ที่มา thaifreenews
โดย ting tuan
บทกวี : ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้
ตอนเป็นเด็กน้อย ผู้ใหญ่มักจะเล่าและบอกอยู่เสมอ แล้วยังแสดงอาการชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า
“บนฟ้ามีเทวดา” ความคิดตอนนั้นตามประสาเด็ก เทวดาคงรูปงาม มีอิทธิฤทธิ์และเป็นผู้มีอิทธิ
พลสูงสุดอยู่บนสวงสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ มีนางฟ้าอยู่ข้างกายมากมาย แต่คงไม่ทำท่าจะบ๊อง
จ้องมองลงมาดูเรา กำลังมีความทุกข์หรือมีความสุข คงจะมาช่วยเหลือเราได้ แต่เหตุการณ์
“10 เมษา-19พฤษภาอำมหิต “ เกิดขึ้นมา อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ของโลกใบนี้ เห็นทะเอี้ย
เดิน วิ่งสลับฟันปลาพร้อมอาวุธ ไล่ยิงประชาชน ล้มแล้วล้มอีก มีทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย
จากการที่ได้เห็นภาพจากสื่อทีวี สื่ออินเตอร์เน็ตและสื่อสิ่งพิมพ์ ตอกย้ำในการแพร่ข่าวสารและ
ภาพเรื่อยมา ทำให้มากระทบด้านจิตใจ จึงฉุกคิดขึ้นได้ “ไม่มีแล้วเทวดาท่าจะบ๊องบนฟ้านี้” จะ
มองเห็นหรือมองไม่เห็น ก็ไม่เห็นมาช่วยเหลือพวกเราได้เลย หรือเทวดาคิดจะแกล้งให้เราตา
สว่างอย่าได้หลงงมงาย คิดถึงและฝันไว้ในยามเด็ก จึงทำให้ ต้องสิ้นรัก หักสวาท ขาดสะบั้น
ในบัดดลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ใครคนหนึ่งคนใด ยังคิดว่ามีเทวดาอยู่จริงบนท้องฟ้า ….ก็คงจะ
มีบางคนเป็นส่วนน้อย แต่คนส่วนใหญ่ต้องคิดคล้อยตามและเห็นชอบตามกลอนบทนี้แน่นอน……จริงมั้ย
เมื่อสิ้นรัก หักสวาท ขาดสะบั้น
ก็สิ้นชาติ ขาดกัน แต่เพียงนี้
ที่เคยหลง จงรัก และภักดี
มาบัดนี้ ไม่มีเยื่อ ไม่เหลือไย
เห็นกงจักร เป็นดอกบัว ชั่วชีวิต
เคยหลงผิด ถึงขั้น ตายแทนได้
หลงตามลม ชวนเชื่อ ทุกเมื่อไป
บัดนี้ไทย ตาสว่าง เห็นทางธรรม
แต่งโดย ปีกซ้าย จาก ไทยอีนิวส์ ยังมีต่อ…..ไม่ต้องการให้เสียอรรสรถความไพเราะของบทกลอน
ควรเข้าไปอ่านเพิ่มขึ้นจาก-
ที่มา http://arayachon.org/forum/arayachon/1741