าทายให้เอาเรื่องยุบพรรคมาเป็นเดิมพัน ลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่านายสุเทพกำลังอยู่สภาวะที่ถูกกดดันขนาดหนัก หนักจนทนไม่ได้จนต้องยอมลดตัวเป็นนักเลงปากซอยขัดจังหวะการกล่าวสรุปของตัวแทนฝ่ายค้านโดยไม่ขออนุญาตประธานสภาฯ
ที่น่าเกลียดที่สุดคือ นายสุเทพสรุปแทน ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ฝ่ายค้านกำลังอภิปรายเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ ถูกล่ะ การเอาเรื่องการไซฟ่อนเงินจาก บมจ.ทีพีไอ และ กกต. รวมแล้วเกือบสามร้อยล้านบาทผ่านบริษัทกระจอกๆ ที่เจ้าของบริษัทหนีกระเซอะกระเซิงไปไหนแล้วก็ไม่รู้นั้น มาอภิปราย อาจส่งผลสะเทือนไปถึงการยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่เท่าที่ฟังการอภิปรายมาแบบมาราธอนแบบว่าไม่ยอมให้พลาดแม้แต่นาทีเดียว ผมบอกได้เลย ไม่มีได้ฝ่ายค้านคนใดเอ่ยเรื่องการยุบพรรคประชาธิปัตย์ คนฟังรวมทั้งตัวผมก็ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น เพราะนี่คือการอภิปรายรัฐบาล นายกฯ และรัฐมนตรี ซึ่งคาดหวังได้แต่เพียงว่า นายกฯและรัฐมนตรีจะตอบตรงประเด็นไหม จะยอมรับผิดไหม การยุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องไกลตัวและอยู่นอกเหนือเจตนารมณ์ของผู้อภิปราย ผู้ถูกอภิปราย และผู้ฟังการอภิปราย
แล้วทำไมนายสุเทพถึงชิงตัดบทสรุปแทน ร.ต.อ.เฉลิม
ผมไม่โทษท่านประธานฯ ที่ไม่ยอมยับยั้งนายสุเทพ เพราะเข้าใจดีว่า เมื่อผู้นำหรือตัวแทนฝ่ายค้านกล่าวสรุปการอภิปราย ตามข้อบังคับสภาฯ ให้ถือว่า การอภิปรายได้สิ้นสุดลงแล้ว จะมีการอภิปรายใดๆ จากคนอื่นใดที่นอกเหนือจากผู้นำหรือตัวแทนฝ่ายค้านอีกมิได้ ท่านประธานเองก็คงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเสียมารยาทขนาดนี้ เรียกว่า “ช๊อค” นั่นแหละ
ผมไม่เชื่อนะว่านายสุเทพไม่รู้ข้อบังคับนี้
นายสุเทพรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์พูดและไม่มีสิทธิ์ขัดคอ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ทำไมถึงหน้ามืดตัดสินใจทำแบบนั้น...ทั้งๆที่รู้ว่าจะทำให้สภาฯไทยเสื่อมค่าในสายตาของคนทั่วไป ทำไมนายสุเทพถึงไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น
ผมนอนคิดเป็นชั่วโมงจนจะผล็อยหลับไป นี่ล่ะหรือ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่อยู่คู่ประชาธิปไตยไทย นี่ละหรือพรรคการเมืองที่เชิดหน้าชูตาประเทศนี้ และนี่ล่ะหรือ พรรคการเมืองเส้นใหญ่ขวัญใจศักดินา
จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง...ไม่มีใครว่า ไม่มีใครด่า ไม่มีใครวิจารณ์
ไม่เพียงแต่จะสรุปแทนตัวแทนฝ่ายค้านแล้ว นายสุเทพยังแสดงความก้าวร้าวด้วยการท้าเดิมพัน “ยุบพรรคไทย” หาก กกต.ชี้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ผิด “ร.ต.อ.เฉลิมเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบ”
ผมชักจะเห็นอะไรรางๆ แล้วล่ะครับ
นายสุเทพพูดว่า ถ้า กกต.ชี้ว่า ประชาธิปัตย์ไม่ผิด จะต้องยุบพรรคเพื่อไทยข้อหาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพมั่นใจ กกต.ขนาดนั้นเลยหรือครับ ทั้งๆ ที่ กกต.ก็บอกอยู่ตลอดเวลาว่า เรื่องยังมาไม่ถึง ดีเอสไอ.ไม่ส่งข้อมูลมา (กกต.นี่ก็แปลก ทำไมไม่หาข้อมูลเองบ้าง เที่ยวขอเขาไปเรื่อย)
นายสุเทพสั่ง กกต.ได้หรือครับ ถึงกล้าท้าเดิมพรรคยุบพรรคเพื่อไทย นี่เป็นการพูดข้ามช๊อตที่ “มากเกินไป” แต่นายสุเทพก็อาจจะลิมไปว่า นี่คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ที่ทำอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและอย่างเปิดเผยต่อคนทั้งประเทศ ไม่มีการปิดบังอำพราง หากจะใส่ร้ายใครก็ทำไป แต่ฝ่ายที่ถูกใส่ร้ายก็สามารถจะตอบโต้และสาดโคลนกลับได้ เรียกว่า ด่ากันได้ตามกฎหมายนั่นแหละ ยกเว้น บุคคลที่สามที่ไม่ได้อยู่ในสภาฯ หากถูกพาดพิงก็สามารถฟ้องร้องได้
นายสุเทพกำลังคิดอะไรอยู่ครับ หรือคิดว่าจะ “บลั๊ฟกลับ” ให้ฝ่ายตรงข้ามตกใจตาย แต่เขาก็ลืมไปอีกนั่นแหละ คนที่กำลังพูดคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดาวค้างฟ้ารัฐสภาเมืองไทย นอกจากจะไม่กลัวแล้ว ยังด่ากลับในทำนองว่า “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ตบท้ายสุดแสบ “ชาวบ้านบอกสุเทพตายแล้ว เพราะยิงมันตอนออกทีวี”
นายสุเทพหยุดยั้งชะตากรรมของพรรคตัวเองไม่ได้หรอกครับ เขาทำได้อย่างเดียวคือ ช่วยนายอภิสิทธิ์ที่กำลังหน้าซีดลงเรื่อยๆ ไม่ให้เป็นลมคาสภาแค่นั้นเอง