WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, May 26, 2008

รายงาน "บทสรุปสิบชั่วโมงบนถนนราชดำเนินเมื่อคืนที่ผ่านมา"

โดย Bugbunny
ถ่ายภาพและบรรยายโดย
Wasabi
ที่มา เว็บบอร์ดชมรมฟ้าใหม่
26 พฤษภาคม 2551

ผมใช้เวลาสิบชั่วโมงที่ทั้งตื่่นเต้น เหน็ดเหนื่อย ร้อน แค้น โกรธ มีความสุข มีความทุกข์ สลับกันไปมาจนบางทีก็แทบปรับความรู้สึกไม่ทัน มันมีหลายช่วงจังหวะเหลือเกินตั้งแต่บ่ายสามโมงถึงสองยามครึ่งบนถนนราชดำเนินในคืนวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑

ไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยราวบ่ายสามกว่า ผู้คนจำนวนสามสี่ร้อยคนในผ้าคาดหัวพันธมิตรยืนอยู่บนบันไดอนุสาวรีย์ และด้านหน้าของคนพวกนี้คือตำรวจจำนวนมากที่ยืนเป็นกันชนไว้ และที่หน้าร้านศรแดง ประชาชนผู้โกรธแค้นการทำร้ายชาติบ้านเมืองมากว่าสองปีทีี่ผ่านมาจำนวนน้อยกว่ากำลังปราศรัยด้วยคำพูดซื่อ ๆ ด่าทอพวกทำลายชาติอย่างโกรธแค้น ความเคียดแค้นเหล่านั้นแสดงออกอย่างชัดเจน เครื่องเสียงกระจิบกระจอกและเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กปะทะกับรถปั่นไฟและระบบเสียงซูเปอร์ซาวด์ของพันธมิตรอย่างไม่หวาดเกรง แม้ระดับความดังจะแสนแตกต่าง แต่ระดับความกล้าหาญกลับเหนือกว่าจนเทียบกันไม่ได้ แม้รายรอบกลุ่มพันธมิตรคือ การ์ดหน้าเห้ม ของพิธาน พืชมงคล หลายสิบคน แต่ชายหญิงต่างวัยที่กำลังปะทะทางความคิดกับคนพวกนั้นก็ไม่ได้ย่นระย่อ ยืนหยัดท้าทายพวกหน้าเห้มที่แป๊ะลิ้ม ไอ้ส่วยชั่วใส ทุ่มทุนจ้างมาโดยไม่หวาดหวั่น

ชั่วโมงเศษผ่านไป ผู้คนเพิ่มจำนวนขึ้นทั้งสองฝ่าย ผู้คนในสำเนียงทองแดงเดินกันมาเป็นกลุ่ม ผิวคล้ำผมหยิกกันทั้งชายหญิง เข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตร และผู้คนรากหญ้าจำนวนมากก็เข้าสมทบกับประชาชนฝ่ายต่อต้าน ความเครียดเคร่งเพิ่มมากขึ้นอีก เมื่อกลุ่มเด็กหนุ่มสาวห้าหกคนแบกป้ายและแขวนป้ายหน้าหลังแบบแซนด์วิชแมนเดินมาตามแนวด้านข้างของพันธมิตร เสียงโห่ขับไล่กระหึ่มก้อง เสียงด่าสังวาสบรรพสตรีของสนธิลิ้มและบักใสตามมาเป็นระลอก เสียงโห่และบริภาษดังไปทั่ว

ฉับพลัน ขวดน้ำจำนวนหนึ่งก็ถูกโยนมาจากบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มันไม่เกิดบาดแผล แต่เร่งดีกรีแห่งความแค้น แล้วขวดน้ำจำนวนมากก็ถูกโยนข้ามกลับไปบนอนุสาวรีย์

สงครามขวดน้ำคือสงครามแรกที่ประกาศขึ้นบนถนนราชดำเนิน มันดำเนินไปครู่ใหญ่ก่อนที่ตำรวจจะตัดสินปล่อยให้รถแล่นผ่านถนน มันบังสายตาทั้งสองฝ่ายจากกัน และลดการปะทะลงไปหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

ค่ำลงแล้ว ถนนราชดำเนินจากอนุสาวรีย์ไปผ่านฟ้าฝั่งหนึ่งถูกยึดไปโดยกลุ่มพันธมิตร ผู้คนไม่เต็มถนนนัก แต่อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ได้ลดการท้าทายต่อสู้ลงแต่ประการใด เวทีพันธมิตรประกาศการเดินขบวนตอนสามทุ่ม ผู้คนยังที่ล้วนคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์แค้น ก็ไม่ได้ถดถอยออกจากกลุ่มนักสู้หน้าศรแดง กลับเตรียมการไล่ล่ากดดันขบวนพันธมิตรกันอย่างเป็นงานเป็นการ สงครามขวดน้ำ กระป๋องโค้ก ขวดลิโพ ดำเนินไปอีกหลายระลอก แต่ก็ยังไม่รุนแรง

ขบวนพันธมิตรเริ่มออกเดิน รถบรรทุกหลายคันแล่นไปเป็นระลอก คันสุดท้ายที่มี อัญชลี ไพรีรักษ์ เป็นโฆษก เริ่มออกแล่น ฉับพลัน นักต่อต้านเริ่มออกตาม กดดันรถยนต์และมอเตอร์ไซค์พันธมิตร การปะทะเริ่มขึ้นอีกครั้ง และผลก็คือรถเหล่านั้นหันกลับ ขับหนีไป พวกพันธมิตรขว้างก้อนหินและไม้กลับมา นักต่อต้่านโต้กลับด้วยบล็อกตัวหนอนปูถนน ขวดน้ำ ข่าวลือที่น่ายินดีก็คืออัญชลี ไพรีรักษ์ โดนหินตัวหนอนได้เลือดไปด้วยท่ามกลางความสะใจของผู้ชมที่เห็นสภาพของนาง

จากสนามหลวง ขบวนประชาชนชาวสนามหลวงออกเดินขบวนติดตามทันที พวกเขาประกาศมาว่า “ไอ้ลิ้มเดินเมื่อไหร่ เราเดินตามทันที” เสียงกระหึ่มก้องตามมา “ไอ้ลิ้ม ออกไปๆๆๆๆ” ผู้คนที่ระอุไปด้วยเคียดแค้นเหล่านั้นตามมาเป็นแถวยาว

ขบวนพันธมิตรหยุดที่ผ่านฟ้า กลุ่ม รปภ พันธมิตร จำนวนมากวิ่งมาป้องกันด้านหลัง ท่อนไม้ มีด และบางคนเลวถึงขนาดถือปืนฉมวกยิงปลาในทะเลมาด้วย นี่มันมนุษย์หรือเปล่า จะเอากันให้ตายเลยหรือกับแค่ความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาชนโห่ฮา เสียงท้าทายดังก้อง “แน่จริงมาเดี่ยว ๆ กับกรู ไอ้พวกชาติหมา คนจริงไม่เล่นของโว้ย” เสียงโห่ฮาและประชาชนกลุ่มหนึ่งวิ่งไล่ตามไอ้โพกหัวตัวหนึ่งที่หนีหัวซุกหัวซุน เผ่นพรวดเดียวหายไปกลางกลุ่มพวกมัน ไหนบอกว่ากล้า

มืดแล้ว หน้า สน.นางเลิ้ง หน่วยปราบจลาจลถอนตัวไป เว้นช่องว่างเหลือเพียงตำรวจท้องที่สิบกว่าคน ช่องว่างนั้นกลายเป็นสาเหตุแห่งการนองเลือดของประชาชน เมื่อกลุ่ม รปภ ในอาณัติของไอ้หน่อง รวมกำลังกรูกันเข้าหากลุ่มต่อต้าน ทุกคนอาวุธครบมือ ไม้พลองกระบองสั้น ที่ชักออกมาคือมืดคมแบบเสือฃ่อนเล็บที่ชักออกมาไล่ตีไบ่แทงประชาชน ตีตะลุยประชาชนที่มีทั้งผู้หญิง คนแก่ รถเข็นแม่ค้า ตะลุยตีไม่เลือกทั้งคนแก่ คนสาว เด็กเล็ก สลบไปหนึ่งคน บาดเจ็บอีกนับสิบ ประชาชนโต้กลับด้วยท่อนไม้ บล็อกตัวหนอน จบลงด้วยคนหนึ่งเข้าโรงพยาบาล และยังไม่ฟื้นจากสลบในตอนที่ผมกำลังเขียนอยู่

แล้วพวกมันก็วิ่งอ้าวหนีไปทั้งแก๊งค์ เมื่อชาวสนามหลวงรวมพลังพุ่งเข้าใส่ด้วยความเคียดแค้น หายกลับไปหลังแนวตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุ

เมื่อครึ่งคืนมาถึง บนเวทีพันธมิตรนั้ พวกอมนุษย์หายหัวไปหมด หายไปจากขบวนทั้งแก๊งค์ ไอ้ลิ้ม ไอ้ใส ไอ้สมเกียรติ ไอ้สมศักดิ์ ไอ้พิภพ เหลือแต่เถรเฒ่าทุศีล จำลอง เพียงคนเดียวเห่าหอนอยู่บนเวที

เรากลับมานั่งที่รัตนโกสินทร์ ทันได้เห็นภาพพวกโพกผ้าโพกหัวกรู้ชาติและเสื้อเหลืองถือไม้ไล่กรุ้มรุมทำร้ายประชาชน ผู้หญิงและเด็กออกแพร่ภาพประจานโจรปล้นชาติไปทั่วทางช่องเจ็ดสี ตามมาด้วยภาพแป๊ะลิ้มหน้าเครียด อัดบุหรี่อย่างแรง ใบหน้านั้นดูสิ้นหวังกังวล เหมือนคนที่พอเข้าใจว่า วาระสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามาทุกวินาที

สะพานมัฆวาฬ ตำรวจหลายร้อยคนรออยู่ที่นั่น รถบรรทุกสำหรับขังผู้ต้องหาเตรียมพร้อมนับสิบคัน กำลังปราบจลาจลนระจันหน้ากับพันธมิตรที่เหลือจำนวนหนาตาอยู่แค่หน้าตึกยูเอ็น ที่เหลือถนนว่างโล่ง เหลืออีกราวสองร้อยคนถือไม้คนละท่อนเตรียมปะทะอยู่ที่แยกกระทรวงคมนาคม โดยถนนที่เหลือระหว่างสองกลุ่มยาวหลายร้อยเมตรไม่มีคนเหลือพอจะเรียกได้ว่าเป็นม็อบ

จำลองพยายามต่อรองขอผ่านทางจากตำรวจ แต่ไม่มีใครยอมและจำลองเองก็คงสิ้นปัญญา เพราะเวลาผ่าไปแล้วหลายชั่วโมง

เรายังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ที่แน่นอน “เรายอมพวกอัปรีย์เหล่านี้ต่อไปไม่ได้แล้ว” มันต้องได้รับโทษกันบ้าง

(๐๒.๐๐ น. ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑)

จาก Thai E-News