WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 8, 2010

คลิปใหม่ ยื่นเพิ่มร้องบุญจง

ที่มา ข่าวสด

ขยายภาพ-เสียง เลี้ยงหัวคะแนน 'มาร์ค'ยื้อ-บี้'จิ้น' ให้แจงแจกอบต. ต่อครม.ครั้งหน้า



'มา ร์ค'ยื้อแจกเงินอบต. สั่งในครม.ให้มท.จิ้นทำรายละเอียดมาแจกแจงในครม.อังคารหน้า เชื่อยังทบทวนได้ ขณะที่ปู่จิ้นไม่มีปัญหาแจงก็แจง แต่ประกาศในราชกิจจาฯเมื่อไหร่มีผล 1 ม.ค.54 ทันที นายกฯใช้วิธีโหวตในครม.ให้มหาดไทยแก้กฎกระทรวงไอซีทีหาทางออกสมาร์ทการ์ด อ้างไม่เสียหายแต่ประชาชนได้บัตรประชาชนเร็วขึ้น ผู้สมัครเพื่อไทยโคราชยื่นซีดีชุดใหม่หลักฐานร้อง'บุญจง' เป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงวันเลี้ยงหัวคะแนนที่ระยอง คมชัดกว่าซีดีชุดแรกที่กกต. โคราชอ้างภาพไม่ชัด ไม่รู้ใครเป็นใคร

กกต.ระบุใช้สิทธิ์ล่วงหน้าน้อย

เมื่อ วันที่ 7 ธ.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงภาพรวมการเลือกตั้งล่วงหน้าส.ส. 5 เขต 5 จังหวัด เมื่อวันที่ 4-5 ธ.ค.ว่า กทม.เขต 2 มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า 4,124 คน จ.ขอนแก่น เขต 2 จำนวน 4,101 คน จ.นครราชสีมา เขต 6 จำนวน 11,767 คน จ.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 จำนวน 5,624 คน และจ.สุรินทร์ เขต 3 จำนวน 17,830 รวมทั้ง 5 เขตมีผู้มาใช้สิทธิ์ 43,446 คน ภาพรวมถือว่าน่าพอใจ แต่ยังเทียบไม่ได้กับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2550 เพราะครั้งนั้นมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า ทั้งนี้ในจ.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 จ.ขอนแก่น เขต 2 และกทม.เขต 2 ถือว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ไม่มากเท่าที่ควร ส่วนจ.นครราชสีมา เขต 6 มีจำนวนใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา จ.สุรินทร์ เขต 3 มีผู้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้ามากที่สุด ซึ่งกกต.สุรินทร์ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นาย ประพันธ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีร้องเรียนเข้ามาเพียง 1 เรื่อง ที่จ.นครราชสีมา เขต 6 เกี่ยวกับการจัดเลี้ยง สัญญาว่าจะให้ และเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง ส่วนที่กังวลว่าจะขนคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนั้น ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา หากประชาชนพบข้อมูล ขอให้แจ้งมาที่กกต.จังหวัด นอกจากนี้กกต.ยังกังวลเรื่องวันเลือกตั้งจริงวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ที่ตรงกับวันหยุดยาว อาจทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่มากเท่าที่ควร ได้กำชับกกต.จังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องร้องเรียนที่จ.นครราชสีมา กกต.จะมีคำวินิจฉัยออกมาก่อนหรือไม่ นายประพันธ์กล่าวว่า อยู่ที่กกต.นครราชสีมาว่า จะส่งเรื่องมาเร็วแค่ไหน การวินิจฉัยต้องสอบสวนพยานให้ครบถ้วนก่อน ถ้าส่งเรื่องมาทันเวลา กกต.กลางสามารถพิจารณาได้ ซึ่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ตามรายงานไม่ได้ระบุว่ามีผู้สมัครลงไปในพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่ร้องเรียนมาในลักษณะจัดงานเลี้ยง และพาดพิงถึงผู้สมัคร

