WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 9, 2010

นาธานทำเนียบ ยังปากแข็ง!

ที่มา บางกอกทูเดย์

'นาธาน โอมาน'รับ-กุเรื่องทั้งเพ
12 ธันวาออก 'ช่อง9'สารภาพ

จริงแล้ว ข้อสงสัย และความไม่เชื่อถือข้อมูลและคำพูดของ นาธาน โอมาน นั้นมีมานานระยะหนึ่งแล้ว

เพียงแต่ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานเจ๋งๆมัดตัว หรือตราบใดที่ยังไม่มีการสารภาพออกมาจากปากของนาธานเอง

สิ่ง ที่ทำได้ก็คือ พยายามหาเหตุการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ ออกมาแสดงให้เห็นถึงพิรุธแห่งคำพูดของนาธานเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็นลูกครึ่ง เรื่องปัญหาที่มีกับอดีตแม่บ้าน

และที่สำคัญเรื่องของการโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลีวูด

แต่นาธานก็ปากแข็งมาตลอด อ้างแต่ว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

จน กระทั่งมาเกิดเรื่องราวซ้ำซากขึ้นอีก กรณีของนางพิศมัย ศรีกะบุตร หรือ “ครูแหม่ม” แม่บุญธรรมของนาธาน ซึ่งเคยปกป้องมาตลอดในเรื่องข้อกล่าวหา หรือคดีความต่างๆของนาธาน แต่กลับกลายเป็นว่าออกมาแฉเสียเอง ว่าถูกนาธานโกงเงิน จนต้องมีการแจ้งความกัน ซึ่งทำให้ประเด็น นาธาน กลายเป็นข่าวกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

แน่นอนว่า ทันทีที่ตกเป็นข่าว นาธานก็ออกมาแก้ต่าง ปฏิเสธในทันทีทุกข้อกล่าวหา

แต่ สุดท้ายด้วยความรวดเร็วและด้วยความสามารถเฉพาะตัวของ วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ซึ่งถือว่าเป็นพิธีกรที่โดดเด่นในเรื่องของการสัมภาษณ์ในยุคนี้ ชนิดที่พิธีกรใหญ่คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วีที วิทวัส สุนทรวิเนตร์ แห่งรายการตีสิบ หรือ ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ รายการทูไนท์โชว์ ต้องอึ้งไปตามๆกัน กับพัฒนาการรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

ที่ทำให้รายการตีสิบ และรายการทูไนท์โชว์ดูหมองไปเลย โดยเฉพาะรายการตีสิบ ที่เหลือจุดขายเพียงแค่ช่วงดันคาราเท่านั้น

ล่า สุดความเหนือชั้นของรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ก้คือ สามารถทำให้ นาธาน โอมาน ออกมาสารภาพกลางจอ ว่าสิ่งที่เคยประกาศว่าเป็นลูกครึ่งเนปาล พูดได้ 5 ภาษา หรือเคยโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง พรินซ์ออฟเรดชูส์ ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น

“ที่ผ่านมาเป็นคนโกหกลวงโลก ตั้งแต่เข้าวงการมาชีวิตได้จัดวางไว้หมดแล้วโดยผู้มีพระคุณว่าต้องเป็นลูก ครึ่งต้องพูดได้ 5 ภาษา ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลยในตัวของนาธาน นาธานเป็นคนที่ต้องการความรักต้องการความอบอุ่น กลัวว่าคนจะไม่รัก ก็เลยต้องจำใจโกหกตามที่ผู้มีพระคุณได้วางไว้ เพื่อให้คนรักและหันมาสนใจเรา

แล้วนาธานก็เข้าใจว่าคนทั่วไปก็ชอบเรื่องโกหก เวลาที่พูดความจริงไม่เคยเชื่อ แต่พอเราโกหกเห็นเชื่อกันทุกคน มันก็เลยใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวจนทุกวันนี้ แต่ตอนนี้นาธานไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไม่มีภาพลักษณ์ที่ต้องรักษาเพื่อผู้มีพระคุณหรือใคร ก็ขอเป็นตัวของตัวเอง

ภาษา 5 ภาษานาธานก็พูดไม่เป็น ไม่เคยเล่นหนัง ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีกุนซืออยู่ 5-6 คนที่คอยบอกให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ ตอนนี้ไม่แล้ว จะพูดความจริงทุกอย่าง จะทำทุกอย่างในแบบตัวตนของนาธานจริงๆ จะกินเหล้าจะสูบบุหรี่ จะทำอย่างที่ใจอยากเป็น

