“สมัคร” สั่งสันติบาลจัดการอย่างเด็ดขาดกับม็อบพันธมิตรฯ ปลุกปั่นสร้างปมขัดแย้งทางเชื้อชาติ ด้วยการขึ้นเวทีปลุกระดม “ลูกจีน กู้ชาติ” ชี้เป็นการกระทำการเกินกว่าเหตุ เกรงจะสร้างความขัดแย้งวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง รองโฆก ตร.ยอมรับการปราศรัยหมิ่นเหม่
จากกรณีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสวมเสื้อที่มีข้อความว่า “ลูกจีนกู้ชาติ” ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความกังวลอย่างหนัก ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางดำเนินการ โดยนายสมัครเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการนำเรื่องของเชื้อชาติซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากระทำการไม่ควรและเกินกว่าเหตุ
ทั้งนี้ นายสมัคร กล่าวภายหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าได้มีคำสั่งให้ตำรวจสันติบาลดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นำเชื้อชาติมาปลุกระดมประชาชน เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือเกินขอบเขตหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจสันติบาลควรพิจารณาเป็นพิเศษและควรจะจัดการให้จบสิ้นโดยเร็ว
"คนปลุกระดมบนเวที ขณะนี้เอาเรื่องเชื้อชาติกันมาแล้ว ใส่เสื้อลูกจีนปลุกระดมกู้ชาติ ผมขอเตือน กำลังให้ตำรวจสันติบาลดำเนินการเรื่องนี้ เพราะมันเกินขอบเขตไปแล้ว กำลังจะให้เขาจัดการกับคนที่ดำเนินการเรื่องนี้"
กรณีที่นายกรัฐมนตรีให้ตำรวจสันติบาลตรวจสอบกรณีที่มีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ใส่เสื้อที่มีข้อความว่า”ลูกจีนรักชาติ” นั้น รองโฆษกตร. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่มีหนังสือคำสั่งในเรื่องนี้มาที่ตร.หรือกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหาสั่งการจริงตามข่าว ตำรวจก็ต้องตรวจสอบ แต่ว่าเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ คงยังไม่สามารถตอบได้เพราะยังไม่เข้าข่ายความผิดชัดเจน ไม่เหมือนการใส่เสื้อที่มีรูปลามก ซึ่งผิดชัดเจน ทั้งนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจมองรวมถึงการปราศรัย อย่างไรก็ตามหากมีการตรวจสอบจริงต้องมาหารือกันในเรื่องข้อกฎหมายเสียก่อน
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ประเด็นที่กล่าวหาว่ากลุ่มพันธมิตรฯปลุกปั่นยุงยงสร้างให้เกิดความวุ่นวายก็เป็นประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำเพื่อกลั่นแกล้ง แต่ทำตามหลักนิติธรรม ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ย้ำให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายใช้กฎหมายชัดเจน ส่วนประเด็นการติดตามพฤติกรรมของแกนนำการชุมนุมนั้น สันติบาลทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และที่ผ่านมาบันทึกภาพการทำกิจกิจกรรมของทุกลุ่มมาต่อเนื่อง อันไหนเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีก็เอาไปใช้ บางคดีเร่งก็ทำก่อน
ส่วนเนื้อหาการปราศรัยในแต่ละครั้งของแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดรุนแรงแค่ถึงขั้นปลุกปั่นจนเข้าข่ายอังยี่ ซ่องโจรไหนหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ต้องใช้กฎมาย จะใช้ความรู้สึกตัดสินไม่ได้ แต่ยอมรับว่าการพูดปราศรัยของผู้ชุมนุมในบางครั้งหมิ่นเหม่ ยั่วยุ จนอาจผิดรุนแรงโดยตำรวจได้ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามาให้ความเห็นด้วย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีผู้มาแจ้งความกลุ่มพันธมิตรรวมทั้งหมด 16 คดี บางอันซ้ำก็ไปรวมสอบสวนคดีเดียวกัน ต่อเนื่องกันไป ซึ่งรวมคดีหมิ่น คดีความมั่นคง คดีผิดกฎหมายอาญา มาตรา 215 216 224 ด้วย ซึ่งเป็นคดีที่แจ้งความตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมเป็นต้นมา