WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, August 6, 2009

พระราชบัญญัติความมั่นคงและรัฐบาลแห่งชาติชนวนระเบิดประเทศไทย

ที่มา thaifreenews

สถานการณ์ทางการเมือง ขณะนี้กำลังร้อนแรง และรุกไล่จนเผด็จการอมาตย์แทบจะหมดตาเดินเสียแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมานับร้อยปีตลอดประวัติศาสตร์ชาติ เผด็จการอมาตย์ได้สร้างกำแพงปิดกั้นการเข้าถึงระหว่างประชาชนกับพระมหา กษัตริย์ของเขามาอย่างยาวนาน ประชาชนไทยต่างล้วนให้ความเคารพรักเทิดทูนบูชากษัตริย์ของตนมาทุกยุคทุก สมัย สิ่งหนึ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับความรู้สึกของประชาชนไทยอย่างไม่อาจจะยกโทษกัน ได้ก็คือการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ “ไม่จงรักภักดี” ความรักเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนไทยนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่กฎเกณฑ์ หรือระเบียบปฏิบัติ แต่สิ่งนี้เป็นสายเลือด เป็นวัฒนธรรม เป็นสามัญสำนึก ที่ถูกประทับอยู่ภายใต้จิตวิญญาณของคนไทยไปเสียแล้ว.....

การร่วมลง ชื่อถวายฎีการ้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนไทยร่วมใจกันทำขึ้นใน ครั้งนี้ เป็นการทำลายกำแพงที่เผด็จการอมาตย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้นให้พังทลายลง เป็นการเข้าถึงโดยตรงที่ประชาชนไทยจะสามารถติดต่อกับพระมหากษัตริย์ของเขา ได้ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงเห็นการดาหน้าออกมาต่อต้านการถวายฎีกาที่ประชาชนจะมี ต่อพระมหากษัตริย์ในครั้งนี้อย่างกว้างขวาง และดูเหมือนการต่อต้านจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยครั้งแรกเริ่มจากการที่มีเหล่านักวิชาการ หรือ ราชนิกูลหางแถวบางคนออกมาแสดงความเห็นต่อต้านการถวายฎีกา จากนั้นก็มีเหล่าองคมนตรีบางคนออกมาต่อต้าน แล้วก็ลามมาสู่ระดับจังหวัดและหน่วยงานของรัฐถึงขั้นตั้งโต๊ะให้ประชาชนลง ชื่อคัดค้านการถวายฎีกากันแล้ว....

ในการสงครามนั้นทุก ๆ สมรภูมิล้วนมีความสำคัญเพื่อนำไปสู่ชัยชนะในบั้นปลายของสงครามทั้งสิ้น สงครามการต่อสู้กับเผด็จการอมาตย์เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยนี้ก็เช่นกัน สมรภูมิการถวายฎีกาครั้งนี้ก็จะเป็นการต่อสู้เพื่อนำไปสู่ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ในสงครามครั้งนี้ดุจเดียวกัน เผด็จการอมาตย์สามารถควบคุมองคาพยพทุกส่วนของประเทศนี้ได้แทบทั้งหมด ยกเว้นสิ่งเดียวที่ควบคุมไม่ได้ นั่นคือ “ศรัทธาของประชาชน” การรวมตัวกันของประชาชนเพื่อยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้ มิได้เป็นเพียงการทำลายกำแพงเพื่อเข้าถึงพระบารมีของพระมหากษัตริย์โดยตรง เท่านั้น แต่เป็นการรวมตัวกันของประชาชนจำนวนมากที่แสดงออกให้เห็นว่าพวกเขาไม่ยอม รับการปกครองของเหล่าเผด็จการอมาตย์อีกต่อไป....

เผด็จการอมาตย์จะ ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะขัดขวางการถวายฎีกาของประชาชนในครั้งนี้ มิให้ไปถึงพระมหากษัตริย์ของพวกเขาได้อย่างแน่นอน โดยการสร้างมวลชนเทียมขึ้นมาให้เกิดการปะทะกับมวลชนในประเทศนี้ ในลักษณะเดียวกับที่ได้พยายามกระทำมาตลอดคือต้องกรให้เกิดความรุนแรงใน ลักษณะการปะทะกันของกำลังมวลชนเพื่อให้เกิดสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นใน ประเทศนี้ แล้วในที่สุดก็จะขยายสถานการณ์จนควบคุมไม่ได้เพื่อจะได้ใช้สถานการณ์นั้น ประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง หรือพระราชบัญญัติสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อใช้ควบคุมประชาชนทั้งประเทศ....

