WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, January 16, 2011

3ปมร้อนตีวง กระชับ"มาร์ค"

ที่มา ข่าวสด


ผ่านไปเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ดูเหมือนสถานการณ์การเมืองจะมีเค้าลางเป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์และนักโหรา ศาสตร์หลายคนทำนาย

ปีกระต่ายจะดุเดือดไม่แพ้ปีเสือ

แม้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะพยา ยามปิดเกมโหมโครงการประชาวิวัฒน์ 9 ของขวัญ เพื่อต่อยอดกระแส "ขาขึ้น" ภายหลังจากพ้นบ่วงคดียุบพรรค

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงปรา กฏว่าประชาวิวัฒน์กลายเป็นมุขแป้กเอาดื้อๆ

สิ่งที่ตามมาคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาบ้างก็ว่าเป็นการลอกเลียนแบบไม่ต่างอะไรจาก "ประชานิยม" ยุครัฐบาลทักษิณในอดีต

ขณะที่ในมุมของนักเศรษฐศาสตร์ การเมือง มองว่าเป็นนโยบายที่มาจากการแข่งขันทางการเมือง หวังผลในเรื่องการเลือกตั้ง มากกว่าแก้ไขปัญหาในเชิงหลักวิชาการและตามโครงสร้างของสังคม

ที่สำคัญนโยบาย 9 ของขวัญ บางอย่างอาจจะสร้างปัญหาเสถียร ภาพทางเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว

โครงการส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักกับคนกรุงเทพฯ หรือคนในเมืองหลวงซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์มากเกินไป เช่น รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถแท็กซี่ หาบเร่แผงลอย

ของขวัญ"ซานต้ามาร์ค"ไปไม่ถึงคนจนส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด

ดังนั้น แทนที่จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ ผลที่ได้อาจเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม

แล้วก็เป็นอะไรที่กลบกระแสประชาวิวัฒน์เสียสนิท

กรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุมส่งตัวขึ้นศาลกรุงพนมเปญข้อหารุกล้ำเขตแดน โดย 2 ใน 7 คนยังถูกตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคงเพิ่มอีกกระทง

รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เน้นไปที่ 2 สูตรสัด ส่วนส.ส.แบบแบ่งเขตกับปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งกำลังเป็นปมขัดแย้งกันภายในรัฐบาลระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วม

จนนำไปสู่ข่าวรัฐบาลอาจสังเวยความขัดแย้งนี้ด้วยการยุบสภาเลือกตั้งใหม่

จริงเท็จอย่างไรเป็นเรื่องต้องตามกันต่อไป

แต่ข้อสรุปหนึ่งจากสถานการณ์รุมเร้ารัฐบาลขณะนี้ก็คือกระแส"ขาขึ้น"ของพรรคประชาธิปัตย์

ยุติลงแล้วในช่วงเวลาสั้นๆ

กรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุม

แม้ศาลกรุงพนมเปญจะอนุญาตให้ประกันตัวจำนวน 2 คนซึ่งรวมถึง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ด้วยนั้น แม้จะเป็นสัญญาณดีสำหรับรัฐบาลไทย

แต่การที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหว ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลและหลายจุดในกรุงเทพฯ รวมทั้งการขู่เคลื่อนขบวนไปปิดด่านชายแดนค้าขายระหว่าง 2 ประเทศ

เพื่อกดดันทั้งรัฐบาลไทยและกัมพูชาให้ปล่อยตัว 7 คนไทย

โดยอ้างว่าจุดพื้นที่การจับกุมนั้นอยู่ในเขตดินแดนประเทศไทย อีกทั้งยังออกแถลงการณ์แสดงท่าทีไม่ยอมรับกระบวนการศาลของกัมพูชา

อาจทำให้เรื่องลุกลามบานปลาย ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งภายในและนอกประเทศ กระทบต่อแผนการเจรจาช่วยเหลือของรัฐบาล

ที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของคนไทยทั้ง 7 คน

อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาไม่ยอมประนีประนอมในเรื่องนี้ หากมองย้อนหลังกลับไปจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ลุ่มๆ ดอนๆ ของทั้ง 2 ประเทศ

มาจากการที่นายกฯอภิสิทธิ์ ดึงเอานายกษิต ภิรมย์ มานั่งเป็นรมว.การต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ไล่ล่าอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และยังเป็นการตอบแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ไปในตัว

ทั้งที่รู้ว่า นายกษิต และกลุ่มพันธมิตรฯ เคยปราศรัย ด่า นายกฯฮุนเซน ไว้อย่างสาดเสียเทเสียในกรณีปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนรอบๆ

จึงเท่ากับเป็นการตบหน้านายกฯฮุนเซน แบบจังๆ

ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดำเนินมาแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กระทั่งเกิดกรณี 7 คนไทยเดินข้ามฝั่งไปให้ทหารกัมพูชาจับกุม

จะด้วยความตั้งใจหรือพลัดหลงก็ ตาม แต่ก็ถือว่ารัฐบาลไทยเผลอทำลูกหลุดเข้าตีนกัมพูชา

การคาดหวังจะให้กัมพูชาปล่อยตัวกลับ มาเฉยๆ เหมือนอย่างที่มิตรประเทศพึงกระทำต่อกันนั้น จึงเป็นเรื่องยากแม้แต่ ในความฝัน

นายกฯอภิสิทธิ์ ก็รู้ข้อจำกัดของตนเองในเรื่องนี้อย่างดี

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำตอนนี้คือจะคุมอย่างไรไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหว นำเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเข้าไปสุ่มเสี่ยงมากกว่านี้

แต่ที่เชื่อกันว่าแรงกระเพื่อมอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในน่าจะมาจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรม นูญที่กำลังเป็นประเด็นร้อนตีคู่กันมากับกรณีไทย-กัมพูชา

ความขัดแย้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรม นูญรอบใหม่นี้

มีจุดเริ่มมาจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนกรานผลักดันสูตรสัดส่วน ส.ส.แบ่งเขตกับปาร์ตี้ลิสต์ แบบ 375+125 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการชุดนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์

เพราะเชื่อว่าสูตรนี้จะทำให้พรรคได้ที่นั่งส.ส.เพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสจะได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลนำโดยชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทย แท็กทีมผลักดันสูตร 400+100 ที่เป็นประโยชน์กับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่า โดยมีพรรคเพื่อไทยพร้อมโหวตหนุน

อย่างไรก็ตามก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะถูกส่งเข้าไปตัดสินชี้ขาดกันในที่ประชุมรัฐสภา ประมาณเดือนก.พ.-มี.ค. พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเวลาเจรจาต่อรองกับพรรคร่วมอีกเฮือกใหญ่

ผลจะออกมาอย่างไรต้องติดตามห้ามกะพริบตา

ในจังหวะที่คดี 91 ศพเหยื่อปราบปรามเดือนพฤษภา"53 กลับมาร้อนวูบวาบอีกครั้ง

ไม่ใช่แค่เรื่องที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอเข้าให้ข้อมูลกับกรรมาธิการวุฒิสภาว่า มี 13 ศพที่เชื่อได้ว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น

ยังต้องจับตากรณีกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของประเทศอังกฤษ ออกหนังสือเชิญ นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น้องเกด เหยื่อ 6 ศพวัดปทุมวนาราม ไปให้ข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นในไทย

ทั้ง 3 เรื่องตีวงกระชับพร้อมกัน

จนรัฐบาลแทบไม่เหลือทางเลือกอื่นนอก จากยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจว่าประเทศชาติควรเดินต่อไปในทิศทางใด

แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายคุมอำนาจตัวจริงประเมินสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร