ที่มา มติชน
ใน วันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา และแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในช่วงค่ำของวันนั้น
คำปราศรัยของ "อภิสิทธิ์" ยังคมคายเช่นเดิมสมกับเป็น "นักพูด" ที่หาตัวจับยาก
เขา เลือกใช้คำที่สละสลวยในการอธิบายเหตุผลการยุบสภา และใช้เวลาส่วนใหญ่แถลงผลงานของรัฐบาล โดยเลือกประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ในการหาเสียงครั้งนี้
และทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การศึกษา การประกันรายได้เกษตรกร การปรองดองฯลฯ
"อภิสิทธิ์" จะตบท้ายด้วยคำว่า "เราได้เริ่มต้นแล้ว"
เพื่อที่จะบอกว่าเขาได้ทำแล้ว แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ
เป็นกลยุทธ์การสร้างความต่อเนื่องกับสโลแกนของพรรคประชาธิปัตย์ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้
.....เดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน
เมื่อ "เริ่มต้นแล้ว" จะได้ "เดินหน้าต่อไป"
กลยุทธ์ การทิ้งคำ "เริ่มต้นแล้ว" ในทุกผลงานที่แถลงของ "อภิสิทธิ์" ทำให้หลายคนนึกถึงคำปราศรัยของ "บารัก โอบามา" ในวันที่รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
วันนั้น "โอบามา" ใช้วิธีการทิ้งคำ "Yes, we can" หรือ "ใช่ เราทำได้" เป็นช่วงๆในตอนท้ายของการปราศรัย
การทิ้งคำลักษณะนี้เป็นการตอกย้ำให้คนจำและรู้สึกตามนั้น
และสร้างความคมคายให้กับการปราศรัย
ความละม้ายคล้ายคลึงดังกล่าวนี้เองทำให้คนนึกถึงการยกตัวอย่าง "คุณยายเนียม" ของ "อภิสิทธิ์" ในวันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เพราะคล้ายกับ "คุณยายแอนน์ นิกสัน คูเปอร์" อายุ 106 ปีจาก "แอตแลนตา" ในคำปราศรัยวันเดียวกันของ "โอบามา" เพื่อสร้างอารมณ์สะเทือนใจให้กับผู้ฟัง
แต่การสรุปว่า "อภิสิทธิ์" ลอกข้อสอบก็ดูจะไม่เป็นธรรม
เพราะ "อภิสิทธิ์" นั้นจบมาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเป็นประธานโต้วาทีของมหาวิทยาลัย ย่อมต้องศึกษาเรื่องหลักการพูดแบบตะวันตกมาเป็นอย่างดี
ทำให้วิธีการพูดของเขาละม้ายคล้ายคลึงกับ "โอบามา" โดยบังเอิญถึง 2 ครั้ง
แต่ก็ทำให้คนนึกถึงนโยบาย "บ้านหลังแรก" และ "รักษาฟรี"
ไม่ได้ "ลอก" เพียงแค่ "คล้าย" เท่านั้นเอง
…………………………………
คำปราศรัยของ "บารัก โอบามา" ที่เมืองชิคาโก้ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551
"การ เลือกตั้งครั้งนี้ได้ก่อ ให้เกิด ′ครั้งแรก′ ในหลายๆ เรื่อง และก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายที่เราจะบอกเล่าสู่คนรุ่นต่อไป แต่เรื่องหนึ่งที่อยู่ในใจของผมในคืนนี้เป็นเรื่องของหญิงผู้หนึ่งซึ่งออกมา ลงคะแนนเสียงที่แอตแลนตา เธอก็เหมือนกับคนอื่นๆ อีกนับล้านซึ่งเข้าแถวรอเพื่อจะลงคะแนน
เว้นแต่ว่า แอนน์ นิกสัน คูเปอร์ หญิงผู้นั้นอายุ 106 ปีแล้ว
เธอ เกิดขึ้นมาในยุคของทาส ในห้วงเวลาที่ยังไม่มีรถยนต์วิ่งอยู่บนถนน ไม่มีเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า ในยุคที่คนเช่นเธอไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้ด้วย 2 เหตุผล คือ เพราะเธอเป็นผู้หญิงและเพราะสีผิวของเธอ
และ คืนนี้ ผมคิดว่าทุกสิ่งในอเมริกาที่เธอได้เห็นมา 1 ศตวรรษ ความร้าวรานใจและความหวัง การต่อสู้และความก้าวหน้า ช่วงเวลาที่พวกเราถูกบอกว่าเราไม่สามารถทำได้, กับผู้คนผลักดันความเชื่อของอเมริกา,ใช่ เราทำได้ !!
