คอลัมน์ : ละครชีวิต
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ และได้เห็นปฏิกิริยาของคนไทยเชื้อสายจีนที่เป็นเจ้าของร้านขายของชำแล้วก็ตกใจว่าคนที่นี่ถูกครอบงำโดยพันธมิตรฯ ผ่านทางเอเอสทีวีไปหมดแล้วหรือ
บรรดาอาซิ๊มอาซ้อที่ผมเคยซื้อชุดนักเรียนสมัยเด็กๆ กำลังนั่งดูเอเอสทีวีแล้วจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเมามัน
บางคนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขึ้นไอ้ – อี ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่ได้รับมายังไม่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ใดๆ อาซิ๊มอาซ้อก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่ออกมาจากเอเอสทีวีคือความถูกต้องทั้งหมด
แต่เมื่อผมออกมาจากตัวเมือง สัญจรผ่านไปยังชาวบ้านรอบๆ นอก ความรู้สึกกลับตรงกันข้ามชนิดสวรรค์กับนรก
ชาวบ้านส่วนใหญ่กลับนิยมชมชอบอดีต นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้ก็รับรู้มาบ้างผ่านทางสื่อมวลนชนและเพื่อนๆ ที่บอกกล่าวกันมา แต่ยังไม่เคยประสบพบเจอด้วยตัวเอง
ปรากฏการณ์แบบนี้ทำให้รู้สึกเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง และเมื่อวานผมเห็นด้วยกับข่าวที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตำรวจสันติบาลตรวจสอบกรณีที่มีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ใส่เสื้อที่มีขอความว่า “ลูกจีนรักชาติ” และเห็นว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด
แม้จะมีบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่าไม่ผิด แต่ถ้ามองในแง่ความมั่นคง ทหารและตำรวจไม่ควรอยู่เฉย
ผมจำได้ว่าเมื่อช่วงต้นปี ตำรวจสันติบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงออกมาตรการคุมเข้มในการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ 61 ประจำปี 2551 ณ วัดบ้านไร่เจริญผล
แม้จะมีการยืนยันว่าไม่มีการแอบแฝงทางการเมืองหรือการปลุกระดมเพื่อกู้ชาติกู้แผ่นดินมอญให้กลับคืนมา แต่ในทางความมั่นคงแล้วไม่ควรปล่อยปละละเลย
ในประเด็นนี้ก็เหมือนกัน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดโอกาสให้ผู้คนที่แตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติ แตกต่างทางศาสนา และแตกต่างทางภาษา อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายอะไร ก็คือคนไทยที่รักชาติเหมือนกัน นายสนธิ ไม่ควรปลุกระดมผู้คนให้ออกมาตีกัน
แนวทางคลั่งชาติ แบบที่นายสนธิพยายามดำเนินการอยู่ขณะนี้จะยิ่งเป็นการสร้างความแตกแยกให้มากขึ้นภายในสังคมไทย
แนวคิดแบบนี้จะเป็นการแบ่งขั้วให้เป็นสังคมส่วนใหญ่กับสังคมส่วนน้อย ถ้าใครมีความคิดหรือความรู้สึกที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ก็จะถูกมองว่า “ไม่รักชาติ” โดยไม่ได้มองถึงเรื่องความถูกต้อง
พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย ประชาชนเกิดความวิตกกังวลไม่ได้รับความสะดวกในการดำเนินชีวิต
เราคงตระหนักดีว่าไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาไหน ทุกคนมีความเป็นห่วงและต้องการให้สันติสุขกลับคืนมาเหมือนเช่นในอดีต
นอกเหนือจากนี้ต้องนำไว้เหนือหัวเพื่อเป็นสิริมงคล คือแม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใยพวกเราอย่างที่สุด
ดังนั้น เราจะทำอย่างไรถึงจะให้มีแต่ความรักความสามัคคี การช่วยเหลือเอื้ออาทรกันด้วยความจริงใจ
ผมอยากขอร้องให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล และบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ รวมทั้งพรรคอีแอบ ที่หนุนพันธมิตรฯ ให้ทำลายชาติอยู่ขณะนี้
จงร้องเพลงชาติไทยวันละ 3 ครั้ง ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า หลังกินข้าวกลางวัน และก่อนนอน
เพราะถ้าร้องเพลงชาติอย่างบอกไว้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จะเจอปรัชญาที่ว่า ประเทศไทยรวมทั้งเลือด-เนื้อ-ชาติ-เชื้อ-ไทยเป็น “ประชารัฐ” ซึ่งก็หมายถึงการรู้รักสามัคคี
นายสนธิ ต้องสำเหนียก และรู้คุณค่าของแผ่นดินไทยให้มากๆ อย่าทำลายแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษได้สร้างขึ้นมาหลายร้อยหลายพันปีด้วยการปลุกระดมคนให้เกลียดชังกัน
นายสนธิ ต้องสำเหนียกและระลึกถึงในหลวง ซึ่งท่านทรงรับสั่งว่า อย่าทะเลาะกัน เพราะท้ายที่สุดก็ไม่มีใครได้รับ “ชัยชนะ” บนซากปรักหักพังของชาติบ้านเมือง
จงอย่าให้ ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล คือตัวการสร้างความแตกแยก ในวิกฤติการเมืองไทยเวลานี้!
ลวดหนาม