ที่มา ประชาไท
เขียนโดย ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
คลิปโดย มุทิตา เชื้อชั่ง
แด่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกฝ่าย แด่คนเสื้อแดงที่ถูกจับ แด่ความจริงและความเป็นธรรม
0 0 0
หลังแกนนำ ‘แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ’ ยุติการชุมนุม ขณะที่คนส่วนหนึ่งดีใจและชื่นชมรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่นำกำลังทหารของเขาปราบปรามประชาชนที่ก่อการจลาจลได้สำเร็จ
ในอีกด้านเราต่างก็รู้ว่า ‘อำมาตย์และกองทัพ’ ที่ฝังรากลึกอยู่ยิ่งกว่าเป็นระบอบ ได้ใช้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ปราบปรามการชุมนุมโดยสันติที่มุ่งต่อต้านพวกเขา โดยใช้ข้ออ้างเรื่องการจลาจลต่างหาก
กองทัพได้ ‘สารภาพ’ แล้วว่า เขาเป็นผู้เลือกให้ใครเป็นรัฐบาล
กองทัพได้แสดงศักยภาพว่า เขาทำได้ ปราบได้ แม้ผู้ชุมนุมเรือนแสนจะเต็มกรุงเทพมหานคร นับประสาอะไรกับผู้ชุมนุมที่ยึดสนามบิน
ไม่เป็นไร ความไม่เป็นธรรมที่ท่านได้รับ เขาเหล่านั้นก็รู้และตระหนักดีเกินกว่าจะโกหกตัวเอง กระทั่งต้องกระทำการสารภาพแบบไร้ซึ่งความเหนียมอาย
ขณะที่เขาอยู่ด้วยความกลัว คนเสื้อแดงกลับกำลังเริ่มต้นวันแห่งความหวัง
0 0 0
ผมเคยถาม อ.เกษียร เตชะพีระ ว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ต้องใช้เวลากี่ปีที่จะทำให้สังคมไทยเข้าใจและยอมรับ ว่าเหตุใดนักศึกษาและประชาชนส่วนหนึ่งนั้นถึงได้ต่อสู้กับรัฐ และอุทิศชีวิตไว้กับป่าเขา
ผมไม่รู้ว่า เหตุการณ์สงกรานต์ปี 52 นี้จะใช้เวลาเท่าไร ผมรู้แต่ว่า ‘คนเสื้อแดง’ เหล่านี้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่านั้นมาก เพราะหากกองทัพปฏิบัติการจิตวิทยาว่า การปราบปรามเป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีการล้มตาย ก็พึงตระหนักว่าหากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคือการจลาจล ก็เป็นการจลาจลที่ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย อาจจะเรียกได้ว่า ไม่มีการเผาบ้านเผาเมือง เพราะถ้าจะเป็นเช่นนั้นจริง ความรุนแรงและความกว้างขวางคงจะมากกว่านี้ และไม่ว่าจะมองอย่างไร สิ่งที่เราเห็น อย่างมากก็เป็นแค่ ‘ความพยายามที่จะสู้’
เราไม่ได้ปฏิเสธการกระทำที่รุนแรงของคนเสื้อแดงว่ามีจริง แต่คงไม่สามารถเหมาไปถึงคนอีกหลายหมื่นที่ไม่ยอมลุกไปไหน
คนเสื้อแดงก็คงไม่ปฏิเสธ เพราะนี่คือสิ่งที่เห็น และรู้
แต่สิ่งที่ไม่เห็นและไม่รู้ คือสื่อและรัฐได้ล้อมกรอบข่าวสาร ปิด ปั่น และยุยงมากกว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงเป็น มากกว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงทำ ซึ่งเป็นความรุนแรงมากกว่ากันกี่เท่า โหดเหี้ยมมากกว่ากันเท่าไร และการเสียชีวิตที่ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ หากไม่ใช่ผลงานของสื่อ แล้วจะเป็นผลงานของใคร
เราดูสื่อ ฟังสื่อ เห็นมัน กระทั่งเชื่อมั่น แต่มันต่างไหมกับคนเมื่อ 33 ปีที่แล้ว ที่เชื่อมัน ที่คิดว่าสิ่งที่เห็นนั้น แน่นอน เป็นอื่นไปไม่ได้
คน 33 ปีที่แล้วต้องยิ่งมั่นใจมากกว่า เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ออกไปฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า
แต่แล้วเขาก็พบสิ่งที่จริงกว่าได้ในสักวัน
เรายังต้องเชื่อมั่น มีอะไรที่ต้องทำอีกมาก