ณ ห้วงเวลาที่เสียงของผู้หญิงเงียบงัน และความหวังของพวกเธอถูกละเลย เธอดำรงชีวิตอยู่เพื่อมองหญิงเหล่านั้นลุกขึ้น เปล่งเสียง และเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง, ใช่ เราทำได้ !!
เมื่อ เกิดความหดหู่จากพายุใน ภาคกลางที่เกิดจากความแห้งแล้ง และเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วประเทศ เธอเคยมองเห็นประเทศชาติต่อสู้กับความกลัวด้วยข้อตกลงใหม่ งานใหม่ และด้วยสำนึกใหม่, ใช่ เราทำได้ !!
เมื่อ ลูกระเบิดหล่นลงบนอ่าวของ เรา และทรราชย์คุกคามโลก เธออยู่ที่นั่น เป็นพยานของคนในรุ่นนั้นซึ่งเติบโตขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ และประชาธิปไตยที่พวกเราพิทักษ์รักษา, ใช่ เราทำได้ !!
เธอ อยู่ที่นั่นเพื่อได้เห็นรถ เมล์ในมอนท์โกเมอรี่ บ้านในเบอร์มิงแฮม ถนนในเซลมา และบาทหลวงจากแอตแลนตาผู้บอกกับประชาชนว่า ′เราจะได้ชัยชนะ′, ใช่ เราทำได้ !!
ชายซึ่งได้เหยียบดวงจันทร์ กำแพงที่สลายลงในเบอร์ลิน และโลกซึ่งเชื่อมโยงถึงกันด้วยวิทยาศาสตร์และจินตนาการของเรา
และ ในปีนี้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เธอแตะนิ้วของเธอลงบนจอคอมพิวเตอร์ ออกเสียงเลือกตั้ง เพราะหลังจากผ่านประสบการณ์ 106 ปี ในอเมริกา ทั้งในยามรุ่งเรืองที่สุดและในโมงยามที่มืดมิดที่สุด เธอย่อมรู้ว่าอเมริกาสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ใช่ พวกเราทำได้!!!"
......................
ประกาศยุบสภาฯ ของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" วันที่ 9 พฤษภาคม 2554
"ผม พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ครับว่า ท่ามกลางภาวะความยากลำบากเหล่านี้ปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้อง ประชาชนนั้นก็ได้มีการเดินหน้าในการแก้ไข ได้มีการเริ่มต้นนโยบายหลายสิ่ง หลายอย่าง ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะใช้เป็นประโยชน์ในการเดินหน้าทำงานต่อไป
ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง นั้น เศรษฐกิจไทยของเรากำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวติดลบ คนกลัวกันว่าจะมีคนว่างงานพุ่งสูงไปถึง 1 ล้าน 2 ล้านคน สุดท้ายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้การว่างงานนั้นไปแตะที่ 7 แสนคนเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ลดลงมาอย่างรวดเร็วเหลือ 3 แสนคน ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวเป็นบวก การส่งออก การท่องเที่ยว สูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้แต่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็สูงสุดในรอบเป็นสิบปี
ถาม ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ก็ต้องตอบครับว่าไม่พอใจ เพราะตราบใดที่ยังมีพี่น้องประชาชนและครอบครัว ตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ลงไปนราธิวาส จากกาญจนบุรีไปอุบลราชธานียังคงมีปัญหาที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เราพอใจไม่ได้
