ที่มา thaifreenews
เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนสิ้นสุดสงครามอเมริกาได้ยื่นคำขาดให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นเพียง 2 ทางเท่านั้นคือ จะยอมจำนนหรือจะต่อสู้ต่อไป ไม่มีหนทางอื่นให้เลือกได้ แม้ว่ารัฐบาลทหารของญีุ่ปุ่นจะรู้ว่าตนเองถูกรุกไล่และพ่ายแ้พ้ในทุก สมรภูมิ แต่ก็ยังรักเกียรติของตนเองมากกว่ารักประชาชน จึงปฏิเสธข้อเสนอนั้นและขอสู้ต่อโดยหวังว่า [font=Verdana]“สงครามครั้งสุดท้าย” [/font] คือการยกพลขึ้นบกเข้ายึดครองประเทศญี่ปุ่นของอเมริกาจะเป็นสงครามชี้ชะตากัน ว่า ใครจะแพ้ใครจะชนะ แต่หลังจากที่อเมริกายกพลขึ้นบกครั้งสุดท้ายที่โอกินาวาแล้ว อเมริกาก็เลือกใช้ยุทธวิธีที่ไม่ต้องเสี่ยงกับชีวิตทหารอีกด้วยเทคโนโลยีที่ เหนือกว่า นั่นคือใช้ระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ 2 เมือง พร้อมทั้งชีวิตชาวญี่ปุ่นนับแสนคนต้องสังเวยไปเพราะการตัดสินใจของคนเพียง กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดียวเท่านั้น
ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศที่ท่าน นายกทักษิณและกลุ่มคนผู้รักประชาธิปไตย ที่กำลังดำเนินการต่อสู้กับเผด็จการอมาตย์อยู่ในขณะนี้ เริ่มส่งผลให้เห็นเป็นรูปธรรมและชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความรู้ ความวิสัยทัศน์ ความคิด และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าเผด็จการอมาตย์อย่างเทียบกันไม่ติด โลกจึงเริ่มแคบลงสำหรับเผด็จการอมาตย์ที่ครอบครองประเทศนี้อยู่ในขณะนี้ ทุึกสมรภูมิในโลกนี้เผด็จการอมาตย์เริ่มพ่ายแพ้และลามเข้ามาถึงในบ้านของตน เองแล้วในขณะนี้
การที่รัฐบาลนี้เป็นศัตรูกับประเทศรอบบ้าน, การเป็นรัฐบาลที่ไม่มีจุดยืนในทางการเมืองระหว่างประเทศ, การเป็นรัฐบาลที่ต่อท่ออำนาจมาจากการรัฐประหาร, และเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แม้แต่ ABAC โพลที่เคยเป็นโพลสำรวจที่เข้าข้างเผด็จการอมาตย์ตลอดมา แบบสำรวจที่ำทำออกมายัีงแสดงให้เห็นว่าท่านนายกทักษิณ ที่มิได้อยู่ในประเทศไทยและถุกกล่าวหาตลอดมาว่า เป็น น.ช.ทักษิณ ได้รับความนิยมมากกว่านายกอภิสิทธิ์ ที่เป็นนายกคนปัจจุบันของประเทศนี้เสียด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นแล้วว่าทุกสมรภูมิรอบ ๆ ตัวของเผด็จการอมาตย์ที่เคยครองอำนาจอยู่เริ่มหมดอำนาจลง และเิริ่มเสื่อมความนิยมลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว รอเพียงวันพ่ายแพ้เท่านั้นซึ่งจะมาถึงแน่ ๆ เพียงแต่ว่าจะถึงเมื่อไรเท่านั้น
หมุดตัวสำคัญที่เหมือนกับการ ยื่นคำขาดกลาย ๆ จากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยมายังกลุ่มเผด็จการอมาตย์ก็คือ ประชาชนไทยทั่วทั้งประเทศนับแสนคนร่วมกันจัดงานทำบุญวันเกิดครบรอบ 60 ปีให้กับท่านนายกทักษิณโดยมิได้นัดหมายโดยรอบประเทศไทยถึง 61 จังหวัด และมีเสียงเรียกร้องกระหึ่มไปทั่วทั้งประเทศโดยผ่านทางการถวายฎีกานับล้าน รายชื่อว่า “ขอให้ท่านนายกทักษิณได้รับการอภัยโทษ และกลับมาสู่ประเทศไทย” นี่คือสัญญาณที่บอกออกมาแล้วว่า เผด็จการอมาตย์ท่านกำลังสู้อยู่กับคู่่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ชั่ว ชิวิตนี้ท่านเคยพบมานั่นคือ “ประชาชนทั้งชาติ”
ทาง เลือกเวลานี้ของเผด็จการอมาตย์มีหนทางให้เลือกเดินเพียงสองเส้นทางเท่านั้น คือ 1.ยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกโดยยอมเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็น ประชาธิปไตย โดยถอยตัวเองและพวกพ้องออกไปจากศูนย์อำนาจปล่อยให้ประชาชนในประเทศนี้ตัดสิน ใจเลือกทางเดินของเขาเองตามวิถีทางประชาธิปไตย ผลก็คือจะเกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างสงบสุข และเผด็จการอมาตย์ก็ยังคงได้รับการยอมรับเคารพนับถือและรักษาสถานภาพจาก ประชาชนในชาติได้ต่อไป หรือ 2. ปฏิเสธที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่ยังคงใช้อำนาจที่เหลืออยู่กดขี่คนในชาติต่อไป อาจจะโดยการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจอีกครั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือการใช้อำนาจอิทธิพลที่มีอยู่จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติก็ตามที ผลที่จะเกิดตามมาก็คือการนองเลือด การฆ่าฟันทำลายล้างกันของคนในชาติอย่างรุนแรง และสุดท้ายสถานภาพของเผด็จการอมาตย์ก็จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงในที่สุด แม้ว่าประชาชนจะเป็นฝ่ายสูญเสียอย่ีางมากก็ตาม...