นาย ประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนการเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้ากทม.เก็บไว้ที่สำนักงาน เขต ส่วนต่างจังหวัดเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ช.ม. และมีกล้องวงจรปิด ถ้าเกิดผู้สมัครคนใดประสงค์จะส่งตัวแทนไปสังเกตการณ์ ขอให้ประสานกกต.จังหวัด

ยื่นเพิ่มคลิปร้องเรียน'บุญจง'

เมื่อ เวลา 12.30 น.ที่สำนักงานกกต.นครราช สีมา พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายอภิชา เลิศพชรกมล ผู้สมัคร ส.ส. เขต 6 นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ยื่นพยานหลักฐานประกอบสำนวนการพิจารณาโทษเพิ่มเติม โดยกล่าวหานายบุญจง วงศ์ไตร รัตน์ ผู้สมัครส.ส. พรรคภูมิใจไทย กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 53 (4) ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใด กระทำการจัดเลี้ยงในระหว่างจัดการเลือกตั้ง โดยมีนายกนก สิริเพ็ญโสภา หัวหน้างานสืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัด เป็นผู้ลงรับเรื่อง

นายกนกกล่าวว่า จะเร่งนำพยานหลักฐานที่รวบรวมเพิ่มเติม นำเข้าสู่การประชุมกกต.จังหวัด เพื่อขอมติดำเนินการต่อไป

ขยายภาพ-เสียงชัดกว่าชุดแรก

นาย อภิชาเปิดเผยว่า มั่นใจพยานหลักฐานที่นำมามอบให้ โดยเป็นคลิปภาพ เสียง เคลื่อน ไหว รวมความยาว 2 ช.ม. บันทึกไว้ช่วงเย็นจนถึงดึกวันที่ 19 พ.ย. รายละเอียดขยายความต่อจากซีดีชุดแรก ที่มีการจัดเลี้ยงสัมมนา"พัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนอ.จักราช นครราชสีมา" สถานที่อ.แกลง ระยอง โดยซีดีชุดแรกกกต.ระบุว่าพบอุปสรรคการซูมตรวจสอบใบหน้าบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมืด จึงได้แต่เปิดดูอย่างเดียว ไม่ยอมเรียกบุคคลในคลิปมาสอบ แต่ซีดีหลักฐานชุดนี้สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ทันที เนื่องจากเห็นใบหน้าบุคคลต่างๆ ในระยะใกล้ที่มีพฤติการณ์กระทำผิดหลายคน ต่างกรรม ต่างวาระ ตนหวังว่าเมื่อกกต.ดูซีดีชุดนี้แล้วจะมีคำตอบที่ชัดเจนกับสังคมในการพิจาร ณาโทษ

ด้านพ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ขอฝากถึงนายกฯไม่ควรให้กกต.ปฏิบัติงานเพียงลำพัง สภาพที่เกิดขึ้นในเขต 6 ขณะนี้ กกต.ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นายกฯต้องรีบออกมาต่อต้านทุจริต โดยป้องปรามข้าราชการที่ออกนอกลู่นอกทาง

ส่วนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้สมัครส.ส. พรรคภูมิใจไทย อดีตรมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ว่า บ้านเมืองมีกฎกติกา ตนยังหาเสียงอยู่ในขอบเขตและใช้สิทธิตามกฎหมาย ข้าราชการมีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นธรรมดาที่พยายาม สรรหาประเด็นมาโจมตี ตนยังมั่นใจกับผลงานที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจเรื่องคลิป

เชียร์กกต.-ยื่นถอดเปารธน.

ที่สำนักงานกก ต. นายเศวต ทินกูล อดีต ส.ส.ร.ปี 2550 พร้อมด้วยเครือข่ายนักกิจกรรมเก่ารามคำแหงอิสาน กลุ่มนักศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือและมอบดอกไม้ให้กำลังใจกกต. กรณีถูกกดดันให้ลาออก ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์

นายเศวตกล่าวว่า กกต.ต้องปฏิบัติภายใต้ กรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ถูกผลักภาระ

