ที่มา ข่าวสด "ตาม หลักวิธีพิจารณากฎหมายทั่วไป ก็เหมือนกับคดีแพ่ง เมื่อทางฝ่ายผู้ร้องพบว่าเนื้อหาสำนวนที่ยื่นไปครั้งแรกมีความบกพร่อง ก็สามารถนำมาปรับปรุงเพื่อยื่นกลับไปใหม่ อีกทั้งในคดีนี้ศาลเองก็ยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงออกมา ดังนั้นก็อยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะตัดสินใจ” นายประพันธ์กล่าว เมื่อ ถามถึงการยื่นคำร้องคดี 29 ล้านบาทใหม่ นายประพันธ์กล่าวว่า ในคดี 29 ล้านบาทโดยหลักแล้วสามารถยื่นคำร้องกลับไปใหม่ได้ เพราะมติ กกต.เสียงข้างมาก 3 เสียง ให้นายทะเบียนกลับไปทำความเห็นมา ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.กระบวนการก็จะสมบูรณ์ก็สามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ แต่เมื่อศึกษาคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 4 คนในคดี 29 ล้านบาท ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้หมดแล้ว ว่าผู้ถูกร้องไม่มีความผิด การจะยื่นกลับไปใหม่คงทำไม่ได้ง่ายๆแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกกต.ทำเต็มที่แล้ว คำตัดสินที่ออกมาเป็นความเห็นทางกฎหมายก็ต้องยอมรับ “หลังแพ้คดี กกต.ทั้ง 2 คดี กกต.สมควรต้องปรับปรุงโครงสร้างกระบวนการใหม่แน่นอน เพื่อให้การทำงานของ กกต.มีความรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่า กกต.ทั้ง 5 คนยังสามัคคีไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกัน จะทำงานร่วมกันต่อไป”นายประพันธ์กล่าว
เมื่อ วันที่ 9 ธ.ค. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงท่าทีของกกต.หลังจากนี้ว่า ผู้ยื่นคดีนี้คืออัยการสูงสุดซึ่งอัยการได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่าขั้นตอนมีความถูกต้อง การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแบบนี้ ตามหลักการพิจารณาคดีทั่วไป ฝ่ายผู้ร้องยังสามารถปรับปรุงสำนวนและยื่นเรื่องกลับไปเพื่อให้ศาลดำเนินการ ใหม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะตัดสินใจว่าเมื่อเห็นว่าขั้นตอนการยื่นในครั้งแรกไม่ถูกต้อง และจะยื่นกลับไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยใหม่หรือไม่ ดังนั้นนายอภิชาตต้องพิจาณาเอง เพราะกกต.อีก 4 คนไม่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากกรรมการคนอื่นมีหน้าที่เพียงแค่รับรองความเห็นนายทะเบียนในการยื่น ยุบพรรคเท่านั้น