WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, April 17, 2009

ม.ล.‘ปลื้ม’ : บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์การเปลี่ยนแปลง

มา ประชาไท

หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล (ปลื้ม)

เพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงานหลายคนของผมต่างเห็นพ้องว่า เพื่อให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ในประเทศ เราจำเป็นต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการไปสู่รูปแบบประชาธิปไตยที่มี ประชาชนเป็นศูนย์กลาง มากขึ้น และตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการและความปรารถนาของคนส่วนใหญ่

ระบอบตุลาการสองมาตรฐานที่เกิดจากการแต่งตั้งและทำหน้าที่ตอบสนองอำนาจของผู้นำสูงสุด ทั้งยังถูกแทรกแซงอย่างลับๆ และบ่อยครั้ง โดยสมาชิกบางคนของคณะองคมนตรีตามที่ปรากฏในเหตุการณ์ช่วงสามปีที่ผ่านมา ต้องกลายเป็นเรื่องในอดีต

กองทัพที่เลือกปฏิบัติต่อประชาชนของตนเอง กองทัพที่เลือกเข้าข้างอุดมการณ์การเมืองบางอย่างด้วยความกลัวจากบุคคลที่มี เส้นสาย และมีอิทธิพลเหนือตนเอง เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตยสมัยปัจจุบัน

ภารกิจของนักปฏิวัติในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในช่วงหลายปีข้างหน้า จึงต้องมุ่งที่การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์เพื่อการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้าย

ระบอบคณาธิปไตยที่อยู่บนพื้นฐานการปกครองซึ่งตอบสนองประโยชน์เฉพาะผู้สวมเสื้อสี "จงรักภักดี" เป็นเหมือนการตบหน้าคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งมีชีวิตที่มักตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่นอยู่แล้ว

ขบวนการเพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตย ต้องเริ่มจากการบ่มเพาะต้นกล้าในวันนี้ โดยมีเป้าหมายอีกหลายปีกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ

ครั้งนี้อาจเป็นชัยชนะของพวกเขา แต่เส้นช้ยของการต่อสู้ในอนาคตยังไม่มีใครเป็นผู้กำหนด และเรายังไม่เผชิญหน้ากับสงครามที่แท้จริง ความพ่ายแพ้ของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2552 จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของระบอบคณาธิปไตยไทยในที่สุด

แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โดย ประชาไท

Fomenting the seeds of change :

A lot of my friends and colleaques are in agreement that in order to realize the country's true democratic potential, Thailand needs a formal transition towards a truer more 'popular' form of democracy based on the needs and desires of the majority. A double standard judiciary appointed and acting in the name of a supreme leader and tacitly, yet not infrequently, intervened by particular members of the privy council as shown in a string of events over the past 3 years have to become a thing of the past. An armed forces bent on discriminating against its own population based of differing political ideology and out of the fear of 'connected' individuals having influences over them cannot in anyway be accepted in a modern day democracy. The tasks of revolutionarily altering Thailand will involve a lot work over the next several years to foment the seeds of final change. An oligarchic style of managed governance where compassion and kindness are given only to those wearing the royalists' color is a slap to the face to the majority of the Thai nation who are for the most part already living subordinated lives. This movement for democratic change must begin to sow its preliminary sinews today, while the culmination of its goals will be seen several years down the road. Victory was theirs this time but make no mistake the definitive battlelines of the future have been drawn and the real war is yet to have experienced its days. The reds' defeat on April 14, 2009 from now on serves as a point of origination for what will ultimately become a transitional period out of the Thai oligarchic existence.