WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, August 6, 2008

แค่หน้าด้านก็พอ?

คอลัมน์: โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

ข้อร้องเรียนถึงพฤติกรรมความไม่ชอบมาพากล ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. มีมาอย่างต่อเนื่องและหลายเรื่องหลายราวติดต่อกัน แต่ทุกวันนี้ทุกเรื่องก็ยังเงียบหาย ไม่มีทั้งคำชี้แจงจากปากคุณหญิง และไม่มีทั้งความคืบหน้าของคดีข้อร้องเรียน จนเสมือนว่าเรื่องราวถูกลบทิ้งไปจากฐานข้อมูล

นับตั้งแต่คดีที่ส่อว่าจะมีการฮั้วจากการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ให้บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ เข้าไปรับงานจัดอบรมให้บุคลากรของ สตง.อย่างต่อเนื่อง หลายต่อหลายรุ่น มีมูลค่าการจัดจ้างหลายล้านบาท

ซ้ำในเวลาต่อมายังมีการผูกโยงตัวละครที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าของบริษัท ที่พบว่าเคยร่วมงานและมีความรู้จักมักคุ้นกับคุณหญิงจารุวรรณ มาก่อนหน้า

แถมบริษัท ดังกล่าวก็ยังเช่าอาคารพาณิชย์ ของนายทรงเกียรติ เมณฑกา สามีตามกฎหมายของคุณหญิงจารุวรรณ ทำสำนักงาน ที่อาจส่อว่าเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน

เรื่องนี้ถูกร้องไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และมีการสอบสวนจนได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมมัดแน่นมากมาย แต่นอกจากจะไม่มีคำชี้แจงที่น่าฟังออกจากปากคุณหญิงแล้ว กลับมีการส่งเจ้าหน้าที่ สตง. จำนวนมากจนผิดปกติ เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของดีเอสไอ ตามมาด้วยการออกมาขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่นำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย

แต่ผ่านมาจนป่านนี้จะครบปีเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าคุณหญิงจารุวรรณ จะมีการฟ้องร้องใครที่ไหน ทั้งที่มีหลายคน หลายฝ่ายตั้งตารอคอย เพราะจะเป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องมานั่งอมพะนำ ทำเป็นวางท่าเก่งกาจ

นอกจากเรื่องนั้น ก็ยังมาถึงเรื่องคฤหาสน์หรูที่กลุ่ม PRAC นำโดย วันชัย เรืองจรูญหิรัญ เปิดโปงออกมาเป็นละรอก ตั้งแต่ค่าก่อสร้างและค่าที่ดินในบ้านหลังงามที่ไม่น่าจะต่ำกว่า 50 ล้านบาท มีที่มาของเงินอย่างไร เรื่องนี้คุณหญิงจารุวรรณ ก็ให้การไว้อย่างสับสน ไม่รู้ว่ามีเงินเมื่อไรค่อยสร้าง หรือว่ากู้เงินมาจากธนาคารกันแน่

แล้วถ้ากู้เงินจะไปกู้มาจากธนาคารไหน ค่าแบบค่าก่อสร้างหมดไปอีกเท่าไร หรือจะไปเกี่ยวข้องกับการต่างตอบแทนใดๆ กับเทศบาลปากเกร็ด อย่างที่มีคนกล่าวอ้างอีกหรือไม่ ก็ไม่เคยมีการแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏ

ทั้งยังมีที่ดินของลูกชาย น้องสาว ที่คุณหญิงโอนให้ แต่ละแปลงไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท ไปยังไงมายังไง น่าจะยินยอมให้สังคมตรวจสอบกันได้ เหมือนอย่างที่คุณหญิงทำงานอยู่ในองค์กรตรวจสอบย่อมรู้ดี ว่าการเป็นข้าราชการ ความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญเหนืออื่นใด

และเมื่อพูดถึงบทบาทหน้าที่ของคุณหญิงก็อดคิดต่อไปไม่ได้ ว่าคุณหญิงย่อมรู้ดี ว่าเมื่อมีข้อกล่าวหา ก็ต้องมีหลักฐานมาหักล้าง ถึงจะพอทำให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และเพียงแค่คำอ้างปากเปล่าข้างๆ คูๆ หรือคำขู่ คำบ่น คำด่า คงไม่พอจะช่วยให้เกิดความผุดผ่องขึ้นมาได้

