ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
ที่ประชุมครม.วันอังคารที่ผ่านมา
มีมติเห็นชอบพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ครอบคลุมพื้นที่ 7 เขตของกรุงเทพฯ คือ เขตดุสิต ป้อมปราบฯ พระนคร ราชเทวี ปทุมวัน วังทองหลาง และวัฒนา
เป็นระยะเวลา 15 วันระหว่าง 9 ถึง 23 ก.พ.
ขณะเดียวกันยังตั้งศอ.รส.ขึ้นมาให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการ
การเห็นชอบพ.ร.บ.ความมั่นคงครั้งนี้ เป็นการยกระดับตามเกมของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ประกาศยกระดับความเคลื่อนไหวจากกรณีกัมพูชา
มาเป็นการขับไล่นายกฯ และรัฐบาลทั้งคณะ
ท่ามกลางกระแสข่าวกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มหน้ามืดเพราะคนมากันน้อย อาจต้องตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้ายบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล
รัฐบาลเลยต้องออกมาตรการป้องกันไว้ก่อน
ทำให้ในตอนแรกหลายคนมองว่า เป้าหมายหลักของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯน่าจะอยู่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติไม่กี่คน ที่ปักหลักชุมนุมอยู่รอบๆ ทำเนียบรัฐบาลขณะนี้
แต่ปรากฏว่าไม่กี่ชั่วโมงหลังรัฐบาลประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แกนนำพันธมิตรฯ ก็แจ้งเลิกล้มแผนการเคลื่อนขบวนในวันที่ 11 ก.พ.ทันที
เลยมีการตั้งข้อสังเกตกันใหม่ว่าแท้จริงเป้าหมายรัฐบาลในการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง วันที่ 9-23 ก.พ.
น่าจะอยู่ที่กลุ่มเสื้อแดง ซึ่งมีกำหนดนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 13 และ 19 ก.พ.นี้มากกว่า
เนื่องจากลำพังกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นับวันยิ่งแห้งเหี่ยวเพราะกระแสสังคมไม่เอาด้วย ไม่น่าทำให้รัฐบาลหวั่นไหวได้
ตรงข้ามกับกลุ่มเสื้อแดงที่มีมวลชนร่วมสมทบมากขึ้นในระยะหลัง
ประกอบกับประเด็นการเคลื่อนไหวไม่ว่าการนำคดี 91 ศพขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่เชื่อมโยงไปถึงกรณีสัญชาติของนายกฯอภิสิทธิ์
ไม่ว่าการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำนปช.ออกจากเรือนจำ ตามมาตรฐานเดียวกับคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ
ล้วนแต่แหลมคมจนรัฐบาลนั่งไม่ติด
อีกทั้งการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมาก็เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ไร้ความรุนแรง ทำให้รัฐบาลหาเหตุใช้กฎหมายพิเศษเข้ากำราบไม่ได้
การออกพ.ร.บ.ความมั่นคงฯครั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จึงเป็นเพียงตัวหลอก
โดยมีคนเสื้อแดงเป็นเป้าหมายแท้จริง