ผมเชื่อว่าด้วย ความเป็นคนไทยเป็นผู้ที่เกิดในประเทศไทยเหมือนกัน มีเชื้อสายเดียวกันเผ่าพันธุ์เดียวกันสิ่งนี้เป็นเหมือนสายโซ่ที่มองไม่เห็น ที่ผูกพันความเป็นชาติไทย และคนเชื้อชาติไทยเอาไว้ด้วยกัน ผมมองด้วยมุมมองที่ดีว่าในที่สุดแล้วเผด็จการอมาตย์จะมีจิตใจที่มีความเป็น คนไทย รักประชาชนในประเทศมากกว่าความยิ่งใหญ่หรืออำนาจของตนเอง โดยยอมปล่อยอำนาจที่อยู่ในมือให้ประชาชนเสียโดยไม่ต้องมีใครเสียเลือดเนื้อ อีกต่อไป....
แต่ถ้าการณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้ามทหารเกิดขับรถถัง ออกมาแล้วประกาศยึดอำนาจในประเทศนี้อีกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ครั้งนี้คงจะไม่ง่ายดายเหมือนเมื่อครั้ง 19 กันยาน 2549 อีกแล้ว ขณะนี้กลุ่มขั้วอำนาจในประเทศนี้ก็แบ่งขั้วกันชัดเจน กระแสข่าวการปลด พล.ต.อ. พัชรวาท วงศ์สุวรรณ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดถึงความขัดแย้งกันระหว่างขั้วอำนาจเดิมที่มีอา มาตย์สี่เสาเป็นแกนหลัก กลับกลุ่มขั้วอำนาจใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นโดยมีอำนาจรัฐและกองทัพเป็นฐาน กำลัง นี่คือความแตกร้าวของฐานอำนาจที่เคยทรงพลังของเผด็จการอมาตย์ในคราวที่รวม พลังกันล้มล้างรัฐบาลของท่านนายกทักษิณเมื่อหลายปีที่ผ่านมา....
ความ ขัดแย้งอย่างหนักระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไข รัฐธรรมนูญ, ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในวง กว้าง, ความล้มเหลวในการป้องกันไข้หวัด 2009 ที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตติดอันดับโลก, แรงกดดันของประชาชนจากกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขารวมตัวกันมากยิ่งขึ้นและแสดงให้เห็นมากขึ้นทุกทีว่าไม่ยอมรับอำนาจการ ปกครองของรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ อีกต่อไป....
การรวบรวมรายชื่อถวาย ฎีกาที่มีคนมาร่วมลงชื่อมากกว่า 5 ล้านชื่อนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ พร้อมแล้วที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจอันไม่เป็นธรรมที่ครอบคลุมประเทศนี้ อยู่ สงครามประชาชนอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ถ้าเผด็จการอมาตย์เกิดหน้ามืดใช้ กองทัพเข้ายึดอำนาจเพื่อปิดประเทศ เวลานี้เส้นแบ่งระหว่างความสงบในชาติกับการที่ประเทศชาติจะลุกเป็นไฟด้วย สงครามประชาชนนั้นมีเส้นแบ่งที่บางมาก ทุกอย่างอยู่ที่ความต้องการของเผด็จการอมาตย์ว่า “ต้องการให้ประเทศนี้จะมีสภาพที่เปลี่ยนไปอย่างไร” และแน่นอนว่าผลที่เกิดจากเลือกของพวกเขานี้จะส่งผลที่จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ปูนนก
แสดงความคิดเห็นคลิกต่อที่นี่
http://www.thaifreenews.org/forum/index.php?topic=928.0