ที่มา ประชาไท
ปัญญาชน นักวิชาการ สื่อ และมนุษย์ทุกคนที่มีเหตุผล ก่อนจะตัดสินอะไรลงไปในเหตุการณ์รุนแรงนองเลือดครั้งประวัติศาสตร์นี้ จำเป็นต้อง “ทบทวน” ข้อเรียกร้องทางการเมืองของคนเสื้อแดงอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจนก่อน
ข้อเรียกร้องทางการเมืองของมวลชนเสื้อแดงคือขอให้ “ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่” โดยมีเหตุผลหลักๆ คือ
1. รัฐบาลอภิสิทธิ์แม้จะผ่านการโหวตในสภา แต่ข้อเท็จจริงมีการเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยมีทหารเครือข่ายรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และอำมาตย์ให้การสนับสนุน ข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมที่พรรคประชาธิปัตย์หลอกสังคมไม่ได้
2. จากข้อ 1 ประกอบกับความขัดแย้งทางความคิดของคนในสังคมที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยา ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างกว้างขวางที่นโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลก็แก้ไม่สำเร็จ นอกจากไม่สำเร็จแล้วยังทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น เพราะรัฐบาลแสดงบทบาทอยู่ในขั้วตรงข้ามของคู่ขัดแย้ง
ฉะนั้น เมื่อที่มาหรืออำนาจสนับสนุนรัฐบาลไม่ชอบธรรม ก็ทำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลไม่ชอบธรรมตั้งแต่แรก และรัฐบาลเช่นนี้ก็แก้ปัญหาความแตกแยกในสังคมไม่สำเร็จ ทางออกที่ยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้ง และประชาชนทั้งประเทศที่ไม่เลือกฝ่ายใดก็คือ “การยุบสภา-เลือกตั้งใหม่”
ที่ต้องตราไว้เป็นพิเศษ คือ ข้อเรียกร้อง “ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่” ของคนเสื้อแดงไม่ใช่ข้อเสนอเพื่อตัวเองแต่ฝ่ายเดียว เพราะ...
1. มีเหตุผล 2 ข้อดังกล่าวที่ฟังขึ้น
2. ไม่ใช่ข้อเรียกร้องในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองของคนเสื้อแดงได้เปรียบ (พรรคการเมืองคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายค้าน อยู่ในสภาพค่อนข้างแตกแยกด้วยซ้ำ) และ
3. เป็นข้อเรียกร้องที่ยุติธรรมทุกพรรคการเมือง และประชาชนทุกสี ทุกคนที่จะได้ใช้สิทธิ์ของตนเองภายใต้กติกาเดียวกัน เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันว่าชอบธรรมเพราะถูกเลือกด้วยเสียงข้างมากของประชาชนทั้งประเทศ
จากข้อเรียกร้องดังกล่าวต่อให้…
1. มีวาระซ่อนเร้นเพื่อช่วยทักษิณ หรือสู้เพื่อทักษิณ
2. มีข้อสงสัยเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่าย (ที่ต่อมารัฐบาลบอกว่า กองกำลังผู้ก่อการร้ายติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมชุม)
3. มีคนเสื้อแดงบางส่วนประกาศตัวไม่เอาสถาบัน มีการปราศรัยบนเวทีในลักษณะที่ว่ายุบสภาเป็นเพียงหลักกิโลเมตรที่ 1 และน่าสงสัยว่าหลักกิโลเมตรต่อไปอาจกระทบต่อความมั่นคงของสถาบัน (และต่อมารัฐบาลก็เปิดเผยแผนผังเครือข่าย “ขบวนการล้มเจ้า” แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานชัดเจน)
4. มีการกล่าวถึง “รัฐไทยใหม่” และมีการยกระดับการชุมนุมกดดันในลักษณะก้าวร้าวและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงนองเลือด
แต่ทั้งหมดนั้นก็ผูกติดหรือจำกัดอยู่กับการขอใช้ “วิถีทางประชาธิปไตย” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเมื่อยังอยู่ใน “วิถีทางประชาธิปไตย” (การเลือกตั้ง กระบวนการของรัฐสภา) ต่อให้มีเรื่องช่วยทักษิณ เรื่องสถาบัน เรื่องรัฐไทยใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงหรือพรรคการเมืองของคนเสื้อแดงจะทำทุกสิ่งได้ตามอำเภอใจ (ไม่เหมือนกับการใช้/สนับสนุนกองทัพให้ทำรัฐประหารที่สามารถใช้อำนาจเผด็จการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตามอำเภอใจ)
