ที่มา ประชาไท เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ศาลา 9 วัดลาดพร้าว กทม. มีการสวดบำเพ็ญกุศลศพ นายชัยพร กันทัง หรือ โจ อายุ 29 ปี ชาว ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ 1 ใน 2 ศพซึ่งถูกพบเป็นศพลอยน้ำที่ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นั้น โดยเบื้องต้นที่พบศพ ศพมีสภาพศพขึ้นอืด สวมเสื้อยืดสีดำ มีภาพและอักษรภาษาอังกฤษสกรีนบนเสื้อว่า RESCUE กางเกง ผ้าขายาวสีดำ สวมถุงเท้าดำ ส่วนที่ปากมีผ้าขนหนูสีขาวมัดทับด้วยผ้าสีเหลืองปิดปากไว้แน่น ส่วนมือทั้งสองข้างถูกเชือกไนลอนสีน้ำเงินมัดไพล่หลัง ตามลำตัว แขน และใบหน้ามีรอยปูดบวมเขียวช้ำ บรรยากาศภายในงานบำเพ็ญกุศลศพเต็มไปด้วยความโศกสลด สำหรับพี่ชายลงมารับศพ ได้ขอให้ นพ.ทศพรเป็นผู้แถลง โดยญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่ขอเปิดดูหน้าผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย เพราะตั้งแต่รับศพยังไม่เห็นหน้าผู้ตาย ส่วนภรรยาของนายชัยพร อยู่ในอาการเศร้าโศกอย่างหนัก พนักงานบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ ต้องประคองตลอดเวลา และเมื่อสวดบำเพ็ญกุศลเสร็จ พนักงานบริษัทได้พาภรรยาขึ้นรถตู้และขับออกจากวัด ก่อนหน้านี้ นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.แพร่ ปัจจุบันเป็นสมาชิกมูลนิธิ 111 แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า จากการพูดคุยกับพี่ชายของผู้ตาย พี่ชายไม่ประสงค์ที่จะค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของน้องชายต่อ เพียงแต่ประสงค์จะรับศพน้องชายกลับไปฌาปนกิจที่บ้านเกิด จ.แพร่ อย่างไรก็ตาม นพ.ทศพร ได้ตั้งข้อสังเกตว่าใบชันสูตรศพซึ่งมี นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ จากโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเพราะจมน้ำ โดยระบุว่าเหตุอาจเกิดจาก 1.Asphyxia หรือ ขาดอากาศหายใจ 2.Drowning หรือ จมน้ำ 3.Homicide หรือ ฆาตกรรม ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีการระบุเกี่ยวกับบาดแผลของผู้ตาย ไม่ได้ระบุว่าผู้ตายน่าจะเสียชีวิตเมื่อไหร่ หรือเสียชีวิตมากี่วันแล้ว อย่างไรก็ตามได้ตั้งข้อสังเกตว่ารายละเอียดเพิ่มเติมอาจสามารถหาได้จากตำรวจเจ้าของคดี รวมถึงลักษณะอื่นๆ ที่ปรากฏในสื่อก่อนหน้านี้ นพ.ทศพรกล่าวว่า การตั้งข้อสังเกตนี้มิได้มีจุดมุ่งหมายให้เกิดความวุ่นวายหรือความขัดแย้ง แต่เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มิได้ต้องให้เป็นชนวนความรุนแรงใดๆ และตั้งคำถามถึงรัฐบาลที่พูดตลอดเวลาว่าไม่มีคนตาย รัฐบาลเป็นคนเข้ามาดูแลให้ชัดเจน เป็นที่เรียบร้อยและไม่ทำให้เกิดข้อสงสัย พนักงานบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการคนหนึ่ง ซึ่งผู้ร่วมงานของนายชัยพร ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า ได้รับแจ้งให้ไปดูศพที่ รพ.ศิริราช เวลา 7.30 น. ของวันที่ 15 เม.ย. และได้ประสานกับทางภรรยาซึ่งไปเที่ยวต่างจังหวัด จนกระทั่งภรรยากลับมาในเวลา 20.00 น. จึงได้ตามไปดูศพ พบว่าศพขึ้นอืดแล้ว ในเบื้องต้นทางบริษัทจะได้ช่วยเหลือจัดการเรื่องการตั้งศพมาไว้ยังวัดลาดพร้าว และระบุว่า ผู้ตายเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน และในเบื้องต้นจะให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวคือภรรยานายชัยพร โดยมอบค่าสวัสดิการ เบี้ยประกันชีวิต เงินประกันสังคม เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย กล่าวว่า เป็นเพื่อนกับนายชัยพร ร่วมงานกันมา 5 ปีแล้ว โดยนายชัยพรเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่สาขาลาดพร้าว 106 สำหรับบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทในเครือ ธ.กรุงไทย และกล่าวว่าทางบริษัทไม่ได้ขัดขวาง ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทัศนคติทางการเมืองของเจ้าหน้าบริษัท การไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองถ้าพ้นเวลาทำงานไปแล้วถือเป็นเรื่องส่วนตัว ทางบริษัทไม่รับรู้เกี่ยวกับทัศนคติทางการเมืองกับผู้ตาย เขากล่าวว่า ชุดที่ผู้ตายสวมใส่เมื่อพบศพคือเสื้อสีดำ กางเกงสีกรมท่า สภาพศพขึ้นอืดจึงไม่สามารถฉีดยารักษาสภาพศพได้ ทำได้แค่ราดน้ำยาลงไปในศพ และอยู่ในสภาพห่อในถุงใส่ศพมาเรียบร้อยแล้ว และใส่โลง ตอกตรามาอย่างมิดชิด สำหรับผู้ตายอีกคน คือนายนัฐพงษ์ ปองดี หรือ แก๊บ อายุ 24 ปี ชาว ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ญาติได้เคลื่อนศพไปอุดรธานีเพื่อไปบำเพ็ญกุศลศพแล้ว
17 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงกระแสข่าวการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงระหว่างการปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ประท้วงและยึดพื้นที่ว่า ยืนยันทหารไม่ได้ใช้ความรุนแรง หรืออาวุธ และสถานการณ์ขณะนี้ก็อยู่ในสภาพเรียบร้อยดี โดยกล่าวด้วยว่า พร้อมเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น