ที่มา ไทยรัฐ
"ถ้าเขาทนไม่ได้ ไม่บังคับให้ทนอยู่หรอกครับ ถ้าไม่อยากทนอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ผมทำงานอย่างเดียว ถ้าใครไม่สมัครใจก็ไม่บังคับ ไม่มีปัญหา คนเราไม่ควรจะทนทำงาน แต่ควรทำงานด้วยความสมัครใจและอยู่กันด้วยเหตุผล ไม่ได้บังคับให้ใครมาอยู่กับผม ถ้าไม่เดินตามแนวทางที่ถูกต้อง"
นี่คือ "เดอะมาร์ค" ตัวจริงเสียงจริงที่ตอกกลับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ และรัฐมนตรีมหาดไทยตัวจริงเสียงจริงเหมือนกัน แม้จะต้องติดบ่วงบ้านเลขที่ 111 ก็ตาม
นายศักดิ์สยามได้กล่าวทำนองว่า "พรรคภูมิใจไทยที่ต้องทำงาน ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปก็เพื่อให้ได้ใช้เงินกู้ 8 แสนล้าน และเงินงบประมาณปี 53"
จนเป็นมูลเหตุให้นายกฯไม่พอใจ และได้แสดงตัวตนอย่างที่ไม่เคย พบเห็นกันมาก่อน เพราะแน่นอนว่าในฐานะผู้นำรัฐบาล แต่มีคนในรัฐบาล พูดจาแบบนี้ไม่มีใครรับได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งและแสดง "ธาตุแท้" ออกมาให้เห็น
ที่สำคัญรัฐบาลเสียหายแน่ เพราะคำพูดนั้นแปลความหมายได้ขอให้รอถลุงงบประมาณ เงินกู้จากโครงการต่างๆ รวมถึงให้นักการเมืองกระเป๋าตุงก่อนจึงจะแยกจากกัน
ครับ...ก็เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาทันที
ร้อนถึงพ่อชัย พี่เนวิน และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยต้องรีบเคลียร์ ทันที ด้วยการขอโทษขอโพยนายกฯ และชี้ว่าน่าจะเป็นการพูดเล่นกับ นักข่าวมากกว่า
การแสดงท่าทีของนายกฯครั้งนี้ เชื่อว่าคงทนไม่ไหวกับพฤติการณ์ทาง การเมืองของพรรคภูมิใจไทยและนายศักดิ์สยามมากพอสมควร โดย เฉพาะตัวนายศักดิ์สยามเองนั้นทำอะไรในมหาดไทยไว้ก็คงจะรู้กันดี แม้จะเป็นประธานที่ปรึกษา มท.1 แต่ความเป็นจริงแล้วน่าจะเป็น มท. 1 ตัวจริง เพราะแทบจะสั่งการเองเกือบทั้งหมด
"ปู่ชวรัตน์" ก็แค่ "ตุ๊กตา" ในตู้โชว์หน้างานเท่านั้น
ว่าที่จริงแล้วการกินข้าวมื้อกลางวันระหว่างนายกฯกับนายเนวินนั้น ทำให้บรรยากาศการเมืองดีขึ้น โดยนายเนวินยอมรับแนวทางการทำงาน ของนายกฯ และข้อคิดเรื่องโครงการต่างๆที่เกิดข้อกังขาจนทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาขัดแย้ง รวมถึงขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชน ทำให้ ภาพรวมของรัฐบาลเสียหาย และเข้าทางพรรคฝ่ายค้านและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จ้องจะโค่นล้มอยู่แล้ว
นายกฯได้แสดงภาวะผู้นำเต็มพิกัด และถือว่าถูกต้องไม่ธรรมดา จริงๆแล้วนายกฯคงคับอกคับใจมานาน ได้แต่เก็บกดเอาไว้ ดังนั้น การ แสดงท่าทีที่ชัดเจนอย่างนี้ หากอยู่กันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แต่ถ้าจะอยู่ร่วม กันต่อไปต้องฟังกันบ้าง
ไม่ใช่นึกอยากจะทำ นึกอยากจะคิด หรือนึกอยากจะได้อะไรก็ทำ ตามใจชอบได้ นั่นมันไม่ใช่รัฐบาลแล้ว และจะทำให้อายุรัฐบาลสั้นเร็วขึ้น
แทนที่จะจับมือร่วมกันทำงานเพื่อความอยู่รอดและมองถึงอนาคต ข้างหน้า ซึ่งต่างก็รู้กันดีว่าจะต้องเจอมรสุมอะไร ไม่ใช่คิดว่าข้าแน่อยู่ร่ำไป การพ่ายแพ้เลือกตั้งที่สกลนครมันก็คือคำตอบที่พิสูจน์มาแล้วว่าเล่นการเมืองอย่างนี้มีแต่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าในฐานะนายกฯต้องรับผิดชอบทุกอย่างหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมา ส่วนคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลก็เปิดตูดแยกกันไป
สภาพของรัฐบาลในปัจจุบันก็รู้อยู่แล้ว มีปัญหาสารพัดทับซ้อนกัน เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้น การเมืองก็ยังยุ่ง ปัญหาสังคม โรคร้ายก็รุกกระหน่ำ เกิดปัญหาขัดแย้งในรัฐบาลเรื่องโครงการไม่โปร่งใส อีกทั้งในประชาธิปัตย์ก็ไม่สงบดีดแข้งดึงขา อยากใหญ่อยากเป็นรัฐมนตรีกันวุ่นไปหมด
อีกทั้งศึกนอกก็ไม่ธรรมดา เพราะวันนี้จากยักษ์หลับกลายเป็นยักษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว และดูจะน่ากลัวยิ่งกว่าเก่าเสียอีก หากภูมิใจไทยยังเล่นการเมือง "น้ำเน่า" อย่างนี้ อย่าได้คิดชนะเลือกตั้งเป็นอันขาด
ดีไม่ดีพื้นที่ "บุรีรัมย์" จะรักษาเอาไว้ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้.
"สายล่อฟ้า"