จาก นั้นนายเศวตและเครือข่ายเดินทางไปสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องขอให้ถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ครม. และสมาชิกรัฐสภา โดยนายเศวตกล่าวว่า การพิจาร ณาของศาลรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนมาตรา 216 ประ กอบมาตรา 300 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้พิจารณาตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อยังมิได้ตราพ.ร.บ.ดังกล่าว ก็มีบทเฉพาะกาลให้อำนาศาลรัฐธรรมนูญออกข้อกำหนดวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ใช้ไปพลางก่อน แต่ต้องไม่เกิน 1 ปี หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แต่จนบัดนี้ยังมิได้ตราพ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้นการพิจารณา ใดๆ ของศาลรัฐธรรมนูญหลังประกาศใช้รัฐ ธรรมนูญเกิน 1 ปี จึงเป็นโมฆะ นอกจากนี้ยังอาจรวมถึงครม.และสมาชิกรัฐสภาที่กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเช่น กัน เนื่องจากมิได้ตรา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับให้ทันตามเงื่อนเวลาที่กำหนด

'ชวน'เรียกถกทีมสู้คดี 258 ล.

เมื่อ เวลา 10.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค ประชุมทีมกฎหมายกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพร้อมคู่ความคดีที่อัยการสูงสุดร้องให้ ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีรับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอ โพลีน ผ่านบริษัทเมซไซอะฯ ลักษณะทำนิติกรรมอำพราง ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้

จาก นั้นนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน ทีมกฎหมาย แถลงว่า ทีมกฎหมายยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 2 ธ.ค.เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย เนื่องจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงคดีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้อง คดี 29 ล้านบาท ที่ศาลยกคำร้องไปแล้วนั้นกับคดี 258 ล้านบาท ที่จะพิจารณาวันที่ 9 ธ.ค. เป็นคดีที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกือบจะเหมือนกัน ทางพรรคจึงขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โดยให้วินิจฉัยยกคำร้องของผู้ร้อง

ยอมรับไม่หนักใจเท่าคดี 29 ล.

นาย สุทัศน์กล่าวอีกว่า พรรคได้สรุปประเด็นยื่นคำวินิจฉัยดังกล่าว โดยเห็นว่าเมื่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ยังไม่มีความเห็นในฐานะนายทะเบียนว่าให้ยุบหรือไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเสนอเรื่องให้อนุกรรมการเลือกตั้งพิจารณากลั่นกรองใช้ดุลพินิจของนาย ทะเบียนอีกครั้ง ตามขั้นตอนที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 95 บัญญัตไว้ว่า การให้ความเห็นชอบของกกต. เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2553 และวันที่ 21 เม.ย. 2553 มีการกระทำผิดขั้นตอนในสาระสำคัญของกฎหมาย ย่อมไม่มีผลตามกฎหมายที่จะให้อัยการสูงสุดมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐ ธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยในคดี 29 ล้านบาทมีผลผูกพันทุกองค์กรทั้งศาลรัฐธรรม นูญ และอัยการฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 216 วรรค 5

"ส่วนศาลจะวินิจฉัยให้ ไต่สวนหรือสืบพยานต่อ พรรคก็จะต่อสู้ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมทั้งพยานบุคคลที่มีอยู่แล้ว ซึ่งทีมกฎหมายยอมรับว่าการสู้คดี 258 ล้านบาทไม่หนักใจเท่ากับการสู้คดี 29 ล้านบาท และมั่นใจว่าเราจะชนะคดีนี้แน่ หากศาลจะวินิจฉัยคำร้องของพรรคเลย เพราะมีการสอบพยานและหลักฐานทั้งหมดมาแล้ว ถือเป็นอำนาจของศาล ซึ่งพรรคพร้อมน้อมรับคำตัดสิน" นายสุทัศน์กล่าว

