WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 8, 2010

เบื้องหลังปูนใหญ่ขายทิ้งPTTCHโกย33,000ล้าน งานนี้มีแต่ได้กับได้ หลังยื้อหุ้นส่วนใหญ่ปตท.มานาน

ที่มา Thai E-News



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
8 ธันวาคม 2553

ปูน ซิเมนต์ไทยขายหุ้นPTTCHให้ไทย-ต่างชาติ โกยเงิน33,000ล้านบาท กำไรหลังหักภาษี8,800ล้านบาท วงการหุ้นคาดเบื้องหลังมาจากSCCแตกหักกับปตท.ที่ต้องการให้บริษัทลูกควบรวม กิจการกัน ซึ่งจะทำให้ปูนใหญ่เสียผลประโยชน์จากการถูกลดสัดส่วนถือครองหุ้นลงมา ส่งผลให้ดีลเมิร์ซกิจการล่าช้ามานาน2ปี และการเทขายช่วงนี้ก็ถือว่ากำไรงาม อาจนำเงินไปลงทุนในบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจคล้ายกันกับPTTCHแต่ไม่โดนหุ้นส่วน ใหญ่รายอื่นมาเป็นก้าง

สำนักข่าวBloomberg สำนักข่าวชั้นนำด้านการเงินการลงทุนของโลก รายงานว่า บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นเจ้าของโดยผู้จัดการทรัพย์สินของกษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช ได้ ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท ปตท.เคมิคอล(PTTCH)ออกมาวันนี้ 236 ล้านหุ้น หุ้นละ 140 บาท รวมเป็นเงิน 33,000 ล้านบาท และบันทึกเป็นกำไรสุทธิหลักหักภาษี 8,800 ล้านบาท

ส่วนสำนักข่าวCNBC ซึ่งเป็นสำนักข่าวชั้นนำด้านการเงินการลงทุนชั้นนำของโลกอีกราย ได้รายงานว่า ปูนซิเมนต์ไทยซึ่งมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้นใหญ่อยู่ ราว30% ได้ขายหุ้นในPCCHTให้ทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศในการนี้

นาย กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า วันนี้ SCC ได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมที่ SCC ถืออยู่ในบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) เป็นจำนวน 236,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 15.59 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ที่ราคา 140 บาทต่อหุ้นให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในวงจำกัดแบบข้ามคืนผ่านตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Overnight Placement Transaction)

การทำ รายการดังกล่าวมีมูลค่ารายการรวมประมาณ 33,000 ล้านบาท โดย SCC จะมีกำไรสุทธิที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำหลังภาษีจากรายการดังกล่าวประมาณ 8,800 ล้านบาท และจะทำการบันทึกกำไรจากการขายดังกล่าวในไตรมาส 4 ของปี 2553 ทั้งนี้ SCC มีแผนที่จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการลงทุนต่างๆ ที่เป็นธุรกิจหลักของ SCC ทั้งในประเทศและในภูมิภาคต่อไป

สำหรับผู้ เข้าซื้อหุ้นจากSCCประกอบด้วย 1.บริษัทหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) 2.Merrill Lynch Far East Limited 3.UBS AG,Hong Kong Branch 4.Credit Suisse (Singapore) Limited

SCC ได้เข้าถือหุ้นในบริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ (จำกัด) มหาชน (NPC) และบริษัทไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)
(TOC) ในปี 2527 และปี 2532 ตามลำดับ ซึ่งต่อมาทั้งสองบริษัทได้จดทะเบียนควบรวมกิจการเป็น PTTCH
ในปลายปี 2548

SCC ประกอบธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเคมิคอลส์ ธุรกิจกระดาษ ธุรกิจซีเมนต์ ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจจัดจำหน่าย ปัจจุบัน SCC มีนโยบายการจ่ายปันผลที่อัตราร้อยละ 40 - 50 จากกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของงบการเงินรวมประจำปี

ภายหลัง การขายหุ้นครั้งนี้ SCC ยังคงถือหุ้น PTTCH อยู่จำนวน 66,999,927 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 4.42 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ PTTCH

เหตุผลเบื้องหลังที่ปูนใหญ่ขายทิ้ง

ปูน ซิเมนต์ไทยให้เหตุผลในการขายหุ้นครั้งนี้ว่า เนื่องจากบริษัทSCCเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่มีอำนาจในการมีส่วนร่วมตัดสินใจ เกี่ยวกับ และนโยบาย และการบริหารงานในPTTC ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของSCC

ทั้งนี้SCCถือหุ้นในPTTCH ราว20% ขณะที่บริษัท ปตท. จำกัดมหาชน-PTTถือหุ้นใหญ่ราว49% ที่ผ่านมาPTTต้องการให้PTTCHควบรวมกิจการกับบริษัทPTTAR ที่เป็นบริษัทในเครืออีกราย แต่แผนการได้ล่าช้ามานานกว่า 2 ปี เนื่องจากSCCไม่เห็นด้วย

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)วิเคราะห์ว่าที่SCCต้องขายPTTCHก็เพราะไม่เห็นด้วยกับแผนการควบรวม กิจการดังกล่าว และอาจไม่มีความใจเป็นในการซื้อเอทธิลีนจากPTTCHแล้ว หลังจากโรงงานใหม่ของเครือSCCที่ผลิตเอทธิลีนเช่นกันเดินเครื่องแล้ว

"แต่ เรายังสงสัยว่าSCCจะทำอย่างไรกับเงินสดส่วนเกินตั้ง50,000ล้านบาท หลังจากที่ได้เงินเพิ่มจากการขายหุ้นครั้งนี้"ฝ่ายวิจัยบัวหลวงกล่าว

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)วิเคราะห์ว่า สาเหตุการขายครั้งนี้อาจเป็นเพราะ

1) ราคาหุ้นปัจจุบันของ PTTCH ถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นได้ราคาค่อนข้างดี

2) อาจขายเพื่อนำเงินไปขยายการลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนามหรืออาจซื้อหุ้นเพิ่มใน TPC

3) เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกลดสัดส่วนการถือหุ้น หาก PTTCH และ PTTAR ควบรวมกิจการกันจริง

**********

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ฝรั่งสรรเสริญพระบารมี:กษัตริย์ไทยครองแชมป์อันดับ1ในตลาดหุ้นไทย