คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
หลังจาก “ประชาทรรศน์” นำเสนอข่าว คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ที่มีผู้ร้องเรียนระบุถึงความไม่ชอบมาพากลถึง 8 ประการ ซึ่งล้วนเป็นข้อหาสั่นคลอน ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใสของชาวบ้าน ที่จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องบริสุทธิ์ สะอาด ยุติธรรม
โทรศัพท์ของกองบรรณาธิการ ก็มีผู้โทรเข้ามาแสดงความคิดเห็นจนรับกันไม่หวาดไม่ไหว
มีทั้งคนที่โทรเข้ามาจิกด่าจนเกินกว่าจะบรรยาย ทั้งคนที่มีข้อมูลและคนที่มีอารมณ์ร่วมเมื่อได้เห็นข้อมูล รวมไปถึงคนคับแต้นที่หลงเชื่อมั่นศัรทธามานาน
ขณะเดียวกันก็มีคน “รู้จริง” จำนวนมากที่โทรเข้ามให้ข้อมูล หลายเรื่องเป็นการยืนยันเอกสารหลักฐานที่เรามีอยู่ให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้นอีกลำดับหนึ่ง
บางเรื่องก็เหมือนจิ๊กซอว์ ที่เอามาต่อกันเข้าอย่างลงตัว และทำให้ภาพบางอย่างชัดเจนขึ้นอย่างน่าสนใจ รวมทั้งบางคนยังช่วยจุดประกายความคิด ช่วยกันตั้งข้อสังเกตุ มีทั้งเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ และบางเรื่องก็เกินกว่าจะคาดคิดว่ามีใครกล้าหาญคิดและทำอย่างนั้นจริงๆ
เรื่องราวข่าวสารและข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคุณหญิงจารุวรรณ ไม่ได้เพิ่มเกิดขึ้นเพียง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่เกิดขึ้นมานาน และหลายกรณียังมีคำถามค้างคาอยู่
แต่ก็น่าแปลกว่าทำไม “สื่อ” ทั้งหลายจึงไม่สนใจนำเสนอข่าว ทั้งที่เป็นบทบาทชัดในการตรวจสอบ และเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ของพี่น้องประชาชนคนไทย
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว สตง. ในยุคของคุณหญิงจารุวรรณ มีปรากฏการณ์ที่น่าจะนำเสนอเป็นข่าวมากมาย นับตั้งแต่ที่มาที่คลุมเครือ จนทุกวันนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่หายสงสัย
จนมาถึงคำสั่งของ คมช. ที่ให้คุณหญิงจารุวรรณ เป็นทั้งผู้ว่าการ สตง. และเป็นประธานบอร์ด หรือ คตง. ในคราวเดียวกัน ก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน และเป็นการทำลายกระบวนการถ่วงดุลอำนาจ ทำลายกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสอย่างเห็นได้ชัดเจน
แน่นอนว่าบนสถานการณ์ดังว่า ย่อมล่อแหลมที่จะทำให้ใครก็ตามย่ามใจ ทำในสิ่งที่ขาดความถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความชอบธรรม และไม่ต้องกลัวเกรงว่าจะมีใครหน้าไหนมาตรวจสอบ เพราะอยู่ในฐานะที่ยิ่งใหญ่จนคิดว่าใครก็ต้องพากันเกรงอกเกรงใจไปหมด
และด้วยท่าทีนิ่งเฉยของสื่อทั้งหลายดังที่ว่า จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ในทำนองเดียวกับการส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณของดีเอสไอ หลังจากเข้าตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของดีเอสไอหรือเปล่า
หรือจะแบบเดียวกับการจ่อจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเทศบาลปากเกร็ด และปรากฏว่าในเวลาต่อมามีการสร้างถนนเข้าไปถึงหน้าบ้านหลังใหม่ของคุณหญิงจารุวรรณ ตามมาด้วยข้อกล่าวหามากมาย ทั้งเรื่องของแบบแปลน และการดูแลการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าว
ผมไม่เชื่อว่า “สื่อมวลชน” จะยอมแลกรับผลประโยชน์ เพื่อแลกกับการไม่นำเสนอข่าวใดข่าวหนึ่ง แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่าสื่อมวลชนทุกวันนี้จะคิดมาก ในเรื่องการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่ายจนขาดความกล้าในการนำเนอบางเรื่องราวที่น่าสนใจ และเกิดประโยชน์กับบ้านเมืองว
ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนบางคนที่คิดว่าตัวเองคุ้นเคยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในสื่อบางค่าย มั่นใจว่าการทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูด ไม่ตอบ จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น และรอดตัวจากการรับผิดชอบเรื่องราวทั้งปวง
แน่นอนว่าคุณหญิงจารุวรรณเลือกที่ไม่ตอบข้อสงสัยได้ และสื่ออย่างประชาทรรศน์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขู่บังคับให้พูด แต่นั่นคุณหญิงเอง ก็ต้องไม่เอาไปอ้างว่าสื่อลำเอียง
หรือคำชี้แจงว่ากำลังไปซ้อมยิงปืน รวมไปถึงการระบุว่าจะฟ้องร้องผู้นำเสนอข่าว ก็คงไม่เรียกว่าคำตอบและไม่ใช่ทางออกของปัญหา
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรคุณหญิงจารุวรรณ เองก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ และการจะพูดหรือไม่พูด แม้แต่จะพูดเท็จหรือพูดจริงในขณะนี้ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้
คุณหญิงจารุวรรณ ย้ำเสมอว่า “พระเจ้าเข้าข้างคนดี”
ผมเองก็เชื่อในทำนองเดียวกันว่า “สวรรค์มีตา” และยังเชื่อในกฎแห่งกรรม “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
วันนี้คุณหญิงจารุวรรณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด
คุณหญิงจารุวรรณมีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้สังคมคลางแคลงสงสัย หรือแม้กระทั่งก่นด่า ตราบเท่าที่ยังทนได้ และไม่สนใจต่อเกียรติภูมิที่สั่งสมมาแต่หนหลัง
แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องคงจะปล่อยให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย และไม่มั่นใจต่อการทำงานขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใส ต่อไปอีกไม่ได้
จะต้องเข้าไปชำระสะสาง ทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นให้จงได้
และเมื่อใดก็ตามที่เรื่องราวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คุณหญิงจารุวรรณ ก็คงไม่สามารถปิดปากได้อีกต่อไป
ใครดี ใครชั่ว อย่างไรก็คงจะต้องมีการพิสูจน์กัน...!!
บิ๊กโบ๊ต