ที่มา สยามรัฐ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศให้หยุดราชการติดกัน 5 วันรวด ตั้งแต่วันที่ 4 – 8 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจและไปเที่ยวเตร่ให้สบายอารมณ์ ฟังแล้วรู้สึกว่าเมืองไทยนี่ช่างรื่นรมย์สุขสบาย ประชาชนจึงมีอารมณ์สุนทรีย์อยากท่องเที่ยว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้หรือเปล่าว่าชาวบ้านเขาพูดกันว่าอย่างไร โดยเฉพาะพวกตกงานที่ยังมืดแปดด้านไม่รู้จนะหาเงินจากไหนมาใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนพวกที่ยังพอมีงานทำก็เก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่มีอารมณ์อยากไปเที่ยวเพราะเงินมีจำกัด อยากเรียนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะทราบว่า สิ่งที่ประชาชนไทยต้องการมากที่สุดในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องท่องเที่ยวหรือการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะประชาชนกลัดกลุ้มกังวลกลัวตกงาน กลัวเงินหมดกระเป๋า พวกเขาอยากให้รัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจเร็วที่สุด ขอย้ำว่า ประชาชนไทยวันนี้ต้องการหลักประกันที่มั่นคงในการมีงานทำ แม้จะเหนื่อยยากหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ก็ทนไหว และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินจนทำให้ประชาชนแบกหนี้ท่วมหัวก็ทนได้ ขอเพียงให้รัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจให้สำเร็จเท่านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จบปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดแห่งอังกฤษ เชื่อว่าในด้านทฤษฎีที่เป็นวิชาการมีความรู้มากพอ แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ขาดไปก็คือด้านประสบการณ์ที่เป็นของจริง ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงชีวิตจิตใจของประชาชนในระดับล่าง ความทุกข์ของคนระดับล่างมีมากมาย คนเหล่าต้องการให้รัฐบาลฉุดชีวิตตนเองให้มีสภาพดีขึ้น สิ่งที่พวกเขาต้องการก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง เพราะต้องการสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานไม่กี่อย่างเช่น การมีบ้าน มีงานทำ ลูกหลานได้เรียนหนังสือสูงๆ ได้รับสวัสดิการด้านรักษาพยาบาล อยู่ในสังคมที่ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายและยาเสพติด และได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ผู้นำประเทศจำเป็นต้องรู้เรื่องคนระดับล่างอย่างลึกซึ้ง และต้องมีนโยบายที่ชัดเจนซึ่งมีความเป็นไปได้สูง จึงจะสามารถปลดเปลื้องความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ในชาติได้ ผู้นำที่คิดง่ายคิดสั้นๆ มักมองปัญหาอย่างฉาบฉวย โดยยึดเอาความมั่นคงในเก้าอี้แห่งอำนาจและความต้องการของตนเป็นตัวตั้ง ซึ่งในบางยุคสมัยก็คิดเลยเถิดไปถึงขั้นบอกว่า ความมั่นคงของตนเป็นความมั่นคงของประเทศชาติ ใครคิดไม่ตรงกับตนหรือขัดแย้งต่อต้านสิ่งที่ตนคิด จะต้องเป็นคนที่ไม่รักชาติหรือเป็นภัยต่อชาติ ซึ่งสังคมในประเทศด้อยพัฒนามักได้ผู้นำแบบหลังนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ทำท่าจะตกอยู่ในสภาพดังกล่าว เพราะหลังจากประสบความล้มเหลวในการอัดฉีดเงินตามแนวทางประชานิยมและแก้ปัญหาต่างๆไม่ได้ ก็กำหนดยุทธศาสตร์ในการทำงานการเมืองครั้งหลังสุดออกมาว่า จะต้องทำใน 4 ข้อสำคัญได้แก่ 1.รวมกันเราอยู่ 2.ร่วมกู้เศรษฐกิจ 3.ใกล้ชิดประชาชน และ 4.โชว์ผลงานทุกพื้นที่ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่คณะรัฐบาลผสม มากกว่าที่ประชาชนจะได้รับ รัฐบาลต้องการเพียงแค่ความอยู่รอดของพวกตน แล้วประชาชนระดับล่างที่จมความทุกข์จะหวังให้แก้ไขปัญหาและปลดทุกข์ของตนได้อย่างไร การทำอภิมหาโปรเจกต์ด่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องโครงสร้างขั้นพื้นฐานเช่น สร้างถนนหนทาง สร้างสถานีอนามัย ทำรถฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม สร้างโรงเรียน ฯลฯ เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และกลุ่มที่ผู้ประโยชน์มากที่สุดก็คือพวกพ่อค้าผู้รับเหมา ที่เป็นหัวคะแนนนักการเมือง ส่วนพวกเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนตกงาน และคนหาเช้ากินค่ำ ต้องทนกันต่อไป
โดย วิทยา ตัณฑสุทธิ์