ที่มา บางกอกทูเดย์
เอาเข้าจริง!ผลงานในรอบ 6 เดือน ก็ยังไม่เข้าเป้าตาม เสียงโว โม้โขมง จากรัฐบาล..บวกกับการบริหารงานระบบ“ขี่คอ-นั่งตัก” คอยบังคับทิศทาง เติมเชื้อเพลิงชนิด “บุญคุณ”เข้าไป..งานนี้ ไปไม่เป็น ได้แต่ “อึ้ง” กับ “อม” เพราะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขั้วการเมืองใหม่! ท่าดีทีเหลวเละ...ก้าวแรกฮึกเหิม คึกคักประชาชนยิ้มกริ่ม “รอดตายแล้วโว้ย” ที่ไหนได้ “เวลาพาดีแตก”แม่เจ้าโว้ย!!
“พายเรือในอ่าง” ไม่ไปไหนสักที..แถมมี “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” อีก...เอ้า!! คนในเรือแบ่งกันเพลิน..เลือกรักไทยแทบหมดตัว อยากหนีไปอยู่ภูฏาน..สงสัยเหลือเกิน “พี่ไทยเฉา เจ๊ง” ขนาดนี้เลยหรือ???…ที่มีคนบอกว่าตัวเองมักมองหาจุดด้อยของตัวเองไม่พบ..ท่าจะเป็นเรื่องจริงก็ดู ดู๊ ดู รัฐบาลบอกเรา “เดินมาถูกทาง” (ทางลงเหวอ่ะดิ)บางกอกทูเดย์ เลยกางแผนที่ “ปักหมุด” ประเทศร่วมโลก“ควานหา” ว่า ชาวโลกเขาแคร์พี่ไทยเราอยู่หรือเปล่า???เปิดประเดิมบรรทัดแรก!!..ก็เศร้าแว้ววในอดีต ประเทศไทย ถูกจัดอยู่ใน กลุ่มนำของอาเซียน!! และตกต่ำมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา…คือ ผลวิจัยจากสถาบันการจัดลำดับระหว่างประเทศนอกจากนี้ ผลสำรวจผลของ สถาบันระหว่างประเทศภาคเอกชนหลายแห่ง ยังตอกย้ำให้ไทยเจ็บซี่โครงอีกว่า ในช่วงปี 2551-2552ภาพลักษณ์ของไทยค่อนข้างไม่ดีนักในสายตาของต่างชาติ..แป่ววว!!เมื่อต้น มิ.ย.2552 สถาบันระหว่างประเทศแห่งหนึ่งได้จัดลำดับประเทศที่มีความสงบสุขในโลก โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆผลปรากฏว่า ในกลุ่มอาเซียน ไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 118
จากจำนวน 140 ประเทศ ดีกว่าพม่าเพียงประเทศเดียวไทยและพม่าถูกจัดเข้าอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความวุ่นวายทางการเมือง ที่ดีกว่า อิรัก อัฟกานิสถาน โซมาเลีย อิสราเอล ซูดานปากีสถาน ซิมบับเว เพียงนิดเดียว เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้มีความวุ่นวายและมีความรุนแรง มีสงครามกลางเมือง...ทั้งหมดคือ รายงานประจำปี 2552 ซึ่งเป็นการสำรวจจากสถานการณ์ปี2551ชี้ชัดปัญหาการเมือง “ฉุด” ไทยซะ “ทรุด” ฮวบ..สอดคล้องพอดิบพอดียังกับ รองเท้าแก้วซินเดอเรลล่า ที่ว่า เพิร์กประกาศเมื่อปลายปี 2551 ถึงการจัดลำดับความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของ 12 ประเทศในเอเชีย ปรากฏว่าความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมไทยอยู่ในลำดับ 9ไม่นับเรื่องการคอร์รัปชั่นในไทย เอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงกระฉ่อนโลก ต้นเดือน เม.ย.2552 เพิร์กเปิดเผยผลการสำรวจ14 ประเทศในเอเชียเรื่องการคอร์รัปชั่น สรุปว่า ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นสูงมากเป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย ในขณะที่ฟิลิปปินส์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6 จากอดีตเขาเป็นเอกในกรณีขี้โกงบ้านเมืองอย่างยอดเยี่ยมไม่เป็นรองใครมีตอกย้ำ!! ช้ำเข้าไปอีกกับผลวิจัยจาก องค์กรความโปร่งใสระหว่างประเทศ ที่มีข้อสรุปว่า ดัชนีวัดการคอร์รัปชั่นทั่วโลกปี 2552 จัดลำดับให้ พรรคการเมืองไทยโกงกินมากที่สุดตามด้วย มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ เป็นเพื่อนร่วมก๊วนช้ำมากพอแล้ว!! เอาผลวิจัยดีๆ เข้าว่าบ้างดีกว่า เพราะที่หยิบสถานการณ์การเมืองไทยมาโชว์ความเลอเลิศ ก็ทำเรายืน “อึ้ง”เป็นไก่หลับต้นเดือน มิ.ย.2552 เพิร์กสำรวจระบบราชการใน 12 ประเทศในเอเชีย พบว่า ไทยมีระบบราชการดีอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และฮ่องกง…นี่คือผลวิจัยที่น่าปลาบปลื้มซึ่งมีอยู่ข้อเดียวจากการสำรวจนับร้อยข้อผลการวิจัยค่อนข้างใกล้เคียง หากเป็นหวยก็ต้องบอกว่าแทงโลดรวยชัวร์!!
