ที่มา บางกอกทูเดย์
ยังไง๊ ยังไง!!!...พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ก็ยัง “ฮอต”ไม่เลิก..และแน่นอนว่า “บางกอกทูเดย์” ก็ต้อง “สวมวิญญาณ” เกาะติดสถานการณ์กันแบบ “ช็อตต่อช็อต” มานำเสนอ เพราะ “ความเคลื่อนไหว” ทุกย่างก้าวของอดีตนายกฯ ยังเป็น “เรื่อง” ที่ทุกคนให้ความสนใจใคร่รู้ ..ล่าสุด กับการลงนามร่วมทุนทำเหมืองเพชรที่แอฟริกา ก็เรียกเสียง ฮือฮา!! กระหึ่ม..ทำเอา มิตรเทียม ถึงกับ “สะอื้น” เลยทีเดียว..บางกอกทูเดย์ เลยนำ “ความรู้สึก” ซึ่งนำมาสู่การตัดสินใจ “ลงนาม” ครั้งนี้..มาฝากผู้อ่าน เพราะเรื่องเล่าต่อไปนี้ มีเรื่องของ “ความฝัน” ตั้งแต่สมัยเป็น เด็กชายทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยผู้เขียนได้อ่านแล้ว “ขอบอก” ว่า น่าสนใจ..เลยนำมาฝาก “สมาชิกคนรักทักษิณ” ให้อ่านคลายความ “คิดถึง”พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เล่าถึงการลงนามครั้งนี้ภายใต้คำถาม “พี่น้องคงแปลกใจว่า อยู่ๆ ทำไมผมไปทำเรื่องเพชร” จริงๆ แล้วผมมีแนวคิดเดิมอยู่ เพราะ ชอบดูเพชรพลอยมาตั้งแต่สมัยเด็กๆจะมีคนนำเพชรพลอยจากพม่ามาเดินขายในเชียงใหม่ความที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น ก็เลยไปคุยไปถามผู้ใหญ่ว่าอะไรเป็นอะไร เรียกว่าอย่างไร คุณภาพเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ศึกษามาเรื่อยๆ จน พอมีฐานะก็ไปซื้อเพชรพลอยกับภรรยาและลูกๆศึกษาต่อมาเรื่อยๆ และมาพบว่า De Beers สร้างแบรนด์
และเครือข่าย จนผูกขาดเครือข่ายทั่วโลก มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% เป็นผู้ทำให้ราคาเพชรสูงขึ้นตลอดเวลาพอดีช่วงนี้ว่างๆ มีพรรคพวกจากแอฟริกามาเสนอว่าเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้ราคาเพชรตก โดยเฉพาะราคาของเหมืองและเพชรดิบ (rough diamond หรือเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน) ก็เลยมีความคิดขึ้นมาว่า ฝีมือการเจียระไนของคนไทยถือว่าเป็นฝีมือระดับโลก ถ้าได้เครื่องมือชั้นดีของโลก ฝีมือการเจียระไนของเราคงไม่แพ้ De Beersหากทำการตลาดดีๆ ก็น่าจะมีชื่อเสียงถ้าเราจะตั้งชื่อแบรนด์ว่า “Thai Cut” หรืออะไรทำนองนี้ ก็จะเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงประเทศไทย ให้โอกาสคนไทยแสดงฝีมือระดับโลก ก็เลยอยากเข้าไปศึกษา โดยการเริ่มลงทุนเล็กๆ น้อยๆจนถึงขั้นรู้จริง จึงจะทำถึงขั้นที่เรียกว่า การเพิ่มมูลค่า (ValueAdded) ตั้งแต่ขั้นการทำเหมืองจนไปสู่การทำเพชรที่เจียระไนแล้วนอกจากนี้ ฝีมือการทำเครื่องประดับ (Jewelry) ของคนไทยก็เก่งมาก ผมคงจะได้มีโอกาสสนับสนุนวงการเพชรและเครื่องประดับไทยในโอกาสต่อไปข้างหน้า แต่ถือว่าขั้นนี้ยังเป็นขั้นมือใหม่หัดขับอยู่ที่เล่าให้ฟังว่าได้ลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2552 นั้นภายใน 2–3 สัปดาห์คงจะได้เห็นเพชรดิบเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมแล้วผมจะส่งภาพมาให้แฟนคลับได้ชมพร้อมๆ กับที่ผมเห็นเผื่อจะมีไอเดียดีๆ ร่วมกันครับทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจาก “พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ” ฉบับดั้งเดิมไร้การตัดต่อหรือแต่งเติมใดๆสุดท้ายขอขอบคุณ “อินเตอร์เน็ต” การสื่อสารไร้พรมแดนที่ทำให้ “การติดต่อ” ไม่ถูก “ตัดขาด” และทำให้เรา “ไม่พลาด”ที่จะนำความเคลื่อนไหวของ “พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ” มาฝากผู้อ่าน“สมาชิกกลุ่มคนรักทักษิณ” ได้อย่างต่อเนื่อง..