ที่มา thaifreenews
โดย ลูกชาวนาไทย
กรณีที่กัมพูชาจับคนไทยซ่าส์ ไป 7 คน ในทางการเืมืองระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นการ "ตบหน้ารัฐบาล" ของประเทศนั้นๆ โดยตรง และเป็นการท้าทายอำนาจของประเทศที่ถูกจับด้วย เพราะอย่างน้อยก็เสียเกียรติภูมิของชาติ
กรณีเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา นายกฯทักษิณสามารถใช้ทั้งศิลปะทางการทูต บวกด้วยการโชว์แสนยานุภาพด้านกำลังทหารเพื่อข่มขวัญและดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีได้อย่างเหมาะสม การส่งกำลังทหารเครื่องบินไปรับคนไทยกลับที่สนามบินกัมพูชา ถือได้ว่าเป็นการแสดงแสนยานุภาพของชาติได้อย่างแท้จริง
แน่นอน หากทักษิณทำบุ่มบ่าม ส่งเครื่องบินซี 130 ไปรับคนไทยกลับ โดยไม่มีการเจรจาทางการทูตกันก่อน ผมคิดว่าคงเกิดปัญหาการปะทะกันอย่างแน่นอน และยากที่จะส่งเครื่องบินเข้าไปได้โดยง่าย หากได้ัรับการขัดขวางอย่างเต็มที่ของกัมพูชา แต่เมื่อมีการประสานกันทางการทูต การแสดงแสนยานุภาพแต่พองาม ย่อมได้บรรยากาศที่ดี
กรณี กัมพูชาจับคนไทย (พวกอยากดัง) ไป 7 คนนี้ ประเทศไทยล้มเหลวทั้งทางด้านการทูตและการทหาร กัมพูชาสามารถแสดงบทบาทสั่งสอนได้อย่างพอเหมาะพอควร คือ ไม่ยะโสจนเกินไป และไม่ยอมอ่อนข้อ
การเลือกช่องทางส่งขึ้นศาลของกัมพูชา และประเทศไทยยอมรับแต่โดยดี เท่ากับแสดงความหมดท่าและไร้ศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง การไปเจรจาทางการทูตก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกัมพูชา ชิ่งไปว่า "ต้องเคารพกฎหมาย" เอาตัวเข้าสู่กระบวนการทางศาล และประเทศไทยก็ต้องยอมตาม ซึ่งผลก็ีคาดหมายได้อยู่แล้วว่า ศาลกัมพูชาคงตัดสินให้ผิดจริง และอาจมีการจำคุกระยะหนึ่ง จึงมีการพระราชทานอภัยโทษ
นัยยะทางการเมืองคือ กัมพูชายืนยันทางกฎหมายว่าพื้่นที่ขัดแย้งบริเวณนั้นเป็นของกัมพุชา และไทยก็ยอมรับโดยปริยาย คดีนี้จึงมีความหมายในอนาคตอย่างแน่นอน
ผมว่าหากเป็นยุคทักษิณ คงไม่ยอมให้มีการเอาขึ้นศาลแน่นอน เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา คงมีการเจรจาทางการทูตกันอย่างหนัก
อันที่จริงยุคทักษิณ กัมพูชาก็คงไม่จับคนไทยแน่นอน เ่รื่องข้ามแดนแบบนี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องสำคัญนัก
แต่ตอนนี้มันสำคัญเพราะมันคือนัยยะของกรณีพิพาทด้วย
ผมเชื่อว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ และอำมาตย์ไทยคงไม่มีเกีียรติภูมิในระดับโลกพอที่จะบีบกัมพุชาได้ จึงเลือกที่จะ "ส่งทนายไปช่วยคนทีถูกจับ" พูดอีกนัยยะคือ ปล่อยเกาะลอยแพพวก 7 คน นั่นเอง