ภายหลังที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.)ในชุด “สมัคร4” อย่างเป็นทางการ บรรยากาศความเคลื่อนไหวการเข้าดูห้องทำงานใหม่ และอำลาตำแหน่งเดิมของวันนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก
นอกจากนี้ในด้านกระแสข้อกังขา ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งที่ปรึกษาครม.ด้านเศรษฐกิจกิตติมศักดิ์ มีนายวีรพงษ์ รามางกูร ที่ปรึกษาในบริษัทเอกชน และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และจะมีนายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจและการคลัง นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และนายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายวีรพงษ์นั้นหากมาดำรงตำแหน่งแล้วจะขัดต่อข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่นั้น
ล่าสุดพล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ทีมที่ปรึกษาฯจะเข้าร่วมประชุมครม.เฉพาะครั้งที่มีวาระด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ เข้าสู่ที่ประชุมเท่านั้นแต่ไม่สามารถจะลงมติในการประชุมได้ ทั้งนี้เชื่อว่า ทั้ง 5 ท่านมีวุฒิภาวะสูงในทุกด้าน สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนเป็นเรื่องประเทศชาติ อันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะนำเสนอให้ ครม.รับทราบในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
* เชื่อ ดร.โกร่ง ทำเพื่อบ้านเมือง
ในกรณีเดียวกัน ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาทางกฎหมายพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายวีรพงษ์ไม่จำเป็นต้องลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาในบริษัทเอกชน เพราะตำแหน่งที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาครม.ด้านเศรษฐกิจนั้นไม่ได้เป็นตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นเพียงการให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลอาจจะนำคำปรึกษาไปใช้หรือไม่ก็ได้ ส่วนประเด็นที่คณะที่ปรึกษาฯ จะเข้าประชุมร่วมกับ ครม.ทุกครั้งหรือไม่นั้นอยู่ที่นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการเข้ามารับตำแหน่งของนายวีรพงษ์ในครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาก
* รมช.คลังช่วยการันตีทีมที่ปรึกษา
ส่วนนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่นายวีรพงษ์ มารับหน้าที่เป็นประธานทีมที่ปรึกษาฯนั้น ไม่น่ามีปัญหาในการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆ แม้จะมีความเห็นแตกต่างกัน แต่กลับจะทำให้เกิดการประสานสอดคล้องกันของนโยบายมากขึ้น โดยนโยบายสำคัญ คือการประสานนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกันทั้งนโยบากายการคลัง นโยบายการเงินและนโยบายด้านพลังงาน เพื่อช่วยผลักดันด้านเศรษฐกิจ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
ขณะเดียวกันกรณี นายไชยา สะสมทรัพย์ ได้กลับเข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากที่ก่อนหน้านี้ต้องพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เหตุมาจากไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินของภริยาในส่วนที่ถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5% ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเชื่อมั่นว่า ครั้งนี้นายไชยา จะยื่นหลักฐานแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อย
นายไชยาคงต้องทำให้ถูกต้องและต้องเข้าใจว่าสามารถแต่งตั้งนายไชยาเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่ได้เพราะในครั้งนั้นไม่มีการยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือตัดสิทธิทางการเมือง อีกทั้งนายไชยาย้ำว่าเข้าใจกฎหมายผิดในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และ ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ชี้มูล ส่วนความรู้ความสามารถในการบริหารงานนั้น ก็อยู่ที่ดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าไม่สามารถทำการยื่นถอดถอนนายไชยาได้อีกครั้งแน่
* “ไชยา”ให้เวลาพิสูจน์ผลงาน
ด้าน นายไชยา สะสมทรัพย์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นี่คือเรื่องปกติเมื่อมีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำองค์กรเดินไปข้างหน้าได้หรือไม่ จึงขอเวลาพิสูจน์ผลงาน โดยภารกิจแรกที่จะทำก็คือ การแก้ปัญหาราคาสินค้า ซึ่งเบื้องต้นจะต้องพิจารณาต้นทุนสินค้าก่อนว่าจะให้ปรับราคาหรือไม่ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาอำลาตำแหน่ง รัฐมนตรีที่กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 11.30 น.โดยนายมิ่งขวัญ จะทำการสักการะพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พระผู้ก่อตั้งกระทรวงพาณิชย์และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนจะอำลาผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป โดยใช้ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ บริเวณชั้น 4 ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญ ยังปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับการลดความน่าเชื่อถือลง จากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จนทำให้ได้รับตำแหน่งใหม่เป็นเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงตำแหน่งเดียว
*“มิ่งขวัญ” เชื่อ “ไชยา” ทำงานได้
ต่อข้อถามถึงความคิดเห็นต่อนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่นั้น นายมิ่งขวัญกล่าวเพียงว่าเชื่อว่าจะสามารถทำงานด้านเศรษฐกิจได้ แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการหารือร่วมกันแต่อย่างใด และขอให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความร่วมมือในการทำงานกับ รมว.พาณิชย์คนใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยให้กับตน นอกจากนี้ในวันอังคารที่ 5 สิงหาคม นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็จะอำลาตำแหน่งต่อผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์เช่นกัน