ฉะนั้น การที่รัฐบาลใช้ข้ออ้างเพียงว่า “ยุบสภาปัญหาก็ไม่จบ” อ้างการกดดันข่มขู่ของกลุ่มผู้ชุมนุม อ้างว่าจะคืนความสงบสุขให้คนกรุงเทพฯ แล้วสั่งสลายการชุมนุมวันที่ 10 เมษายน ทั้งที่คาดการณ์ได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย และเมื่อทำไปแล้ว มีคนบาดเจ็บล้มตายแล้ว ก็ยังเพิ่มมาตรการเข้มข้นด้วยข้อกล่าวหาเรื่อง “ขบวนการล้มเจ้า” “กลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ” จนเลยมาถึงการเสนอแผนปรองดองที่ไม่ได้แสดงถึงความจริงใจและความยุติธรรมกับอีกฝ่ายในมาตรฐานเดียวกันอันเป็นเหตุให้อีกฝ่ายปฏิเสธ และรัฐบาลก็ใช้เป็นข้ออ้างในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ที่ขณะนี้ (วันที่ 16 พฤษภาคม 2553) มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 23 ราย (รวมตั้งแต่ 10 เมษาเป็นต้นมาก็กว่า 50 ศพแล้ว เฉพาะที่มีในรายงานข่าว)
และกระนั้นแล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ยังออกแถลงการณ์ยืนยันให้ทหารเดินหน้าต่อกระชับวงล้อมผู้ชุมนุมภายใต้ข้ออ้างว่า จะพยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด และที่ตัดสินใจทำไปไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน เพื่อคืนความสงบสุขของบ้านเมือง พร้อมกับ “อ้อน” ขอกำลังใจและการสนับสนุนจากประชาชน
คำถามที่สังคมต้องถามอย่างตรงไปตรงมาต่อนายกฯอภิสิทธิ์ คือ
1. นายกฯอภิสิทธิ์เชื่อจริงๆหรือว่า ด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำให้คืนความสงบสุขสู่สังคมได้จริง (และไม่เคยเชื่อเลยหรือว่า หากยุบสภาทันที หรือภายใน 3 เดือนตามที่ฝ่ายต่างๆเสนอ แม้เลือกตั้งใหม่อาจไม่สงบแต่จะไม่มีการสูญเสียมากขนาดนี้)
2. มีข้อมูลหลักฐานที่ทำให้นายกฯอภิสิทธิ์มั่นใจจริงๆหรือว่า คนเสื้อแดงต้องการใช้การยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อช่วยให้ทักษิณพ้นผิด สร้างรัฐไทยใหม่ สถาบันกษัตริย์จะถูกล้ม (ตามข้อกล่าวหา “ขบวนการล้มเจ้า”)
3. ต่อให้มั่นใจในข้อมูลหลักฐานตามข้อ 2 แต่สิ่งที่คนเสื้อแดงขอใช้เพื่อการนั้นก็คือขอใช้ “วิถีทางประชาธิปไตย” นายกฯอภิสิทธิ์มั่นใจจริงๆหรือว่าคนเสื้อแดงจะใช้“วิถีทางประชาธิปไตย” เพื่อช่วยเหลือทักษิณ หรือล้มเจ้าได้สำเร็จต่อหน้าต่อตาประชาชนทั้งประเทศที่ก็คงไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงอยู่เป็นจำนวนมหาศาล
4. ที่จริงไม่ต้องคิดเรื่องทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ (ช่วยทักษิณพ้นผิด ล้มเจ้า) ถ้าเรายืนยันว่าสังคมเราเป็นสังคมประชาธิปไตย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เรามีความชอบธรรมที่จะฆ่าคนที่เรียกร้องการใช้ “วิถีทางประชาธิปไตย” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ไม่เป็นการทำลายประชาธิปไตยโดยตรง (สังคมนี้เรียกร้องให้ฆ่าคนที่มาขอใช้ “วิถีทางประชาธิปไตย” ได้ แต่ไม่เคยเรียกร้องให้ฆ่าคนทำรัฐประหาร!)
ถ้าการชุมนุมอย่างสันติตั้งแต่แรกของคนเสื้อแดงเพียงเพื่อขอใช้ “วิถีทางประชาธิปไตย” ไม่ว่าจะเพื่อเป้าหมายใดที่ในที่สุดแล้วอธิบายได้ว่าไม่ใช่เป็นการทำลายประชาธิปไตยโดยตรง รัฐบาลย่อมไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสร้างเงื่อนไขให้การเรียกร้องนั้นนำไปสู่ความรุนแรงอย่างวันที่ 10 เมษายน และต่อๆมา
โดยเฉพาะเมื่อมีทางเลือกอย่างไม่ต้องสูญเสียอะไรเลยคือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในทันทันที หรือใน 3 เดือน 6 เดือน แต่รัฐบาลก็ไม่เลือกทางเลือกง่ายๆเช่นนี้ตั้งแต่ต้น กลับเลือกทางที่คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะมีคนตาย จะเกิดสงครามกลางเมือง จึงเป็นการตัดสินใจเลือกที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง
ที่สำคัญเมื่อเกิดการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังดันทุรังเดินหน้าสู่ความสูญเสียมากขึ้นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอะไรก็ตามที่ไม่มีทาง “คุ้มค่า” กับชีวิตคนที่สูญเสียไปเลย ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย
เราคงได้แต่ถามอย่างงงงวยหดหู่ และถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ท่านนับศพเพื่ออะไร และเมื่อไรจะเสร็จการนับศพ?”
ปล. แม้ผมจะมีความเห็นมาตลอดว่า แกนนำ นปช.ใช้ยุทธวิธีผิดพลาด ไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตของมวลชนเท่าที่ควรจะเป็น และต้องรับผิดชอบทางกฎหมายตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน แต่ก็เห็นว่าอภิสิทธิ์ สุเทพ ในฐานะผู้ใช้อำนาจรัฐอย่างไร้สปิริตประชาธิปไตยและไร้มนุษยธรรมจะต้องรับผิดชอบมากกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้!