ชมศาลรธน.-คุยสู้ด้วยสาระ

นาย วิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ทีมกฎหมาย กล่าวว่า ขอชื่นชมศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมจำนนต่อม็อบและคลิป แต่ห่วงใยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคนพวกนี้ยังกดดันศาลต่อไปทุกรูปแบบ วางแผนเตรียมการเป็นระยะ ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคจะยืนหยัดสู้ด้วยเหตุผลและความจริง โดยเอกสารคำฟ้องและการชี้แจงคดี 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท เหมือนกันเกือบ 99.99 % แต่ข้อเท็จจริงของคดี 258 ล้านบาท ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค เพราะเป็นการทำธุรกิจของเอกชนที่ว่าจ้างทำโฆษณาส่งเสริมการขายเท่านั้น และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารทีพีไอ ปฏิเสธแล้วว่าไม่เคยบริจาคเงินให้ประชาธิปัตย์ อีกทั้ง นายประจวบ สังข์ขาว ผู้บริหารเมซไซอะฯ ยืนยันว่ารับงานจากพรรค และรับเงินจากพรรค ซึ่งสั่งจ่ายตามบัญชีเพื่อการเลือกตั้งทุกประการ โดยไม่เคยรับเงินจากทีพีไอฯเลย นอกจากนี้ยังปั้นเรื่องปั้นพยาน ใส่ร้ายพรรค เรื่องเหล่านี้เป็นสาระในคดี 258 ล้านบาท

นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ ทีมกฎหมาย กล่าวว่า ทีมกฎหมายเฝ้าติดตามท่าทีของอัยการว่าจะดำเนินการอย่างไร หลังจากพรรคยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 2 ธ.ค. แต่จนบัดนี้ ยังไม่คืบหน้า โดยเชื่อว่าอัยการน่าจะยื่นคำร้องประกบคำร้องของพรรคมาแน่นอน ซึ่งนายชวนจะเรียกประชุมทีมกฎหมายเพื่อติดตามเรื่องนี้อีกครั้งวันที่ 8 ธ.ค. และถือเป็นวันสุกดิบก่อนไปตามนัดศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 9 ธ.ค. ส่วนที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. พยายามโยนภาระความรับผิดชอบให้กับนายทะเบียนนั้น ถือเป็นอาการไม่ค่อยดี จึงห่วงว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ถ้านางสดศรียังเป็นกกต.อยู่ จะให้ความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองได้ยาก เนื่องจากใช้อารมณ์มากกว่าสติสัมปชัญญะ ซึ่งน่าหนักใจ และไม่น่าเชื่อว่าคนเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อนจะไม่เข้าใจกระบวนการพิจารณาของ ศาล

ลุ้นศาลวินิจฉัย 9 ธ.ค.จบไปเลย

รายงานข่าวจากทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ อัยการสูงสุดยื่นคำร้องประกบคำร้องของพรรคที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและกกต.เมื่อ วันที่ 2 ธ.ค. ดังนั้นนายชวนจึงเรียกประชุมทีมกฎหมายในวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 12.00 น. เพื่อพิจารณาคำร้องของอัยการ

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า แนวทางที่ศาลรัฐธรรม นูญนัดพร้อมคู่ความวันที่ 9 ธ.ค.นี้ อาจเป็นไปได้ว่า ศาลนัดพร้อมในตอนเช้า แล้วจะนัดฟังคำวินิจฉัยในตอนบ่ายวันเดียวกัน เพราะข้อเท็จจริงได้ปรากฏชัดแล้ว โดยเฉพาะกรณีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนให้การต่อคณะกรรมการร่วม ระหว่างตัวแทนอัยการสูงสุดกับตัวแทนกกต. ว่ายังไม่ได้สรุปความเห็นว่าควรยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ และคดี 29 ล้านบาท มีคำวินิจฉัยของศาลปรากฏชัดเกี่ยวกับอำนาจนายทะเบียน ซึ่งผลการวินิจฉัยของศาลถือว่าผูกพันอยู่แล้ว หรือศาลอาจนัดสืบพยานต่อเหมือนกับคดี 29 ล้านบาทก็ได้ หากเป็นกรณีหลัง พรรคได้ยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาเป็นเอกสารต่อศาลรัฐธรรนูญไปนานแล้ว และยื่นบัญชีรายชื่อพยานบุคคลและพยานเอกสารชุดเดียวกับคดี 29 ล้านบาท โดยพยานบุคคลได้ยื่นรายชื่อไป 53-55 ปาก

