สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศจีนและเครือข่ายสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในเอเชียอาคเนย์ แสดงความวิตกกังวลกรณีคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยถูกฟ้องร้องฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระบุกฎหมายหมิ่นฯ กลายเป็นเครื่องมือปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
หลังจากที่ น.ส.ลักษณา กรณ์ศิลป อายุ 57 ปี อาชีพนักแปลและที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรมบริษัทเอกชน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เดชา พรหมสุวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับ นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคเอเชีย และกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ FCCT รวม 13 คน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี กรณีร่วมกันนำคำบรรยายพิเศษภาษาอังกฤษ ของนายจักรภาพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 50 โดยอ้างว่ามีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์บันทึกเป็นวีซีดีออก จำหน่ายกับประชาชน รวมทั้งจัดแปลบทเสวนาของนายวีระ มุกสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ สองแกนนำ นปช. ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เป็นภาษาอังกฤษออกเผยแพร่นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ก.ค. สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศจีนได้แถลงแสดงความวิตกกังวลต่อกรณีดังกล่าว ทั้งยังได้เรียกร้องให้ทางการไทยให้การรับรองเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าวในประเทศไทย
โดยแถลงการณ์เรื่องการฟ้องร้องสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล ระบุว่าสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศจีนมีความวิตกกังวลที่ได้รู้ว่าผู้ร่วมวิชาชีพของเราซึ่งเป็นสมาชิกทั้งคณะของคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยถูกฟ้องร้องในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งเป็นโทษอาญาที่มีระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนคณะกรรมการทั้ง 13 คนของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศหลังจากได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษซึ่งอ้างถึงการจำหน่ายดีวีดีของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนก่อนซึ่งมาปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย โดยที่การปาฐกถาดังกล่าวมีขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
นี่เป็นความกังวลที่หนักขึ้น เนื่องจากฎหมายไทยเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพถูกใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก โจนาธาน เฮด กรรมการคนหนึ่งของสมาคมต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเดียวกันกับที่เคยถูกฟ้องร้องมาก่อน
นายสก็อต แมคโดนัลด์ ประธานสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กล่าวเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย โดยระบุว่า “สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเรียกร้องต่อทางการไทยให้เคารพต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนและให้หลักประกันว่าผู้สื่อข่าวสามารถทำหน้าที่ของตนในประเทศไทยได้โดยมีอิสระจากการกีดขวาง”
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 2 ก.ค. เครือข่ายสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในเอเชียอาคเนย์ หรือ ซีป้า (The Southeast Asian Press Alliance -SEAPA) ซีได้ออกแถลงการณ์ แสดงความวิตกกังวลต่อกรณีการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฟ้องร้องคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย และเน้นย้ำว่าสิ่งที่นี่คือการตอกย้ำการความต่อเนื่องของการคุกคามซึ่งกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นปัญหาของการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทย
“เราพบว่านี่เป็นพัฒนาการของปัญหาที่ลึกซึ้งยิ่ง ผู้สื่อข่าวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ มีโอกาสที่จะเผชิญกับความพยายามที่จะคุกคามสื่อมวลชนในประเทศไทย” โรบี้ อาลัมเปย์ ผู้อำนวยการซีป้ากล่าว และว่า “เราได้กล่าวไปแล้วและขอกล่าวอีกครั้งว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในระบบกฎหมายไทยนั้นต้องได้รับการทบทวนโดยสภานิติบัญญัติและผู้นำของไทยต่อประเด็นที่มันถูกใช้ในการปิดกั้นและคุกคามสื่อมวลชนในประเทศ"