ที่มา ไทยรัฐ
ผมเกือบลืมไปเสียแล้วครับว่า วันนี้เป็นวันหยุดราชการพิเศษที่คณะรัฐมนตรีท่านมีมติไว้นานแล้วว่า สัปดาห์ใดที่มีวันทำงานแทรก หรือคั่นอยู่กับวันหยุดสำคัญต่างๆ...ก็ให้วันทำงานที่ว่า นั้นเป็นวันหยุดเสียด้วยเลย
จะได้มีช่วงวันหยุดยาวหลายๆวันติดต่อกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยว หรือเดินทางกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
ถือเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซามาตั้งแต่ปลายปี ที่แล้ว ให้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง
ถ้าเป็นในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังหมุนจี๋ เงินสะพัดทั่วประเทศไทย จีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยขยายตัวแบบพุ่งปรี๊ดๆ ละก็
รัฐบาลขืนมาเพิ่มวันหยุดให้ประชาชนแบบนี้ คงจะถูกสวดแหลกลาญ หาว่ามาทำให้ประชาชนเกียจคร้านเอาแต่เที่ยวไม่ขยันทำงาน เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ
ยุคน้าชาติเป็นนายกฯ ประกาศหยุดยาววันสงกรานต์ เพราะอยากให้คนต่างจังหวัดที่มาทำมาหากินใน กทม. และปริมณฑลหลายล้านคนได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวหลายๆวัน...ยังถูกวิจารณ์แซด
แต่มาถึงยุคนี้ ไม่มีเสียงคัดค้าน มีแต่เสียงขานรับว่าทำดี ทำถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี งานไม่มีจะทำอยู่แล้ว ไปนั่งที่ทำงานก็ไร้ประโยชน์
ให้หยุดไปเที่ยวเสียดีกว่า ยังจะมีประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง
เราก็เลยได้วันหยุดยาวๆ แบบหยุดพิเศษมาด้วยประการฉะนี้
แต่เท่าที่ได้รับรายงาน ผลของการหยุดหลายวันอาจไม่ส่งถึงสถานการณ์ ทางด้านท่องเที่ยวมากนัก
เพราะผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรมต่างจังหวัด แจ้งว่า ยอดจองโรงแรมเพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์
ยกเว้นจังหวัดที่มีประเพณีงานบุญดังๆ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอื่นๆของภาคอีสาน ที่มีชื่อเสียงในด้านแห่เทียนพรรษา ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปเยือนอย่างหนาแน่น
แต่ไม่ว่าวันหยุดพิเศษเหล่านี้จะช่วยหรือไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก
เพราะรัฐบาลท่านก็บอกแล้วว่า เป็นมาตรการเฉพาะหน้า นำมาใช้เฉพาะในช่วงเวลาที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจเท่านั้นเอง มิได้ตั้งใจจะทำตลอดไป
สำหรับปีนี้ ไหนๆก็ได้วันหยุดมาแล้วก็ใช้ซะให้คุ้มค่า
เนื่องจากเป็นวันหยุดที่แทรกอยู่ระหว่างเสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดสำคัญ ทางศาสนา 2 วัน ก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะใช้เป็นช่วงเวลาพักผ่อนจิตใจ นำตัวเข้าไปอยู่ใกล้ๆพระศาสนาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ผมเชื่อว่าทุกๆบ้านมีห้องพระหรือหิ้งพระ และส่วนมากก็มักจะมีพระคล้องคอกันอยู่แล้ว
เข้าไปกราบไหว้พระในห้อง หรือบนหิ้ง หรือจะประนมมือนิมนต์พระที่คล้องคอขึ้นจบเหนือศีรษะ เหนือหน้าผากสักชั่วครู่ ก็จะทำให้จิตใจสดชื่นขึ้น และสงบขึ้น
จากนั้น ก็นั่งนิ่งๆนึกทบทวนย้อนหลังกลับไปว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2552 เป็นต้นมานั้น เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
อย่าลืมว่าวันหยุดพิเศษวันนี้ อยู่ในช่วงครบครึ่งปี หรือ 6 เดือนแรก ของปีนี้พอดิบพอดี
ระยะเวลา 6 เดือน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทบทวนในเรื่องต่างๆ เพราะหากมีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้นจะได้ปรับตัวทันก่อนสิ้นปี
นะครับ...ก็ลองนั่งทบทวนกันดูว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ชีวิตของเราเป็นอย่างไร? เผชิญอะไร? แก้ปัญหาไปอย่างไร? ได้ผลแค่ไหน? ควรจะทำอย่างไรต่อไป?
ตั้งโจทย์ให้ตัวเองอย่างตรงไปตรงมาจะมีประโยชน์มาก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะหนักแค่ไหน ยากลำบากเพียงใด สิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่เสมอก็คือ เราจะต้องไม่ท้อถอย เราจะต้องกัดฟันสู้ โดยอาศัยความเพียรและความดีเท่านั้นเป็นแนวหลักในการแก้ปัญหาทั้งปวง
ขอให้ท่องไว้เลยว่า
ความเลวไม่มีทางแก้ปัญหาอะไรได้เด็ดขาด มีแต่จะทำให้ทุกอย่างทรุดหนักลงไปอีก
ครับ! ก็ฝากแนวคิดไว้เพียงเท่านี้ และขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านนั่งทบทวนครึ่งปี 2552 ด้วยความสงบและเยือกเย็น...เพื่อที่จะยืนหยัดต่อสู้กับครึ่งปีหลังด้วยความสงบและเยือกเย็นต่อไป
กระบี่อยู่ที่ใจครับ...หัวใจที่แกร่งกล้าและยึดมั่นในความดี รบพันครั้งชนะพันครา...มากกว่าตำรา รู้เขารู้เรา ของซุนวูด้วยซ้ำ.
"ซูม"