ขณะที่รัฐบาลเทพประทานล้มเหลวในการบริหารประเทศทุกด้าน “รัฐบาลเพื่อความปรองดองแห่งชาติ” ก็จะถูกแต่งตั้งขึ้นโดยน้ำมือของเหล่าเผด็จการอมาตย์เอง โดยอ้างความจงรักภักดี ความสมานฉันท์ ความสงบในประเทศมาเป็นเครื่องล่อ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็คือ “อำนาจปกครองในประเทศนี้ก็จะยังคงอยู่ในเงื้อมมือของเผด็จการอมาตย์ต่อไป” โดยมีกฎหมายความมั่นคงเป็นเครื่องปิดปาก.....

เวลา นี้ไม่ใช่เวลาที่จะนำคำพูดสวยหรูเรื่องความสมานฉันท์มาใช้อีกต่อไปแล้ว ประชาชนที่ร่วมกันลงชื่อถวายฎีกาในครั้งนี้ มีตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดาที่อ่านหนังสือไม่ออก จนถึงระดับดอกเตอร์นักวิชาการผู้ทรงความรู้ ผู้คนทั้ง 5.4 ล้านเหล่านี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะบอกว่า เขาไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการอมาตย์อีกต่อไป พวกเขาไม่ต้องการความอยุติธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศนี้ พวกเขาเรียกร้องความเป็นธรรมและประชาธิปไตยที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมในการกำหนด ชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาเอง....

เวลานี้ประชาชนไทยไม่มีทางออกใดอีกแล้วนอกจากขอพึ่งใน “พระบรมโพธิสมภาร” ของพระมหากษัตริย์ไทยที่จะทรงเข้ามาช่วยเหลือและขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากของ พวกเขาออกไป หนทางอื่น ๆ ที่ได้พยายามกันมาแล้วไม่ว่าจะเป็นทางการเลือกตั้ง (ถูกโค่นล้ม), โดยรัฐสภา (ถูกตุลาการตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม), การชุมนุมประท้วง (ถูกกองทัพปิดล้อมสังหาร), การยื่นข้อเรียกร้องทางองค์กรอิสระ (เรื่องถูกเก็บลืม), ในขณะที่สื่อและนักวิชาการก็พยายามที่จะปิดเบือนเจตนารมณ์ และใส่ร้ายต่าง ๆ ....

ประชาชนไทยเหลือทางหายใจอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะถามหา ความเป็นธรรมและความยุติธรรมภายในประเทศนี้คือ การยื่นถวายฎีกาด้วยความสงบและจงรักภักดีในครั้งนี้ เป็นสายใยเส้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ที่จะไม่ทำให้ประชาชนภายในประเทศไม่ ลุกขึ้นเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยความรุนแรง ประชาชน 5.4 ล้านคนที่ร่วมลงชื่อถวายฎีการ้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ กับอาจารย์นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ที่ร่วมลงชื่อ 300 คน มันเทียบกันไม่ได้ในด้านของปริมาณ.....

เผด็จการอมาตย์อย่าพยายาม ผลักให้ประชาชนไปยืนฝ่ายที่เป็นศัตรูกับพวกท่านเลย เพราะปริมาณมันเทียบกันไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่มีใครต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศนี้ แต่ถ้าประชาชน 5.4 ล้านต้องสูญเสียไปสัก 10,000 คน ผลกระทบมันเล็กน้อยมากในด้านจำนวนปริมาณ ตรงข้ามถ้านักวิชาการเหล่านั้นต้องสูญเสียไปเพียง 250 คน เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวนะครับ....

ประเทศนี้ต้องการประชาธิปไตย มอบประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนไทยที่พวกท่านแย่งชิงไปคืนมาสู่พวกเขาเถอะครับ....

ปูนนก