ที่มา มติชน
.....ถ้าอยู่ๆคุณเกิดไอแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย หรือไข้ขึ้นฉับพลัน คงไม่มีใครมาใส่ใจมากนัก
แต่หากว่าเป็นประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ผู้นำเผด็จการและพระราชา อาการที่ฟ้องผู้นำประเทศอาจกำลังป่วยถือเป็นเรื่องใหญ่ อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงกราวรูดหรือเป็นโอกาสให้เกิดการปฏิวัติ หรือไปจุดชนวนเรื่องการหาผู้สืบราชบัลลังค์ หรือไม่ก็ส่งผลกระทบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
โรส แม็คเดอร์ม็อท แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ยูนิเวอร์ซิตี้ในสหรัฐได้ วิจัยและเขียนเรื่องเกี่ยวกับการล้วงความลับด้านสุขภาพมานาน กล่าวว่า หากรัฐบาลประเทศใดก็ตามสามารถล้วงความลับได้ว่าผู้นำประเทศอื่นป่วยด้วยโรค อะไร ความลับนั้นจะมีประโยชน์ทั้งทางการเมืองและทางการทูต
โรส แม็คเดอร์ม็อท บอกว่า การสืบรู้เรื่องปัญหาสุขภาพของผู้นำประเทศต่างๆสำคัญมากเพราะความลับนี้มีผล ต่อความมั่นคงของรัฐบาลนั้นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นชาติเผด็จการที่มี จำกัดอำนาจการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆไว้แค่ในกลุ่มคนบริหารประเทศไม่กี่คนเท่า นั้น การล่วงรู้ว่าผู้นำประเทศไหนป่วย ป่วยด้วยโรคอะไรแล้วมีโอกาสการรักษาแค่ไหน เป็นข้อมูลที่ช่วยเตรียมเกมทางการเมืองว่าจะหนุนม้าแข่งตัวไหนที่มีโอกาสชนะ
ภายในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐหรือซีไอเอ มีหน่วยงานย่อยหน่วยงานหนึ่งที่ทำงานเฉพาะกิจด้านการสืบเสาะล้วงข้อมูลลับ ด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้นำชาติอื่นทั่วโลก เรียกสั้นๆว่า เอ็มพีเอซี มีการว่าจ้างบรรดาหมอ นักสังคมวิทยา นักรัฐศาสตร์ ตลอดจนนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม ไว้ช่วยวิเคราะห์อาการป่วยของบรรดาผู้นำชาติต่างๆ
การสืบเสาะข้อมูลลับนี้ไม่ใช่งานง่ายๆ
ด็อกเตอร์ เจอรอลด์ โพสต์ ผู้ก่อตั้งหน่วยงานวิเคราะห์สุขภาพจิตของซีไอเอเมื่อราวสี่สิบปีที่แล้ว บอกว่าผู้นำชาติต่างๆจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความลับเกี่ยวกับสุขภาพของตนเพราะการเจ็บป่วยแสดงถึงความอ่อนแอ
ด็อกเตอร์ เจอรอลด์ โพสต์ บอกว่าคนทั่วไปอยากมีผู้นำฉลาดเฉลียว ทรงอำนาจ แต่ถ้าผู้นำเกิดเจ็บป่วย ก็ดูอ่อนแอไม่เหมาะกับการนำประเทศ
ในสหรัฐ การปกปิดปัญหาสุขภาพของผู้นำเป็นเรื่องปฏิบัติกันมานมนาน อย่างกรณีประธานาธิบดีโกรฟเวอร์ คลีฟแลนด์ ผู้นำสหรัฐคนที่ยี่สิบสองและยี่สิบสี่ปกปิดการผ่าตัดมะเร็งที่กรามอย่างลับๆ บนเรือยอร์ช ประธานาธิบดี วูดโดร์ วิลสัน ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ให้ใครเห็นหลังจากป่วยกระทันหันด้วยภาวะสมองขาด เลือดชั่วคราว และประธานาธิดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ ผู้นำสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองปกปิดเรื่องเป็นโปลิโอและโรคหัวใจที่ ทำให้เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สี่
ความลับเรื่องปัญหาสุภาพของชาร์แห่งอิหร่านกับอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ผู้ ล่วงลับเฟอร์ดินัน มาร์คอสก็เป็นตัวอย่างที่ไม่เก่าเกินไปของการเก็บปัญหาสุขภาพผู้นำประเทศ เป็นความลับสุดยอด
ด็อกเตอร์ โจนาทาน คลีเม้นท์ คุณหมอที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับสายลับสุขภาพออกมาเล่มหนึ่ง กล่าวว่าเทคโนโลยีทันสมัยด้านภาพถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่งดิจิตอลในปัจจุบัน ช่วยให้การสืบความลับอาการป่วยของผู้นำทำได้ง่ายขึ้น
หมอคลีเม้นท์บอกว่าถ้าสังเกตด้วยตาแล้วสงสัย สายลับซีไอเอจะเปิดดูภาพวิดีโอที่บันทึกไว้เพื่อสังเกตดูว่าผู้นำคนนั้นเดิน เหินอย่างไร เดินกระโพลกกระเพลกมั้ย มีสีหน้าแสดงอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเปล่า
แต่ในกรณีที่ผู้นำไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน เฟรด เบอร์ตั้น รองประธานของหน่วยข่าวกรองของบริษัทเอกชนสตาร์ทฟอร์ Startfor บอกว่าสายลับต้องล้วงข้อมูลลับจากคนในโรงพยาบาลที่ผู้นำเข้ารักษาตัว แหล่งข่าวเหล่านี้ได้แก่ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป พยาบาล ผู้ช่วยหมอและคนที่รับผิดชอบขนตัวอย่างเลือดหรือของเหลวจากร่างกายผู้ป่วยไป ห้องแลป
งานของสายสืบไม่ได้โสภาเสมอไป พวกเขายังแอบเก็บของเสียทางการแพทย์ที่ออกมาจากห้องผู้ป่วยด้วย
เฟรด เบอร์ตั้น สายลับเอกชนผู้นี้บอกว่าพลาสเตอร์ปิดแผล เข็มฉีดยาใช้แล้วล้วนมีประโยชน์นำไปหาดีเอ็นเอหรือกรุ๊ปเลือดผู้ป่วยตลอดจน สาเหตุการป่วยได้ด้วย ผู้รู้บอกว่า ผู้นำที่ไปรักษาตัวในต่างประเทศมีโอกาสถูกสายลับล้วงข้อมูลทางการรักษาได้ ง่าย
คุณหมอโจนาธาน คลีเม้นท์ กล่าวเสริมว่างานของสายลับข่าวกรองซีไอเอไม่ได้สวยหรู มีเรื่องเล่าหลายครั้งว่าพวกหน่วยข่าวกรองพยายามขโมยแม้กระทั่งอุจจาระ ปัสสาวะของแขกจากท่อโสโครกห้องน้ำในบ้านพักรับรองแขกของประธานาธานาธิดี สหรัฐ Blair House ในกรุงวอชิงตัน และในที่อื่นๆในต่างประเทศ
( โดย Gary Thomas/Thaksina Khaikaew | Washington/Washington / voa thai )