แต่ขณะเดียวกันเราก็พูดได้ว่าการแก้ไขปัญหาปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดี….. เป็นงานที่เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง พี่น้องประชาชนและหลายครอบครัวมีภาระมากครับ ทั้งในเรื่องการศึกษาของลูกหลาน ทั้งในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย รัฐบาลได้มาเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ลดภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาต่าง ๆ ได้นำโครงการเบี้ยยังชีพถ้วนหน้ามาให้พี่น้องประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปี แบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชนไปได้
ถาม ว่าเพียงพอหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่พอ เพราะผมเชื่อมั่นว่า ครอบครัวของพี่น้องนั้นก็ต้องการที่จะมีหลักประกันความมั่นคง และการสร้างโอกาสให้กับลูกหลานมากกว่าที่เป็นอยู่
แต่งานที่จะทำสิ่งเหล่านี้นั้น เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์...เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความผันผวนของราคาของพืชผล รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเริ่มต้นโครงการประกันรายได้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแบบครอบคลุมทั่วถึง เงินสดไปถึงมือ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องของรายได้เป็นครั้งแรก ทำให้พี่น้องเกษตรกรทำการเกษตรแล้วไม่ขาดทุน พร้อม ๆ กันไปก็ได้อนุมัติโครงการประกันภัยพืชผล ที่จะมีการใช้ต่อไปปลายปีนี้
ถามว่าเพียงพอหรือยังในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้เป็นที่พึงพอใจ ก็ต้องตอบว่ายัง
แต่ขณะเดียวกันก็พูดได้เช่นเดียวกันว่างานที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร....ได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง
พี่ น้องครับ นอกเหนือจากเรื่องของเศรษฐกิจและปากท้องแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่ง ยังหนักหน่วงอยู่แน่นอนที่สุด
ถาม ว่าวันนี้มีความปรองดอง สมานฉันท์หรือยังก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ยืนยันความเป็นนิติรัฐของประเทศ ให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นปกครองด้วยกฎหมาย แล้วก็สามารถทำให้ภาวะต่าง ๆ กลับเข้ามาสู่ความเป็นปกติระดับหนึ่งที่จะคืนอำนาจให้แก่พี่น้องประชาชนได้
ดังนั้นงานที่สร้างความปรองดองสมานฉันท์....ก็ได้เริ่มต้นแล้วเช่นเดียวกัน"
………………………….
คำแถลงวันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" วันที่ 17 ธันวาคม 2551
"และ สำหรับพี่น้องชาวอีสานครับ 16-17 ปีบนถนนการเมือง ผมไปเยี่ยมเยียนท่านหลายครั้ง ได้รับรู้ปัญหาความทุกข์ ความยากจนของทุกๆ ท่าน และไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ได้ร่วมปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา ที่สนทนากันที่ไร่มันสำปะหลัง ผมไม่ลืม
และ ที่ผมอดที่จะเอ่ยถึง ไม่ได้นะครับก็คือคุณยายเนียม ที่อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ที่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ไปรณรงค์หาเสียงนั้น ท่านได้มอบแหวนวงนี้ให้กับผมและก็บอกกับผมว่ายายหมั้นคุณอภิสิทธิ์ให้กับคน อีสานแล้ว
ผม ไม่ทราบว่าคุณยายเนียมกำลัง ดูหรือฟังสิ่งที่ผมพูดอยู่หรือไม่ แต่อยากจะบอกกับคุณยายครับว่า วันนี้คนที่รับแหวนจากท่านจะทำงานให้ท่าน ทำงานให้กับญาติพี่น้องของท่าน ทำงานให้กับชาวอีสานของท่านและคนไทยร่วมชาติกับท่านอย่างเสมอภาคด้วยความ ทุ่มเท และด้วยความซื่อสัตย์สุจริต"
……………