'สดศรี'ปล่อยอสส.ทำหน้าที่

นาง สดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมาย โดยขอให้ศาลยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จากข้อกล่าวหารับเงินบริจาค 258 ล้านบาท เนื่องจากนายทะเบียนยังไม่ทำความเห็น ก่อนเสนอเข้ากกต.จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาคดีนี้ต่อว่า หากเทียบกับคดีเงิน 29 ล้านบาทนั้น กกต.โดยนายทะเบียนได้เคยยื่นคำร้อง เพื่อคัดค้านการวินิจฉัยปัญหาในข้อกฎ หมายคดีดังกล่าวด้วย แต่คดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทนั้น อัยการสูงสุดเป็นผู้ร้องและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัต ย์ ดังนั้นอัยการสูงสุดจะเป็นผู้โต้แย้งหรือยื่นคำร้องคัดค้านพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่หน้าที่กกต.จะดำเนินการในชั้นศาล

พท.แนะกกต.ฟ้องเอา 29 ล.คืน

ที่ พรรคเพื่อไทย นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค แถลงภายหลังประชุมว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพร้อมฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องในคดียุบพรรคประชา ธิปัตย์ข้อหารับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจากทีพีไอ วันที่ 9 ธ.ค.นี้ มีประชาชนจำนวนมากเป็นห่วงเกรงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดบัญชีพยานทั้งสองฝ่าย แล้วพิจารณาตามเอกสาร ซึ่งอยากให้สบายใจเพราะทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทซับซ้อนพอสมควร รวมถึงประเด็นเส้นทางเงิน ที่ดีเอสไอไม่เสนอในสำนวนเพื่อส่งฟ้อง ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องไต่สวนอย่างละเอียดว่าทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ คงตัดออกไม่ได้ รวมถึงกรณีนำเงินทีพีไอ 258 ล้านบาทออกจากตลาดหลักทรัพย์โดยมิชอบด้วย

นายประเกียรติกล่าวว่า สำหรับคดี 29 ล้านบาท ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องนั้น ยังเป็นหนังเรื่องยาวเพราะตามข้อบังคับที่ 50 ของศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้วินิจฉัยทุกประเด็นที่มีคำร้องก่อนลงมติ ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณา 4 ประเด็นที่เหลือ ไม่เช่นนั้นถือว่าทำผิดข้อบังคับ นอกจากนี้คำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการไม่มีผลผูกพันกับองค์กรอื่น และศาลรัฐ ธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดหรือไม่ ดังนั้นขอเรียกร้องกกต.ฟ้องร้องอาญากับผู้กระทำความผิดเอาเงินหลวงไปใช้ อย่างไม่ถูกต้อง และฟ้องเอาเงิน 29 ล้านบาทกลับคืนมา

มาร์ค-จิ้นยังขบเหลี่ยมแจกอบต.

วัน เดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย และโฆษกพรรคภูมิ ใจไทย แถลงผลประชุมครม.ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ปรารภกรณีกระทรวงมหาด ไทยเสนอขอขึ้นค่าตอบแทนอบต. ซึ่งนายกฯมอบหมายรมว.มหาดไทย นำรายละเอียดอัตราค่าตอบ แทนของอบต.ที่ได้ลงนามในคำสั่ง มาเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐ หรือหน่วยงานท้องถิ่นอื่น เช่น เทศบาล ส.ก. ส.ข. และค่าแรงงานขั้นต่ำ นำมาเสนอต่อครม. สัป ดาห์หน้า เพื่อเปรียบเทียบหรือยึดโยงกับหน่วยงานอื่นอย่างไร และมีความเหมาะสมอย่างไร

จาก นั้นนายศุภชัย ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การขอขึ้นค่าตอบแทนครั้งนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน จึงไม่มีผลกระทบต่องบประมาณ แต่ในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า นายชวรัตน์จะดำเนินการตามที่นายกฯสั่งการ เมื่อถามว่าการขึ้นค่าตอบแทนครั้งนี้ยังไม่ผ่านความเห็นชอบใช่หรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า อำนาจเรื่องค่าตอบแทนอบต.เป็นของรมว.มหาด ไทย ที่มีอำนาจประกาศได้ตามกฎหมาย จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค.2554