ต่อไปนี้ทุกคนจะได้ เห็นนาธานตัวจริง จะดีหรือจะเลวยังไงก็ให้มันเป็นไป” นี่คือคำพูดล่าสุดจากปาก นาธานที่กลายเป็นหมูที่ไม่กลัวน้ำร้อนไปเรียบร้อยแล้

ซึ่งรายการตอนนี้จะแพร่ภาพออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ทีวี เวลา 22.30 น.-23.30 น. วันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. นี้

อย่าง ไรก็ตาม ด้วยความที่ นาธาน โกหกมาตลอด จึงทำให้แม้กระทั่งการสารภาพในครั้งนี้ของนาธาน ก็ยังถูกมองด้วยความไม่เชื่อถือว่า กำลังเป็นเกมภายพลังจากที่ถูกแฉจากอดีตแม่บุญธรรมหรือไม่ เพราะสุดท้ายกรณีปริศนาผู้มีพระคุณอาจจะเป็นการเหวี่ยงกลับก็เป็นได้

หรือ อาจจะเป็นการถูกบีบให้จนแต้มจริงๆก็ได้ เพราะมีรายงานข่าวว่าในต่างประเทศได้มีการวางขายหนังเรื่”พรินซ์ออฟเรดชูส์” แล้ว ซึ่งก็ปรากฏว่า ไม่ได้มีนาธานอยู่ในหนังดังกล่าวเลย

ทำให้มี การมองกันว่า ในเมื่อรู้ว่าข้อโกหกต่างๆที่ผ่านมา ไม่อาจจะหลอกใครได้อีกต่อไป ก็เลยเลือกที่จะสารภาพ เพื่อขอความเห็นใจจากสังคมว่าทำเพราะถูกเขียนบทมาตลอด หากสังคมเห็นใจจะได้เหลือทางถอยให้กับตนเองได้บ้าง... ก็เป็นอีกมุมที่มองได้เช่นกัน

ส่วนสุดท้ายเมื่อรู้ชัดเช่นนี้ว่าตลอด มาเป็นเรื่องกุ เรื่องหลอกลวงมาโดยตลอด สังคมจะให้โอกาสนาธานอีกหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไป เพราะเรื่องการโกหกประชาชนนั้น เคยดับดาวบันเทิงมาแล้วไม่น้อย

ซึ่งวันนี้ไม่ว่าอย่างไร นาธานแห่งวงการบันเทิง ก็เริ่มเปิดปากสารภาพแล้ว

ทำให้เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า แล้ว “นาธานในวงการการเมือง” ล่ะ จะมีการสำนึกบาป และสารภาพออกมาเองบ้างหรือไม่???

เพราะ เท่าที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ยังคงมีความพยายามที่จะตะแบงความเป็นจริง พยายามพลิกพลิ้วไปเรื่อย เพื่อที่จะรักษาขั้วอำนาจทางการเมืองที่มีอยู่ในมือเอาไว้ให้นานที่สุด

ปัญหา ก็คือว่า จะสามารถทำได้นานแค่ไหน “ตั๋วพิเศษ” และอำนาจหนุนหลังต่างๆ ที่ได้รับเพื่อให้พลิกขั้วมาเป็นฝ่ายกุมอำนาจทางการเมืองได้ในเวลานี้ จะสามารถปิดบังความเป็นจริงไปได้อีกนานแค่ไหน

โดยเฉพาะกับกรณีที่มี การตั้งคำถามไปทั่วโลกแล้วในเวลานี้ ในเรื่องของการตาย 91 ศพจากการสลายการชุมนุม เหตุการณ์พฤษภาอำมะหิต 53 เรื่องการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เรื่องการยิงคนในวัดปทุมวนาราม ลงมาจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 ศพ

ซึ่ง ภาพถ่าย คลิปต่างๆ ได้ออกมาว่อนในโลกไซเบอร์อย่างมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จำเป็นต้องมีการปฏิเสธเหมือนเช่นตลอดมา ปัญหาเพียงแค่ว่า จะสามารถสร้างการยอมรับหรือความเชื่อถือจากสังคมได้แค่ไหนเท่านั้นเอง

