คำแถลงแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการ(นปก.)
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ใช่การสร้างระบอบสาธารณรัฐ
นปก.ไม่สนับสนุนความรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2551นั้นพันธมิตรเป็นผู้ยั่วยุ
พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
รัฐธรรมนูญ2550ระบุชัดเจนในมาตรา291 ให้ประชาชนจำนวนห้าหมื่นชื่อขึ้นไป หรือส.ส.และส.ว.รวมกันจำนวนเกินกว่า126คนขึ้นไปสามารถเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ เนื้อหาสำคัญของร่างแก้ไขฉบับคปพร.ก็ดี หรือของสส.และสว.ก็ดี ล้วนยืนยันชัดเจนว่า
1.ให้คงหมวดหนึ่งหมวดสองของรัฐธรรมนูญ2550ไว้ซึ่งเป็นหมวดที่ระบุชัดเจนในมาตรา2 ว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และในหมวดสองก็เป็นหมวดพระมหากษัตริย์ยังคงเดิมทุกประการ ดังนั้นที่สื่อบางฉบับว่าต้องการปฏิเสธสถาบันองคมนตรีจึงเป็นเรื่องโกหกมดเท็จสิ้นเชิง
2.ได้เสนอให้มีการแก้ไขในส่วนที่เป็นข้อบกพร่องบางอย่างของรัฐธรรมนูญ2540ที่ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือรัฐมนตรียากให้ง่ายขึ้นรวมทั้งให้เสนอพ.ร.บ.โดยประชาชนหรือถอดถอนนักการเมืองโดยประชาชนให้ง่ายขึ้น และอาจจะมีการแปรญัตติได้ในวาระ2
นายสนธิ ลิ้มทองกุลและพันธมิตรฯโจมตีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เป็น “ขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์และสร้างระบอบสาธารณรัฐ” “เป็นการล้มเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ2550”จึงเป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง และแก่นแท้ของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเมื่อเย็นวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จึงเป็นเรื่องที่พวกเขาประกาศอย่างไม่ปิดบัง คือ “ไล่รัฐบาล หรือโค่นล้มรัฐบาล”นั่นเอง นอกจากนี้ยังกล่าวเท็จต่อสาธารณชนอีกว่า “รัฐนี้เป็นรัฐโจร” เพราะความจริงแล้วรัฐหรือรัฐบาลปัจจุบันมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วทั้งประเทศตามรัฐธรรมนูญ2550นี่เอง นั่นเท่ากับนายสนธิลิ้มกับพวกกำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยวิถีอื่นอันไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ2550 ซึ่งอาจจะทำให้เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา68ซึ่งประชาชนทุกคนมีสิทธิต่อต้านตามมาตรา69และ70 นอกจากนี้ยังอาจจะเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา113,116อีกด้วย
การที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศให้สมาชิกพรรคปชป.สามารถเข้าร่วมกับนายสนธิลิ้มทองกุลกับพันธมิตรฯได้นั้นย่อมเป็นการยืนยันแล้ว่าพรรคปชป.มีนโยบายและแนวทางเดียวกับนายสนธิลิ้มทองกุลกับพันธมิตรฯดังนั้น พรรคปชป.เองก็น่าจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา68และประชาชนสามารถต่อต้านพรรคปชป.ตามมาตรา69,และ70ของรัฐธรรมนูญ2550 รวมไปถึงน่าจะเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113,116ด้วยเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับเป็นการ สร้างความแค้นเคืองให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศโดยตรง และเป็นเจ้าของรัฐบาลโดยตรง ดังนั้นประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกคนจึงมีสิทธิที่จะไปติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯและมีสิทธิที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯในสิ่งที่พันธมิตรฯและนายสนธิ ลิ้มทองกุลกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิงดังกล่าว และก็ปรากฏชัดเจนจากสื่อทีวี ว่าทางฝ่ายพันธมิตรฯไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย ไม่สามารถรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ตอบโต้ความเท็จของพวกเขาได้ พวกเขาจึง เป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีประชาชนด้วยการขว้างปาสิ่งของต่างๆ และปรากฏชัดว่าพวกเขาได้ นำเอาอาวุธที่พวกเขาตระเตรียมมาอันได้แก่ ไม้หน้าสาม มีด และของมีคมอื่นมาทำร้ายประชาชนที่รักประชาธิปไตยจนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
แนวร่วมประชาชนขับไล่เผด็จการ(นปก.) หรือแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เดินแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด ยืนยันได้จากการจัดตั้ง “หน่วยสันติวิธี”และมีการฝึกฝนวิธีที่จะเผชิญหน้าเผด็จการด้วยความอดทน ไม่ใช้ความรุนแรงโดยตลอด นปก. นปช.ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงใดๆแม้แต่น้อย และเป็นฝ่ายแนะนำประชาชนเสมอว่า “จุดแข็งของเราก็คือสันติวิธี
ประชาธิปไตยฝ่ายเราต้องชนะอย่างแน่นอน การใช้ความรุนแรงจะทำให้เราพ่ายแพ้ เราต้องใช้สันติวิธีอย่างเดียว”
ดังนั้นเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้เกิดจาก นปก.หรือ นปช. ขอความกรุณาสื่อทุกชนิดได้โปรดอย่าใช้ความมักง่ายในการทำข้อสรุปว่า นปก.หรือ นปช.เป็นผู้ก่อความรุนแรง
26 พฤษภาคม 2551
หวานเจี๊ยบบบบ
5 hours ago