มท.1รอประกาศราชกิจจาฯ

เมื่อ ถามว่ากระทรวงมหาดไทยติดใจการทัก ท้วงของนายกฯหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า สิ่งที่มหาดไทยดำเนินการยึดหลักที่อบต.ทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อเทียบกับเทศ บาลแล้วลักษณะงานไม่ต่างกัน แต่ค่าตอบแทนต่างกัน เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยพิจารณาโดยเปรียบเทียบกับเทศบาล และในครม. รมว.มหาดไทยอ่านอัตราค่าตอบแทนให้ที่ประชุมครม.ทราบด้วย

ด้านนาย ชวรัตน์ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ทำความเข้าใจกับนายกฯแล้ว นายกฯต้องการทราบว่าการขึ้นเงินดังกล่าวเหลื่อมล้ำกันหรือไม่ ชี้แจงไปว่าในส่วนสมาชิกสภาเขตเป็นการใช้กฎหมายคนละฉบับ กระทรวงมหาดไทยพิจารณา เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินค่าตอบ แทนนายกอบต. รองนายกอบต. ประธานสภาอบต. รองประธานสภาอบต. สมาชิกสภาอบต. เลขานุการนายกอบต. และเลขานุการสภาอบต. (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 จะมีผลสมบูรณ์ เมื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กระทรวงส่งเรื่องไปแล้ว

นายกฯทักท้วงในครม.

รายงาน ข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมครม. นายอภิสิทธิ์ นายกฯ หยิบยกกรณีที่นายชวรัตน์ รมว.มหาดไทย ลงนามในระเบียบกระทรวงมหาดไทย เรื่องเพิ่มค่าตอบแทนให้นายกอบต. และบุคลากรของอบต. มาหารือ โดยขอให้นายชวรัตน์ไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าการขึ้นค่าตอบแทนดังกล่าว ต้องยึดโยงกับกลุ่มอื่นๆ ด้วยหรือไม่ ซึ่งนายชวรัตน์ชี้แจงรายละเอียดตัวเลขต่างๆ ให้ทราบ และยืนยันว่าการขึ้นค่าตอบแทนครั้งนี้ ไม่ได้ใช้งบประ มาณรัฐบาล แต่ใช้งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าเปรียบเทียบกับเทศมนตรีถือว่าค่าตอบแทนอบต.ถูกกว่า อย่างไรก็ตาม นายกฯย้ำว่าอยากให้มหาดไทยดูรายละเอียดและทำรายงานมาให้ทราบอีกครั้ง และเสนอเข้าครม.สัปดาห์ถัดไป เพราะที่ผ่านมามีส.ก.และส.ข. ขอขึ้นค่าตอบแทนมาเช่นกัน แต่ไม่อนุมัติ จึงเกรงว่าหากอนุมัติให้กับอบต. ส่วนอื่นๆ จะขอขึ้นค่าตอบ แทนด้วย

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า นายชวรัตน์บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช้งบส่วนกลาง และเป็นอำนาจของมหาดไทย แต่ตนให้ข้อสังเกตว่าต้องดูว่าการขึ้นค่าตอบแทนกระทบกับกลุ่มอื่นๆหรือไม่ จึงขอให้นำตัวเลขต่างๆ มาเสนอต่อครม.สัป ดาห์หน้า เพราะเรื่องนี้จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2554 จึงต้องขอดูอีกครั้ง

ผู้ สื่อข่าวถามว่าโดยมารยาทการขึ้นเงินเดือนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น เรื่องที่มหาดไทยควรตัดสินใจได้เอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มหาด ไทยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่วันนี้ตนขอให้นำเข้ามาดูเพราะมันยึดโยงกันและกระทบกับภาพรวม เมื่อถามว่าเมื่อดูแล้วจะทบทวนอะไรได้อีก นายกฯกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ยังไม่มีผลบังคับ และยังทบทวนได้