ที่มา ประชาไท
13 พ.ย. 54 เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวบ้านเขตดอนเมืองเข้ารื้อแนวกระสอบทรายบิ๊กแบ็กบนถนนวิภาวดี-รังสิต บริเวณดอนเมือง หลังจากที่ร้องขอไปยังรัฐบาล โดยชาวบ้านอ้างว่า มี ส.ส.ในพื้นที่แจ้งว่า ให้เข้ารื้อบิ๊กแบ็กได้
ทั้งนี้ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ดอนเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาระหว่างนายการุณ โหสกุล ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย กับชาวบ้านย่านดอนเมืองกว่า 300 คน ที่ไปรวมตัวเรียกร้องให้รื้อบิ๊กแบ็กออกจากแนวกั้นว่า หลังการเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า ศปภ. ยอมรื้อบิ๊กแบ็กออก 30 เมตร ตามข้อเสนอของชาวบ้าน โดยจะดำเนินการให้เสร็จภายในเวลา 18.00 น. วันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.)
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันว่า ศปภ.ไม่ได้มีมติให้เปิดแนวบิ๊กแบ็กที่ดอนเมือง แต่ยอมรับว่า มีการหารือกรณีที่ชาวบ้านร้องเรียนจริง ซึ่งยังไม่ได้มีมติใดๆ ออกมา แต่ได้ประสานไปทาง กทม. ให้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ไปให้มากขึ้น และมอบหมายให้ทาง กทม. และกระทรวงมหาดไทย เข้าไปให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างรวดเร็วด้วย
ด้าน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะทำงานจัดการน้ำในพื้นที่วิกฤตของ ศปภ. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า การรื้อคันบิ๊กแบ็กทั้งหมด 15 กิโลเมตร ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่ถ้าจะเปิดช่องบิ๊กแบ็กเป็นช่วงๆ อาจทำได้ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นจุดๆไป เช่นบางจุดเป็นที่สูง มีระดับน้ำสูงไม่มากนัก การเปิดบิ๊กแบ็กเป็นช่องมีความกว้างไม่มากนัก เราก็อาจจะยอมได้ แต่ถ้าจะเปิดในจุดที่มีความลึกระดับน้ำสูงเมตรครึ่ง หรือสองเมตร ถ้าจะเปิดช่องบิ๊กแบ็ก น้ำก็จะทะลักเข้ามาในพื้นที่หลังแนวบิ๊กแบ็กจำนวนมาก ซึ่งก็คงจะยอมให้เปิดช่องไม่ได้
"การเปิดช่องบิ๊กแบ็กไม่ใช่การแก้ปัญหาของการที่มีน้ำเอ่อขังอยู่ด้านนอก แต่ขณะนี้ที่เราและ กทม.แก้ปัญหา คือ การเร่งระบายลงคลองเปรมประชากรให้มากขึ้น จะทำให้น้ำคลองรังสิต คลองหกวา ย่านสายไหมน้ำลดลง"
ดร.อานันท์ เปิดเผยด้วยว่า หากเอาคันบิ๊กแบ็กออกทั้งหมดจะทำให้ น้ำทะลักเข้ามาวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมอีก และน้ำอาจจะทะลักเข้าไปถึงสีลม ตอนนี้ประเด็นจึงต้องคงบิ๊กแบ็กไว้ แต่ต้องไปลดความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มที่อยู่เหนือคันกั้นน้ำว่า จะทำอย่างไรให้เขากระทบน้อยที่สุด
"การจะพิจารณาเปิดช่องบิ๊กแบ็กบางช่วงนั้นจะทำได้เมื่อใด เราเห็นว่าต้องรอการปรับให้มีการระบายน้ำลงคลองเปรมประชากรก่อน และตอนนี้ถ้าระดับน้ำนอกคันแนวบิ๊กแบ็กลดลงได้ในอัตราที่ดี ซึ่งขณะนี้ลงได้วันละ 3 เซนติเมตร แต่ถ้าสามารถลงได้เพิ่มขึ้นวันละ 5 เซนติเมตร ก็จะทำให้น้ำในคลองรังสิต คลองหกวามีระดับน้ำลงต่ำกว่า 3 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งถ้าทำได้ก็จะจบ บิ๊กแบ็กก็ไม่ต้องมี เพราะน้ำจะไหลลงตลิ่งหมดซึ่งเวลานี้เราต้องการแก้ปัญหาให้ถูกจุดก่อน เพราะบิ๊กแบ็กเราใช้ในขณะที่ระดับน้ำคลองรังสิตอยู่ 3.4 เมตร คือสูงกว่าตลิ่ง 40 เซนติเมตร ซึ่งตอนนี้เหลือให้น้ำลงอีก 30 กว่าเซนติเมตร ดังนั้นทำให้น้ำลดลงได้วันละ 5 เซนติเมตรประมาณ 5 - 6 วันน้ำก็จะลดได้ แต่ตอนนี้น้ำลดลงได้วันละ 3 เซนติเมตร ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน เราก็เข้าใจว่า ประชาชนก็ใจร้อน เพราะเขาต้องทนมาหลายสิบวันจะเป็นเดือนแล้ว ถ้าจะให้ทนไปอีก 10 วันก็คงดูทารุณ แต่เรื่องนี้จะให้แก้ปัญหาแบบนั้นไม่ได้ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ถ้าจะให้เอาบิ๊กแบ็กออกทั้งหมด ไม่ใช่ทำให้ระดับน้ำบริเวณนั้นลดลง ตราบใดที่เรายังแก้ปัญหาระดับน้ำคลองรังสิตไม่ได้" เลขานุการคณะทำงานจัดการน้ำในพื้นที่วิกฤตของ ศปภ. กล่าว
...............................
ที่มา: เรียบเรียงจากไทยรัฐ, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์