ที่มา ไทยรัฐ
ในอารมณ์วัดใจคิวชนกันพอดีกับรายการล่าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกประทับตรา "นักโทษชาย" ในคดีเซ็นชื่อรับรองให้เมียประมูลซื้อที่ดินจากรัฐ ในห้วงดำรงตำแหน่งผู้นำ ผิดหลักธรรมาภิบาล
เครือข่ายคนเสื้อเหลืองด่ายับ กวักมือเรียกให้กลับมาติดคุก
รับกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้
มันก็เป็นอะไรให้ได้จังหวะเปรียบเทียบ ถ้าคิดกันตามหลักนิติรัฐเช่นเดียวกัน ภายใต้ กฎหมายฉบับเดียวกัน ยึดหลักธรรมตามพุทธศาสนาเหมือนกัน ก็ต้องถือเป็นผล "กรรม" ที่ได้กระทำเหมือนกัน
สนองกันตามโปรแกรมเวลา
จับอารมณ์ที่สังคมยังเฉยๆ ไม่ได้เต้นตามไปกับรายการที่ตำรวจออกหมายเรียกแกนนำม็อบพันธมิตรฯรับทราบข้อหา "ก่อการร้ายสากล" ในคดียึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปิดล้อมสนามบินดอนเมือง ในอาการที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลืองออกมาโวยวายว่า เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินไป
ชิงจังหวะปลุกกระแส ตั้งแง่เป็นรายการเตะตัดขาค่ายการเมืองใหม่
แต่มันก็เป็นอะไรที่เห็นๆกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกระแส หรือโมเมนตัมทางการเมือง ณ นาทีนี้ โดยสถานะของค่ายสีเหลืองเขียวที่ยังเพิ่งตั้งไข่ ไม่ได้เปรี้ยงปร้างตามแผนที่หวังไว้
มันยังไม่มีเหตุจูงใจให้คิดไปไกลขนาดนั้น
และอันที่จริงเลย ถ้าจะพูดถึงผลสะเทือนทางการเมือง น่าจะเป็นฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ซะมากกว่า ในฐานะต้นสังกัดอย่างเป็นทางการของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่มีชื่อติดอยู่ในบัญชี "ผู้ต้องหา" พ่วงคดีก่อการร้ายสากล
กับความสง่างามในฐานะ รมว.ต่างประเทศที่ต้องไปเจรจาความในเวทีนานาชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่รู้สึกกระดากใจบ้างก็แปลกแล้ว
แต่ภายใต้เงื่อนไขกระอักกระอ่วน อาการลำบากใจของรัฐบาล ไม่ต้องพูดถึงการตัดสินใจด้วยตัวเองของนายกษิต เพราะเจ้าตัวประกาศชัดเลยว่า จะยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศต่อไป
ซึ่งเป็นท่าทีที่ส่อให้เห็นแล้วก่อนหน้านี้ จากแรกๆที่ประกาศเสียงแข็งว่า แค่โดนตำรวจออกหมายเรียกจะลาออกจากตำแหน่งทันที เพื่อโชว์สปิริตการเมืองใหม่ที่เหนือกว่าการเมืองเก่า แต่หลังจากนั้นก็พลิกกลับลำ ออกมาย้ำแบะท่าจะอยู่ในตำแหน่งไปจนกว่าจะมีผลทางคดี
"กษิต" ลดมาตรฐานจากนักการทูตมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว
โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้าย มันจึงไหลไปตกอยู่ที่นายกฯอภิสิทธิ์ที่กำลังโชว์ฟอร์มพระเอกกับบท "คุณชายสะอาด" ลอยตัวข่มพรรคร่วมรัฐบาล สกัดทุจริต
สะกดพยศเสือสิงห์เขี้ยวลากดิน จนได้รับการยกก้นจากกองเชียร์ว่า ฟอร์มเข้มขึ้นทุกวัน ยกระดับมาตรฐานสมราคาท่านผู้นำ
ถึงคิวตำตอ คิวร้อนของคนวงในกันเอง จะตีกรรเชียงเด้งเชือกยังไง
กับคำถามของนักข่าว กรณีของนายกษิตจะทำให้แรงกดดันพุ่งเข้าใส่รัฐบาลหนักขึ้นหรือไม่ เพราะอยู่ในห้วงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง
เร้าด้วยเสียงบลัฟแกมถากถางของ "สองเกลอ" นายจตุพร พรหม-พันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยุส่งให้นายกฯอภิสิทธิ์อุ้มนายกษิตอยู่ในรัฐบาลต่อไป
นัยว่าจะได้ลงเหวไปพร้อมกัน
และมันก็เป็นอะไรที่พอจับสัญญาณได้กับเสียงของนายกฯอภิสิทธิ์ พูดตามหลักการ ให้สิทธินายกษิตได้ชี้แจงตามข้อกฎหมาย ตามที่เจ้าตัวจะใช้สิทธินั่งในตำแหน่งต่อไป
แต่ก็ทิ้งทุ่นไว้ พร้อมจะพิจารณาตามความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของนายกษิต
โดยไม่ต้องรอคำสั่งฟ้องตามกฎหมาย
ประกอบเงื่อนไขในเชิงบริหาร กับคิวร้อนๆจ่อชายแดนด้านเขาพระวิหาร รัฐบาลต้องส่ง "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไปเจรจาความกับนายกฯฮุน เซน ของกัมพูชา
สะท้อนปัญหาคาใจบิ๊กเขมรยังไม่ลืมเสียงด่า "ไอ้กุ๊ย" ของ "กษิต"
"อภิสิทธิ์" ได้จังหวะเคลียร์ทีเดียวเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน