ที่มา ข่าวสด
เป็นอันว่า การระดมมวลชนผ่านองค์กรเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นับตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2553 เป็นต้นมา
ไม่เวิร์ก
ไม่ว่าจะอาศัยเครดิต ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ทั้งในฐานะที่มี "ม.ล." นำหน้า ทั้งในฐานะที่อ้างตนเป็นนักวิชาการ
ก็ไม่เวิร์ก
แม้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมจะอาศัยตำแหน่งประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยมาเป็นเครื่องการันตี
ก็ไม่เวิร์ก
ได้มาอย่างมากที่สุดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 เพราะมีคนจากกองทัพธรรมมูลนิธิแห่งสันติอโศกเข้าร่วมก็มากที่สุด 500
ทำไมคนไทยซึ่งมีหัวใจรักชาติจึงมีจำนวนนิดน้อยอย่างนั้น
แปลกอย่างยิ่งที่ไม่ปรากฏเงาร่างทั้งจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บนเวทีปราศรัย ประตู 4 บริเวณทำเนียบรัฐบาล
ทั้งๆ ที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ถูกจับ
หากยังไม่ลืมกันเร็วนัก ก็ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ท่านนี้มิใช่หรือคือคนที่กำกับดูแลการ์ดพันธมิตรในการชุมนุม ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนธันวาคม 2551 ที่เรียกกันว่าการชุมนุม 193 วันพันธมิตร
แล้วเหตุใด นายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงไม่เป็นห่วง แล้วเหตุใด พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไม่ให้ความสนใจอย่างจริงจัง
ทำเหมือนกับกำลังจะลอยแพ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ราวกับไม่เคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาก่อน
บางคนบอกว่าเป็นเพราะมี นายวีระ สมความคิด อยู่ในจำนวน 7 คนด้วย
ครั้งหนึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อาจเคยให้ความช่วยเหลือทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ต่อ นายวีระ มุสิกพงศ์
แต่ก็มีปัญหากันในระยะหลัง
มีปัญหาถึงกับ นายวีระ สมความคิด ไม่ได้จัดรายการผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ผู้จัดการจนต้องไปอยู่กับสถานีโทรทัศน์ของสันติอโศก
มีปัญหาถึงกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกหนังสือเวียนเรื่องระงับมิให้จัดรายการและประกาศแยกตู้บริจาคออกจากกัน
เช่นนี้เอง นายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงเหมือนกับเย็นชาต่อชะตากรรม นายวีระ สมความคิด
เหมือนกับเป็นเรื่องของอุดมการณ์ อันเกี่ยวเนื่องกับความรักชาติรักประชาธิปไตย
แต่ความรักชาติก็มีค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับ การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยก็มีค่าใช้จ่ายทุกอย่างดำเนินไปใต้คำขวัญ อันความสามัคคีนั้นดีอยู่ แต่ต้องให้ตัวกูได้เป็นใหญ่
ในที่สุด คำตอบก็อยู่ที่ปัญหาว่าด้วย "ผลประโยชน์"