ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงความชัดเจนกรณีที่ประเทศนิการากัวมอบหนังสือเดินทางการทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศใช้เวลาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ได้มีการยืนยันจากหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อสำนักประธานาธิบดีนิการากัวว่า มีการให้หนังสือ เดินทางทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณจริง ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 โดยมีฐานะเป็นทูตกิจกรรมพิเศษที่รัฐบาลมอบอำนาจให้ไปช่วยดึงดูดการลงทุนไปที่นิการากัว ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆได้ใช่หรือไม่ นายธฤตตอบว่า ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ แต่โดยทฤษฎีก็สามารถเดินทางไปได้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตนิการากัวประจำประเทศเม็กซิโกยืนยันว่า ไม่เคยให้หนังสือเดินทางทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่อยากไปวิเคราะห์ระบบของนิการากัว ทั้งนี้ นายกฯทราบเรื่องนี้แล้ว
ให้หยุดความช่วยเหลืออดีตนายกฯ
เมื่อถามว่า การมอบหนังสือเดินทางทูตให้จะมีผลต่อการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทยหรือไม่ นายธฤตตอบว่า การนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทยนั้น รัฐบาลได้แจ้งไปยังประเทศต่างๆถึงคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ รวมถึงคดีที่ถูกออกหมายจับล่าสุดด้วย ซึ่งสถานทูตไทยที่เม็กซิโกได้ไปพบทูตนิการากัวที่เม็กซิโก เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ว่า ในหลักปฏิบัติไม่ควรให้ใช้ประเทศใดเป็นฐานโจมตี หรือสร้างปัญหาความมั่นคงให้ประเทศอื่น จึงขอให้รัฐบาลนิการากัวพิจารณาด้วย แม้จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็ขอให้ใช้ หลักถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ขอให้นิการากัวเข้าใจและให้ ความร่วมมือกับประเทศไทย เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อความสัมพันธ์ของไทยกับนิการากัวหรือไม่ นายธฤตตอบว่า ต้องดูต่อไปว่าแนวปฏิบัติของนิการากัวเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ท่าทีของไทยอยากให้รัฐบาลนิการากัวให้ ความร่วมมือ รัฐบาลจะให้เวลานิการากัวพิจารณานานเท่าใด ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่านิการากัวทราบเรื่องการถูกดำเนินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เพราะเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลไทยเกือบค่อนโลก จึงอาจไม่ทราบข่าวสารเท่าที่ควร
“อภิสิทธิ์” ให้สัมภาษณ์สื่อยักษ์ใหญ่
นายธฤตกล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวบีบีซี ซีเอ็นเอ็น และอัลจาซีราห์ เข้าพบเพื่อสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า สำนักข่าวต่างประเทศได้สอบถามเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกฯบอกว่าขอเวลาเล็กน้อย ให้สถานการณ์นิ่งก่อน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะยกเลิกให้เร็วที่สุด ส่วนเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุมในการประชุมอาเซียนที่พัทยานั้น นายกฯชี้แจงว่า เนื่องจากเป้าหมายของรัฐบาล คือการให้ ผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางกลับประเทศด้วยความเรียบร้อย หากไปจัดการกับผู้ชุมนุมก็ไม่แน่ใจว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวหรือไม่ ส่วนการถูกลอบปองร้ายก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ เพราะมีหลายเรื่องต้องทำให้ประเทศ
ไม่ใช้สองมาตรฐานปราบเสื้อแดง
นายธฤตกล่าวว่า กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้สองมาตรฐาน ในการดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงและกลุ่มพันธ-มิตรฯนั้น นายกฯยืนยันว่ากรณีกลุ่มเสื้อแดงก็มีการให้ ประกันตัวไปแล้ว ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯก็ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ ให้มีความคืบหน้าทางคดีอย่างเร็วที่สุด จะไม่ยอมให้เกิดสองมาตรฐาน นอกจากนี้ นายกฯยังตอบคำถามเรื่องข้อเสนอการให้เลือกตั้งใหม่ว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ หากให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ยอมมานั่งคุยกันเรื่องธรรมนูญ และมีกติกาไม่ลงตัว ทุกฝ่ายไม่ยอมรับ ผลก็จะไม่บังเกิด จึงควรมาหารือกันเรื่องกติกาให้ลงตัวก่อน ทั้งนี้ สิ่งที่นายกฯย้ำเสมอคือไม่ต้องการปราบปรามผู้ ชุมนุม แต่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ไม่เห็นผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อผู้ชุมนุมก่อเหตุความไม่สงบในบ้าน เมืองจึงมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหา โดยให้เจ้าหน้าที่ไม่ ใช้กำลัง ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ
“ทักษิณ” แบะท่าพร้อมเจรจาหาข้อยุติ
วันเดียวกัน เว็บไซต์ของนิตยสารไฟแนนเชียลไทม์ส ภูมิภาคเอเชีย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยระบุว่าทักษิณเปิดโอกาสให้ ผู้สื่อข่าวของไฟแนนเชียล ไทม์ส ซักถามนอกรอบหลังการแถลงข่าวที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยทักษิณได้กล่าวถึงคำพูดในการโฟนอินครั้งหนึ่ง ที่ระบุว่าหากได้กลับไปเมืองไทย พี่น้องเสื้อแดงจะได้ไม่ต้องต่อแถวรอรับเงิน 500 บาท โดย พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเงิน 500 บาทที่พูดถึง ไม่ใช่เงินที่จ่ายให้กับผู้ชุมนุม แต่หมายถึงเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ผู้สูงอายุ และตนจะมีอายุครบ 60 ปีในวันที่ 26 ก.ค. และจะอยู่ในข่ายผู้มีสิทธิ์รับเงิน 500 บาท อาจทำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิดไปว่าจะเป็นผู้จ่ายเงิน 500 บาทให้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการสนับสนุนให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาล ในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นการสร้างความแตกแยก และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่มีใครอยากให้แตกแยก แต่ถ้าไม่มีความยุติธรรมย่อมไม่มีความสงบ เมื่อไม่มีความสงบก็ไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น จะต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก แต่เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงแตกต่างกัน เหมือนสวรรค์กับนรก แต่พร้อมที่จะเจรจาหาข้อยุติ และไม่สนับสนุนวิธีการรุนแรงใดๆ
เล็งประชุมอาเซียนรอบใหม่ปลาย พ.ค.
เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานให้ทราบถึงการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย ในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ภายหลังการเข้าพบนายสุรินทร์กล่าวว่า มารายงานให้นายอภิสิทธิ์ทราบถึงความพร้อม การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนของประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 15 ประเทศยืนยันสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนอีกครั้งโดยเร็วที่สุด ไม่มีใครคิดแย่งเป็นเจ้าภาพ พร้อมยืนยันว่าเข้าใจถึงสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการจัดประชุมอีกครั้ง คือปลายเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน มิ.ย. นี้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละประเทศว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะแต่ละประเทศมีเวลาว่างไม่ตรงกัน ส่วนสถานที่จัดการประชุมอาเซียนนั้น ยังไม่มีการหารือ ต้องรอการพิจารณาอีกครั้ง