อย่างที่เห็น อย่างที่เป็น!! เจรจาพาทีไม่ลงตัวกันสักที ชาวบ้านร้านตลาดไม่ได้ “โง่” นะครับท่าน!! จะได้อ่านไม่ออก ฟังไม่รู้เรื่อง..ที่เงียบกริบก็เพราะ ทางมันตัน ดันทุรังไปก็มีแต่ “เสียๆๆๆ”ผู้ใหญ่อดีตนักการทูต “น่านับถือคนหนึ่ง” บ่นถึงสถานการณ์การเมืองกับผู้เขียนว่า สถานะของไทยในเวทีโลกน่าเป็นห่วง เพราะภาพลักษณ์ค่อนข้างอ่อนแอซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องถึงอนาคตทั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ปี 2530-2540 มาเปรียบเทียบว่าสถานะของไทยในขณะนั้นเป็นที่วางใจของประเทศในกลุ่มอาเซียนเมื่อไทย “พูด” หรือเสนอนโยบาย เขาจะ “ฟัง” เรา และเชื่อถือโดยไม่ต้องหาร 10 หาร 100 เหมือนในขณะนี้“ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยที่เคยมีในอดีตแทบไม่เหลือ เพราะคนไทยโดยเฉพาะนักการเมืองทำร้ายประเทศของตัวเอง”อดีตนักการทูตบ่นส่งท้ายให้ผู้เขียนฟังฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจทิ้ง!! เพราะดัชนีชี้ลงมันส่งผลกระทบต่อการลงทุน รวมไปถึง “ยิ้มสยาม” ดิ่งลงตามกันไปตอนนี้ต่อให้ “ฉีกยิ้ม” ถึงใบหู..ก็คงไม่น่าสนใจ เพราะไหนจะไข้หวัด 2009..ไหนจะความโงนเงนของคณะบริหารประเทศ..ไหนจะระบบความมั่นคงของชาติที่สั่นไหว..ไหนจะมือปาหิน..ผนวกกันเข้าไป สรุปว่าไม่ปลอดภัยว่างั้นเถอะเฮ้อ...นึกถึงคำพูดแหย่เย้าแต่แรง สมัยเป็นไกด์น้อยที่พระนครศรีอยุธยา ต่างชาติในกรุ๊ปทัวร์แซวให้ขำๆ ว่าเมืองไทยนี้มีดีทุกอย่าง เมืองไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารสินแร่ ดินดี ปลูกอะไรก็ได้ผล ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในทะเลมีก๊าซธรรมชาติ ที่ตั้งก็เหมาะสม ยากที่จะโดนพายุซัดแต่น่าเสียดาย!! ที่ประเทศไทยมี “คนไทย” อาศัยอยู่ประเทศก็เลยเจริญช้าไปนิดนึง..ฟังไปฟังมา “คุณฝรั่งจ๋า”เขาลูบหัวแล้วถีบหลังนี่หว่า..แม้จะเจ็บจี๊ดแต่ไม่โกรธ เพราะร้อยละ 50 มันก็มีคนไทยประเภทนั้นอยู่จริงๆ..หรือใครเถียงว่าไม่จริง ■