ที่มา ประชาไท
(17 เม.ย.52) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ขณะกำลังเดินทางมาจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมรวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
“สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีและแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว”
000000
แถลงการณ์ร่วมเรื่อง ให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
จากกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการถูกคนร้ายลอบยิงด้วยอาวุธสงครามบริเวณแยกบางขุนพรหม หน้าวัดเอี่ยมวรนุช เกือบ 100 นัดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางมาจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีตามรายละเอียดที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วนั้น
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพในการทำลายล้างอย่างรุนแรง พร้อมกันนี้ลักษณะในการก่อการเป็นการประสงค์ต่อชีวิตนายสนธิ รวมทั้งมีลักษณะการเตรียมการมาอย่างดี การกระทำของคนร้ายดังกล่าวนอกจากจะมุ่งหวังชีวิตของนายสนธิแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้รัฐบาลจะประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแต่คนร้ายกลับไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังมุ่งท้าทายอำนาจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องคุ้มครองประชาชนและทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 2 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิและขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมรวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีและแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
17 เมษายน 2552