ที่มา บางกอกทูเดย์
ประสิทธิภาพของทหาร ดูกันที่สนามรบความพร้อมของกำลังรบ ดูกันที่การสวนสนามความปราชัยของรัฐบาลไทยที่มีนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแม่ทัพใหญ่ และพ่ายศึกหวัด 2009..จากการเป็นประเทศที่ปลอดโรคเมื่อก่อนหน้า ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ทั้งในด้านการแพร่หลายและอัตราคนตายในทวีปเอเชียนั้นยืนยันได้ดิบดี ถึงฝีมือในการบริหารราชการแผ่นดินของ..คณะรัฐมนตรีชุดนี้ยืนยันได้ดิบดี ถึงการไม่รู้จักประเทศไทยของ..นักเรียนนอกจำนวนมากที่นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี..ไทย..เป็นประเทศที่ปลอดภัย ในขณะที่หวัด2009 กำลังแพร่ขยายตัวอยู่ในโลก และเริ่มข้ามทวีปเข้ามาในเอเชีย..กระทรวงสาธารณสุข..ตั้งรับเต็มที่จากการเฝ้าตรวจที่ทางเข้าประเทศสนามบิน..แต่ทางเข้าประเทศไทย..ใช่จะมีแต่สนามบินมีหนทางเข้าประเทศมากมายเกือบจะในทุกๆชายแดนของประเทศ..ดังนั้น มาตรการป้องกันจึงพังทลาย และกลับกลายเป็นว่า..เป็นประเทศที่มีการระบาดน่ากลัวที่สุดประเทศหนึ่งในโลกนายกฯ อภิสิทธิ์..ออกมาแบ่งรับ
แบ่งสู้ว่า..ตัวเลขคนป่วยน่าจะมีมากกว่าที่เป็นตัวเลขทางราชการ..ก็ต้องแสดงความเคารพกับการยอมรับความจริงของนายกรัฐมนตรีถึงวันนี้..รัฐบาลวิ่งไล่ตามการระบาดของโรคโดยการปิดโรงเรียนกวดวิชา..แต่รัฐบาลแทบจะไม่ทำอะไรกับประชาชนวันละหลายล้านคนที่..แออัดยัดทะนานกันอยู่บนรถเมล์ รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน..ในรถตู้แสนอุดอู้ที่แล่นแทนที่รถประจำทางเราไม่ต้องการรัฐบาลที่ทำปาฏิหาริย์..หยุดการคุกคามของโรคนี้ได้...เพราะไม่มีรัฐบาลใดๆ ในโลกสามารถทำได้..แต่รัฐบาลก็ให้การศึกษาน้อยมาก สำหรับให้ประชาชนรู้จักตัวตนของโรคนี้...ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง..โฆษณาส่วนมากของรัฐบาลยังเน้นไปที่การหาเสียงและอวดคุณวิเศษของรัฐมนตรี..มีโฆษณาของทางราชการล้นไปทุกหน้าจอทีวี..แทนที่จะใช้เวลาและงบประมาณทำให้ประชาชนรู้ที่จะอยู่และสู้กับภัย 2009ในญี่ปุ่นผู้คนปิดผ้าคาดหน้าเดินกันเพ่นพ่าน..แต่ประเทศไทยเห็นกันได้ 1 หรือ 2 คนต่อวันหมอกับหมอ..ทะเลาะกันข้างห้องวีไอพีไม่มีสักคนที่เป็นคนไทยกล้าใช้ผ้าคาดหน้า..ทั้งที่ในญี่ปุ่น เกาหลี..เขาใช้กันเต็ม..วันนี้สายเกินไปแล้วสำหรับการต่อสู้..ยังเหลืออยู่แต่การป้องกันบอกประชาชนว่า..จะปลอดภัยได้อย่างไรจาก..หวัด 2009.. ■