สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า นางโรซาริโอ มูริลโล สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของนิการากัว ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกรัฐบาลนิการากัว แถลงยืนยันว่า รัฐบาลนิการากัวได้มอบหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตนักการทูตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย หลังรัฐบาลไทยสั่งยกเลิกพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังเกิดความไม่สงบทางการเมืองขึ้นในประเทศไทย
นางมูริลโลเผยด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "เอกอัครราชทูตของนิการากัวว่าด้วยภารกิจพิเศษ" เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยดึงดูดการลงทุนเข้าสู่นิการากัวซึ่งเป็นประเทศยากจนในอเมริกากลาง และกล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงประชาชนส่วนใหญ่ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย แต่ถูกบีบบังคับให้ละทิ้งภาระหน้าที่ด้วยการก่อรัฐประหารเมื่อปี 2549
เอเอฟพีเผยด้วยว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์อัล จาซีรา ในดูไบเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนรู้สึกเศร้าสลดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนชาวไทย แต่ตนไม่ได้ปลุกปั่นยุยง ตนเฝ้าบอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงทุกวันว่า "สันติ สันติ สันติ" และว่าพร้อมเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเผชิญกระบวนการยุติธรรม ถ้าคดีต่างๆ รวมทั้งข้อกล่าวหาทุจริตก่อนหน้านี้ ถูกสอบสวนโดยองค์กรที่เป็นกลาง
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพีรวมถึงเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ยังรายงานว่ารัฐบาลนิการากัวแถลงผ่านสื่อมวลชนประกาศแต่งตั้งชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ดำรงตำแหน่ง "เอกอัครราชทูตว่าด้วยภารกิจพิิเศษ" สำหรับประเทศนิการากัว พร้อมหนังสือเดินทางทูตแก่อดีตผู้นำไทยด้วย นับเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการหลังรัฐบาลไทยระงับหนังสือเดินทางเล่มทั่วไปของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ
ทั้งนี้ รัฐบาลนิการากัวออกพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย หลังเข้าพบประธานาธิบดี ดาเนียล ออร์เตกา แห่งนิการากัว ที่กรุงมานากัวตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยตำแหน่งดังกล่าวเพื่อให้อดีตนายกรัฐมนตรีไทยช่วยเหลือชักชวนนักลงทุนให้เข้าไปลงทุนกระตุ้นภาคเศรษฐกิจในนิการากัว ของทวีปอเมริกากลาง ซึ่งยังเป็นประเทศที่อยู่ในสภาพแร้นแค้น
เมื่อเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการเชิญเจ้าหน้าที่ทูตประเทศต่างๆ มารับฟังสถานการณ์ภายในประเทศไทยว่า ทูตให้ความสนใจในการซักถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยใช้เวลานานร่วม 1 ชั่งโมงครึ่ง และหลังจากที่รับทราบข้อเท็จจริงแล้วก็เข้าใจดี และเห็นถึงความจำเป็นของประเทศไทย หลังจากนี้รัฐบาลก็จะขอความร่วมมือไปยังสถานทูตทุกประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ส่วนการถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้ทุกประเทศได้รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากทุกประเทศ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าหลายประเทศให้หนังสือทางการทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีประเทศใดบ้าง รวมไปถึงนิการากัว และดูไบ ซึ่งยอมรับว่าการตรวจสอบค่อนข้างยาก เนื่องจากหลายประเทศไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย และเป็นประเทศเล็ก จึงต้องใช้เวลา
ด้านนายควินตัน เควลย์ เอกอัคราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกหนักใจที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในฐานะที่รักประเทศไทยรู้สึกว่าการต่อสู้กลางถนนเป็นโศกนาฎกรรม สิ่งที่สำคัญที่สุดขอให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง พยายามแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ใช้การเจรจาและการปรองดอง นักท่องเที่ยวและนักลงทุนก็อยากจะให้หยุดใช้ความรุนแรง คนในประเทศก็จะกลับมา ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นและถือเป็นบทเรียน เพราะการใช้ความรุนแรงตั้งแต่การปิดถนน บุกพัทยา เป็นการใช้ความรุนแรงที่ทำให้เกิดความเสียหาย
เมื่อถามว่ามองการแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีไทยอย่างไร นายควินตัน ตอบว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาขอให้ใช้ความปรองดอง สร้างความเข้าใจ หวังว่าปัญหาจะจบลงได้ และเชื่อมั่นอนาคตของประเทศไทย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นใจว่าจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ความรุนแรงในอนาคต ซึ่งตนก็เห็นด้วย หลังจากเกิดเหตุการณ์ประชาชนในอังกฤษก็หวาดกลัว แต่เมื่อรับฟังคำชี้แจงก็รู้สึกดีขึ้น