ในโอกาสนี้ นายมิ่งขวัญ ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ ในการทำงานตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การส่งออกของประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาสินค้าเกษตรมีราคาดี และขอฝากให้รมว.พาณิชย์ คนใหม่ ช่วยดูแลราคาสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าวของชาวนา และยังขอให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความร่วมมือในการทำงานกับ รมว.พาณิชย์คนใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยให้กับตน
*มท.ยกโขยงรับ”โกวิท”ชื่นมื่น
อย่างไรก็ตามสีสันการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของครม.ชุดปัจจุบันนี้ ยังคงอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย โดยในช่วงเช้าเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดย ถือฤกษ์งามเวลา 10.29 น. เดินทางมาถึงกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้ติดตามกว่า 10 คน
โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม มีนายสุพล ฟองงาม รมช.มหาดไทย นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมทั้งข้าราชการระดับสูงให้การต้อนรับ พร้อมแนะนำห้องทำงานภายในกระทรวง ทั้งนี้พล.ต.อ. โกวิท ได้ดูงานที่กระทรวงมหาดไทย โดยในระหว่างการพูดคุยกับข้าราชการ พล.ต.อ.โกวิทฯ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่รีบนำป้ายชื่อของตัวเองมาตั้งบนโต๊ะทำงาน พร้อมทั้งขอให้เปลี่ยนโต๊ะทำงานใหม่ที่ไม่ต้องการให้ซ้ำกับรัฐมนตรีคนเดิม
พร้อมกันนี้ รมว.มหาดไทย คนใหม่ ยังได้เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ห้องใกล้ห้องทำงาน จากนั้น เดินทางไปดูห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
โดยได้เข้ามาเยี่ยมชมห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 บริเวณชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้เวลาในการสำรวจห้องทำงานประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะเดินทางไปยังตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรี พร้อมปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆต่อสื่อมวลชน
*มท.1ประเดิมทำงาน 6 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย และเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น. และเริ่มมอบนโยบายการทำงานแก่ผู้บริหารระดับสูงและผู้ว่าราชการทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในเวลา 10.00 น. ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่อไป
ส่วนบรรยากาศการอำลาตำแหน่ง ของ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นั้น เป็นไปด้วยความเบิกบาน สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ข้าราชการ ต่อจากนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ข้าราชการเข้าแถวมอบกุหลาบให้แก่ นายอนุสรณ์ อย่างเนืองแน่น ทำให้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยิ้มจนแก้มปริ พร้อมยังได้กล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับคณะทำงานของรัฐมนตรีบางตำแหน่ง จะต้องมีการย้ายไปช่วยงานที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วย อาทิ โฆษกกระทรวง
ด้าน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมคนใหม่ เตรียมเดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม ในวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยถือฤกษ์เวลา 13.09 น. จะมีการเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม
พม.เปลี่ยนรมต.บ่อยไม่มีปัญหา
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่าภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข แทน รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าตนมักจะถูกปรับตำแหน่งทุกครั้งที่มีการปรับครม.ว่าไม่รู้สึกอะไรไม่มีปัญหา ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีให้ทำอะไรก็พร้อมปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งนี้มองว่าการที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มักถูกเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีบ่อย ๆ ไม่มีผลกระทบต่อสังคมและการปฏิบัติงานของข้าราชการในกระทรวง
อย่างไรก็ตาม นายชวรัตน์ ยังเห็นด้วยกับการที่ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ จะเข้ารับตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะมองว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและสนิทกับตนซึ่งสามารถพูดคุยและมอบหมายงานต่อได้
*โพลชี้ประชาชนปลื้ม "เตช-โกวิท"
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความคิดเห็นเรื่องความรู้สึกของประชาชนหลังปรับ ครม. สมัคร 4 โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 1,158 คน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 36.8 พอใจในภาพรวมของ ครม.ชุดใหม่
โดยเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศได้ สำหรับตำแหน่งที่เห็นว่ามีการแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งได้เหมาะสมที่สุด 3 อันดับแรกคือ นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร้อยละ 36 ,พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 21.5 และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร้อยละ 8.5 อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 52 เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเหมือนเดิม ขณะที่อีกร้อยละ 27.9 เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้น และร้อยละ 20.1 เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะแย่ลง
นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง และ บล.เอเซีย พลัส มองตรงกันว่า ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น เพราะปลอดปัจจัยลบใหม่ๆ การปรับ ครม.ออกมาตามโผ
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
บล.กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ดัชนีน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้เพราะปัจจัยในประเทศเบาลงและเก็งกำไรผลดำเนินงานบริษัท โดยรอผลการประชุมเรื่องขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐและตลาดหุ้น ในภูมิภาค รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