WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 21, 2008

ผลลต.ใหม่7จว.พปช.14พผ.2ปชป.1-โคราชพปช.-พผ.แบ่งคนละที่

ผลเลือกตั้งส.ส.ใหม่ 7 จังหวัด 17 คน อย่างไม่เป็นทางการ พรรคพลังประชาชน ได้ 14 ที่นั่ง เพื่อแผ่นดิน 2 ที่นั่ง และประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม 2 ใบเหลือง ในเขตเลือกตั้งที่ 6 ภายหลังคณะกรรมการประจำหน่วย เลือกตั้ง ทั้ง 554 หน่วย ในพื้นที่ 5 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา ได้นับคะแนนเรียบร้อยอย่างไม่เป็นทางการ ผลปรากฏผู้ที่มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 และชนะการเลือกตั้ง 2 ใบเหลือง ในครั้งนี้ คือ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ หมายเลข 7 จากพรรคพลังประชาชน ได้ 63,997 คะแนน อันดับที่ 2 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี จากพรรคเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 3 ได้ 62,839 คะแนน โดยเขตเลือกตั้งที่ 6 นี้มีส.ส.ได้ 2 คน เมื่อเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งแต่ถูกใบเหลืองนั้น ในข้อหาสัญญาว่าจะให้ มาจาก 2 ผู้สมัครพรรคเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 3 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี และหมายเลข 4 นายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมในเขตเลือกตั้งดังกล่าวนี้มีประชาชนมาใช้สิทธิ์เพียง 55 %

ขณะที่การเลือกตั้งทั้ง 3 เขตใน จ.อุดรธานี เขตเลือกตั้งที่ 3 นั้น ได้ผลการเลือกตั้งแล้ว ก็คือพรรคเพื่อแผ่นดินนั้นก็สามารถเบียดเก้าอี้ขึ้นมาได้เป็นอันดับ 1 ขณะที่พรรคพลังประชาชน ก็สามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 และ 2

อ.เต่างอย และ อ.กุดบาก ที่ส่งมาได้ประมาณ 40 % นายเฉลิมชาติ การุญ จากพรรคพลังประชาชน ที่ถูกใบเหลืองมีคะแนนนำมากว่า 3 หมื่นคะแนน ตามด้วย นายนริศร ทองธิราช ผู้สมัครจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 9,700 คะแนน และนาย อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน 4,500 คะแนน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ 317,747 คน อย่างไรก็ตามยังเหลืออำเภอที่ยังไม่ส่งคะแนนมา คือ อ.เมืง อ.โพนนาแก้ว อ.โคกศรีสุพรรณ อ.กุสุมาลย์คาดว่าประมาณไม่เกิน 22.00น. จะทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ

ส่วนผลการนับคะแนนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.แบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของ จ.ลำปาง ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการขณะนี้ มีการนับคะแนนแล้วเสร็จทั้งสิ้น จาก 639 หน่วยเลือกตั้ง โดยนายธนาธร โล่ห์สุนทร ผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชน ได้คะแนน 103,430 คะแนน ซึ่งได้มากกว่าครั้งก่อนที่ได้ 9 หมื่นกว่าคะแนน จึงได้เป็นว่าที่ส.ส.ในกลุ่มนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้น นายธนาธร ก็ได้ใบเหลือง แต่ครั้งนี้กลับมาชนะ และได้คะแนนมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนอันดับ 2 คือ นายมัธยม นิภาเกษม จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 54,377 คะแนน ซึ่งได้คะแนนลดลงจากครั้งก่อนอย่างมาก รวมไปถึงนายจินดา วงศ์สวัสดิ์ จากพรรคชาติไทย ได้คะแนน 24,950 คะแนน ซึ่งได้คะแนนต่ำกว่าครั้งก่อน ถึง 4 หมื่นคะแนน ส่วนผู้มีสิทธิ์และออกมาใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ ถือว่าออกมาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ มีเพียง 65%

อีกจังหวัดที่มีการเลือกตั้ง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ขับเคี่ยวกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเมื่อสักครู่ผลปรากฏว่า เกิดการพลิกล็อก เมื่อนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ผู้สมัครเขต 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 10 พ่ายแพ้ต่อนาย ณรงค์กร ชวาลสันตติ ผู้สมัครหมายเลข 15 จากพรรคพลังประชาชน โดยคะแนนถูกนำห่าง ซึ่งนายณรงค์กร ได้คะแนน 103,593 คะแนน ในขณะที่นายสุทัศน์ ได้คะแนนเพียง 45,368 คะแนน เท่านั้น

ที่การนับคะแนนการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.จังหวัดแพร่ จากจำนวน 759 หน่วยเลือกตั้ง เริ่มทยอยแจ้งผลต่อเนื่อง โดยผลคะแนนล่าสุดเมื่อเวลา 18.45 น. รวม 585 หน่วยเลือกตั้ง ผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ให้ใบเหลือง ยังคงมีคะแนนนำยกทีม โดยหมายเลข 4 นาย วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ได้ 135,316 คะแนน หมายเลข 5 นางปานหทัย เสรีรักษ์ ได้ 135,239 คะแนน หมายเลข 6 นายนิยม วิวรรธนะดิฐกุล ได้ 134,169 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ไปสุดโต่ง โดยหมายเลข 13 นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ได้คะแนนเพียง 27,855 คะแนน หมายเลข 14 นายสมชัย จำปี ได้ 25,694 คะแนน และหมายเลข 15 นายสุขุม กันกา ได้ 24,694 คะแนน

อีกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งใหม่วันนี้ คือ ที่จังหวัดนครนายก ซึ่งมีเพียงเขตเลือกตั้งเดียวเท่านั้น ล่าสุดผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงรักษาที่นั่งในการเลือกตั้งใหม่ไว้ได้