วันนี้ การเมืองยุคใหม่จะเริ่มต้นนับหนึ่งได้ซะที
แต่กว่าจะถึงวันนี้...ก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมามากมาย
กว่าจะตะกายฝาโลงออกมาได้หลังยุบพรรคไทยรักไทย
กว่าจะระดมพลที่เหลือรอดจากถูกห้ามเล่นการเมือง 5 ปี
กว่าจะกลายร่างมาเป็นพรรคพลังประชาชน
กว่าจะฝ่าแผนบันได 4 ขั้นจาก คมช.
กว่าจะผ่านใบเหลืองใบแดง กกต.
และกว่าจะเอาตัวรอดคดีล้มเลือกตั้งศาลฎีกา
นี่คือการดิ้นสู้ฟัดกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากโดนปฏิวัติรัฐประหารเมื่อ 16 เดือนที่ผ่านมา
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วจริงๆ
วันนี้ รัฐบาลผสม 6 พรรค มีพรรคพลัง ประชาชนเป็นแกนนำ มี “สมัคร สุนทรเวช” เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากตามกติกา
ถ้ารวมการเลือกตั้งซ่อมอีก 9 จังหวัด ชิงเก้าอี้ ส.ส.อีก 20 คน ก็จะทำให้มีเสียงในสภาฯไม่ต่ำกว่า 310 เสียง เกินครึ่งไป 70 เสียงโดยประมาณ
ถือว่าเป็นรัฐบาลที่มั่นคงพอสมควร
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกโดดเดี่ยวเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว มี ส.ส.ล่าสุด 163 คน
ถ้าได้ ส.ส.เพิ่มจากการเลือกตั้งซ่อมอีก 3 คน? หรือ 5 คน? ก็ไม่ได้ทำให้ขั้วการเมืองเปลี่ยนไป
จำนวน ส.ส.บังคับให้ประชาธิปัตย์ ต้องเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว!!
ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ควรประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่ทราบผลเลือกตั้ง 23 ธันวาคม ซึ่งจะทำให้ภาพพรรคประชาธิปัตย์ เก๋ไปอีกแบบนึง
แต่เพราะประชาธิปัตย์ไปตั้งความหวังว่า กกต.ต้องแจกใบแดงให้พรรคพลังประชาชนมากถึง 5060 ใบ ซึ่งเอาเข้าจริง กกต.ควักใบแดงให้พรรคพลังประชาชนแค่ 4 ใบ
น้อยกว่าที่ประชาธิปัตย์หวังเอาไว้ บานตะเกียง
แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังลุ้นความหวัง สุดท้าย คือหวังให้ศาลฎีกาตัดสินคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย เพื่อทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 233 คน ต้องเป็นโมฆะยกพวง
แต่เมื่อศาลฎีกายกฟ้องคดีนี้...ทุกอย่างก็จบเกม
“แม่ลูกจันทร์” ให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์ยุค “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯอย่างเต็มภาคภูมิ
เพราะการเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง จะทำให้การเมืองมีความสมดุล
ข้อดีของระบอบประชาธิปไตยคือ ต่อสู้กันตามกติกา
ไม่มีใครผูกขาดเป็นรัฐบาลได้ตลอด กาล
“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่าพรรคประชา-ธิปัตย์ยังมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในอีกไม่นานเกินรอ
แต่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเองอย่างจริงจังว่า การพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีจุดไหนที่พลาดไป??
นโยบายที่ใช้หาเสียงตรงไหนที่ยังไม่ โดนใจประชาชน??
ทำอย่างไรประชาธิปัตย์จะเจาะฐานใหญ่ ภาคอีสาน ที่เป็นสนามชี้ขาดอนาคตการเมือง??
ความจริงการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาธิปัตย์ ได้เปรียบทุกประตู
แต่การที่มีตัวช่วยมากเกินไปก็อาจเป็นจุดอ่อนได้เช่นกัน
กลับมาที่รัฐบาลผสม 6 พรรคอีกที... รัฐบาลจะราบรื่นหรือไม่ราบรื่น? จะอยู่สั้นอยู่ยาว? จะจบสวยหรือจบแบบประวัติศาสตร์ ซ้ำรอย? ก็อยู่ที่ตัวของรัฐบาลเอง
วันนี้ วิกฤติของชาติที่หมักหมมมานาน กำลังรอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหามากมาย
รัฐบาลใหม่จึงไม่มีการวอร์มอัพ ไม่มีเวลาไหว้ครู ไม่มีช่วงฮันนีมูน ระฆังยกหนึ่งดังแก๊งต้องเริ่มลุยถั่วทำงานทันที
ประชาชนให้โอกาสแล้ว...อย่าทำ ให้ผิดหวังนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
คอลัมน์ สำนักข่าวหัวเขียว