ดังนั้นเมื่อคุณหญิงจารุวรรณ พูดพล่ามอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่โดนใส่ร้ายป้ายสี ทำไมจึงไม่ออกมาชี้แจงแสดงหลักฐานให้สังคมหายสงสัย ผมเชื่อว่าอย่างไรสังคมก็ต้องเชื่อ “ของจริง” มากกว่า “ของปลอม” เสมอ
และเชื่อว่าที่สุดแล้ว “คนเลว” อย่างไรเสียก็ต้องแพ้ภัย “คนดี”

ยิ่งตอนนี้มีคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ สตง. ออกมาร่อนหนังสือร้องเรียนไปถึงหลายหน่วยงาน คุณหญิงจารุวรรณ ยิ่งต้องรีบออกมาอธิบาย เพราะ 8 ข้อกล่าวหาแต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องฉกรรจ์ บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าที่จะปักใจเชื่อง่ายๆ ว่าคนดีในสายตาใครต่อไครอย่างคุณหญิงจารุวรรณ จะมีพฤติกรรมเยี่ยงนั้น

แต่หากไม่ได้รับข้อมูลยืนยัน ไม่มีการพิสูจน์ความจริง ก็ไม่แน่เหมือนกันว่านานวันเข้าความคิดอ่านมันจะเปลี่ยนไป เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คิดคล้ายกันว่าถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำผิดก็ไม่เห็นจะต้องกลัวหรือร้อนตัวอะไร

ในเวลานี้ผมคงไม่กล้าปักใจเชื่อทั้ง 8 ข้อกล่าวหา แต่ก็อยู่ที่ว่า ในโอกาสจากนี้ไปคุณหญิงจารุวรรณ จะทำให้สังคมเชื่อถือได้แค่ไหน ทั้งเรื่อง 1.บริหารงานไร้คุณธรรม เล่นพรรคเล่นพวก 2.ส่อว่าจะมีการเรียกรับผลประโยชน์ 3.การใช้ตำแหน่งที่อาจส่อไปในทางมิชอบ

4.การส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบดีเอสไออย่างน่าสงสัยหลังถูกร้องเรียน 5.การจ้างบริษัททัวร์ผูกขาด 6.การจ้างบริษัทฝึกอบรมผูกขาด 7.การนำครอบครัวเดินทางไปพร้อมกับคณะสตง. ที่อาจมีการใช้งบประมาณราชการ 8.นำรถราชการไปใช้ทั้งที่มีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว

ยืนยันว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงข้อมูลตามเอกสารร้องเรียน แม้ว่าแทบทุกเรื่องจะแนบหลักฐาน หรือแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลยืนยันมาด้วย แต่ก็ไม่ใช่ข้อสรุปว่าเป็นจริงตามนั้น

เรื่องนี้คงต้องฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล ว่าเพื่อเป็นการรักษาองค์กรที่ต้องทำหน้าที่ในการพิทักษ์ความโปร่งใสเอาไว้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง

ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปในทางใดก็ตาม คุณหญิงจารุวรรณ ก็ย่อมรู้ว่าเมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นลง คนดีก็ย่อมเป็นคนดีอยู่วันยังค่ำ และกลับกันคนเลวก็ต้องรับโทษทัณฑ์ไปตามระเบียบ

และเมื่อพูดถึงกรณีนี้ก็อดนึกต่อไปถึง ป.ป.ช. และ กกต. ที่มีที่มาขัดรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะถึงวันนี้ก็ยังเล่นบทไม่รู้ไม่ชี้แบบเดียวกันกับคุณหญิงจารุวรรณ ด้วยความเชื่อว่าจะไม่มีใครทำอะไรได้

คงต้องฝากถึงรัฐบาลว่า...บ้านนี้เมืองนี้มีกฎหมาย มีกฎเกณฑ์กติกาชัดเจน

ไม่ใช่ว่าใคร “หน้าด้าน” กว่าก็สามารถชูคออยู่ในสังคมได้ ซะเมื่อไรล่ะ...!!

บิ๊กโบ๊ต