อย่าง ไรก็ตาม แม้ว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. จะเชื่อมั่นว่าภาพที่ปรากฏผ่านทางเว็บไซต์จะไม่ส่งผล กระทบต่อเจ้าหน้าที่ศอฉ. และเรื่องนี้ไม่ต้องชี้แจงอะไรอีก เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการนำเสนอภาพลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งทาง ศอฉ.เคยชี้แจงการทำงานเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่ทำอะไร อยู่ที่ไหน ใช้อาวุธในลักษณะอย่างไร จากนี้คงไม่ต้องตรวจสอบอะไร

ระหว่างข้อกล่าวหากับคำชี้แจง อะไรจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่ากัน ก็คงต้องให้ระยะเวลาและความเป็นจริงนั่นแหละเป็นข้อพิสูจน์

แต่จะว่าไปเที่ยวนี้ต้องชมว่า เสธ.ไก่อู นิ่งกว่ารัฐบาลเสียอีก!!

เพราะ ทันทีที่ซีกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่อยมากระทั่งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่างก็วุ่นไปหมด กับกรณีที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือคณะกรรมาธิการเฮลซิงกิ (ซีเอสซีอี) ได้ทำการเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนและปราบปรามผู้ชุมนุมทาง การเมืองในประเทศไทย

งานนี้พอปรากฏข่าวออกมาเท่านั้น ก็มีอาการพล่านกันเหมือน”มดแตกรัง” ทันที จนสังคมหลายภาคส่วนอดที่จะเกิดคำถามไม่ได้ว่า รัฐบาลกลัวอะไรหนักหนาหรือ???

หรือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีหลักฐานเด็ดอะไรที่จะสร้างความกระทบกระเทือนให้กับรัฐบาลไทยได้อย่าง นั้นหรือ ทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยจึงได้ออกการการวุ่นวายไปหมดเช่นที่กำลังเกิด ขึ้น

ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาในทำนองที่ว่า รัฐบาลได้มีการมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ สถานการณ์ของประเทศ ส่วนอัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาเกี่ยวกับข้อตกลงสนธิสัญญาการส่งพ.ต.ท. ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

ถ้าเป็นเรื่องจริง เหตุผลที่น่าจะสรุปได้เพียงประเด็นเดียวก็คือ ไม่ต้องการที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพูดอะไรให้ ซีเอสซีอี ฟัง

เพราะ ประเด็นอื่นนั้น ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องกังวล จนถูกมองว่ามีความพยายามที่จะไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศสหรัฐฯได้ง่ายๆ แม้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะอ้างว่า จริงๆแล้วกระทรวงการต่างประเทศก็แค่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น

อย่าง ไรก็ตาม คงต้องรอดูว่าภายใต้การมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน สุดท้ายแล้วทางซีเอสซีอีจะช่วยเหลือให้การเดินทางเข้าสหรัฐของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีปัญหาได้หรือไม่???

มุมมองที่ว่า กฎหมายของสหรัฐ ได้ให้ความคุ้มครองกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งจะครอบคลุมถึงภารกิจของกรรมาธิการด้วย ดังนั้น กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นแขกตามคำเชิญย่อมที่จะได้รับความคุ้มครองด้วย สนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจึงไม่สามารถใช้ได้ในกรณีนี้ ... จะเป็นจขริงหรือไม่

หรือจะเป็นไปตามมุมมองของทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ และ ศอฉ. ที่ยังเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าสหรัฐไม่ได้ โดยสหรัฐคงไม่ยอมให้เข้าประเทศ เนื่องจากไทยกับสหรัฐมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในฐานะผู้ต้องหาคดีที่ทางการไทยต้องการตัวอยู่ จะไปปรากฏตัวที่สหรัฐ เพื่อชี้แจงการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้อย่างไร

ดังนั้นสุดท้ายคงต้องรอดูว่า วันที่ 16 ธ.ค.นี้ ผลจะออกมาอย่างไร???

แต่ ที่แน่ๆ อย่างน้อยกรณ๊นี้ ก็ทำให้เห็นแล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยหลังการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมานั้น ยังคงมีมุมมืดที่มองยัไม่เห็น และยังมีบางคนในขั้วอำนาจไม่ต้องการให้พูดถึง

ก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ “นาธานทางการเมือง” จะยอมสารภาพเสียที ประเทศไทยจะได้เดินหน้าได้