WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 7, 2011

กลุ่มขบวนการ“พูโล” “พูเรา”หรือ “พุงโล”

ที่มา Thai E-News


PULOได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่า พวกตนเป็นผู้กอบกู้เอกราช ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และไม่ได้มุ่งสังหารเป้าหมายประชาชนพลเรือน อย่างไรก็ตามกลุ่ม “แนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค” ที่มีศักยภาพปฏิบัติการในพื้นที่ ต่างไม่ยอมรับแกนนำของขบวนการพูโลเก่าในการ “ชี้นำ” และยังมีการสั่งห้ามแกนนำขบวนการพูโลเก่า รวมถึงขบวนการพูโลใหม่ในพื้นที่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของแนวร่วมอาร์เคเคในพื้นที่อย่างเด็ดขาด


โดย ปะแด งา มูกอ
7 กุมภาพันธ์ 2554


หญิงชาวมุสลิมปลอบใจหญิงชาวพุทธเพื่อนบ้านของเธอ ที่สามีถูกสังหารเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ ในเหตุยิงถล่มมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 2 ในเหตุการณ์ความรุนแรงชายแดนภาคใต้(ภาพข่าว:รอยเตอร์)



ในวันนี้ กลุ่มที่อ้างตัวเองว่าเป็น องค์การปลดปล่อยสหรัฐปัตตานี (Pattani United Liberation Organizatio-PULO)ได้ออกแถลงการณ์ในเวบไซต์ PULO กระบอกเสียงของPULOในหัวข้อ ผู้กอบกู้เอกราช ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย

ทั้งนี้เป็นความพยายามโต้ตอบว่า PULOไม่ได้มุ่งสังหารเป้าหมายประชาชนพลเรือน และอ้างว่า อาจเป็นการกระทำของผู้ร้ายธรรมดา ดังที่ปรากฏในหลายกรณีที่เป็นกลุ่ม หรือ หน่วยที่ก่อขึ้นโดยฝ่ายรัฐเองที่ไร้สังกัด และคอยก่อกวนความวุ่นวายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ

เนื้อหาแถลงการณ์ระบุดังนี้

ต่อกรณีที่เกิดเหตุร้ายลอบยิงเป้าหมายที่ไม่สมควร คือนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐไทย อันได้แก่การกระทำที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตประชาชนธรรมดานั้น เราขอยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายหลักของฝ่ายขบวนการกอบกู้เอกราชปาตานี

ในการเป็นแนวหน้าเสียสละเพื่อปกป้องชนชาวมลายูปาตานีที่มักถูกกดขี่ช่มเหงโดยฝ่ายจักรวรรดิ์นิยมไทย ทั้งในบางพื้นที่และทั่วๆไปนั้น เรายึดหลักมนุษยธรรมเป็นบันทัดฐานตามบทบัญญัติที่อิสลามกำหนดเสมอ

จึงใคร่อยากให้ผู้บริโภคสื่อทุกท่านใช้วิจารณญานโดยเฉพาะข้อมูลจากฝ่ายรัฐไทย ที่มักโฆษณาชวนเชื่อ โยนความผิดและกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามเสมอเมื่อจับผู้กระทำผิดมาลงโทษไม่ได้และหา แพะรับบาปแทนเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อความดีความชอบที่เปื้อนด้วย เลือดผู้บริสุทธิ์ดังที่เคยปรากฏเสมอมา

และพึงรับทราบข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งด้วยว่า ในกรณีที่ฝ่ายรัฐไทยได้ก่ออาชญากรรมเองนั้น ก็ไม่เคยประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของฝ่ายตนเองแม้แต่ครั้งเดียวเช่นกัน แสดงว่าฝ่ายรัฐไทยเองก็ไร้จรรยาบรรณในการปฎิบัติหน้าที่ภาคสนามอย่างชัดเจน และถือฐิติตัวเองว่าเป็นฝ่ายถูกต้องเสมอ

ฉะนั้น ขอท่านจงแยกแยะระหว่างผู้ร้ายธรรมดา ดังที่ปรากฏในหลายกรณีที่เป็นกลุ่มหรือ หน่วยที่ก่อขึ้นโดยฝ่ายรัฐเองที่ไร้สังกัด และคอยก่อกวนความวุ่นวายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐเอง

จึงเรียนมาเพื่อทราบและหากท่านมีข้อสงสัยประการใด เราพร้อมที่จะให้ความกระจ่างแก่ท่าน


นักสังเกตการณ์ชายแดนภาคใต้ตั้งข้อสังเกตว่า PULO ออกแถลงการณ์นี้ อาจเนื่องจากความเสียหายทางการเมืองของกลุ่มขบวนการ หลังจากเกิดการสังหารพลเรือนธรรมดา ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารหรือรัฐบาลหลายครั้งในระยะหลังนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ได้มีแผ่นปลิวที่สร้างความอือฮาในหมู่พี่น้องไทยมุสลิมชายแดนภาคใต้ค่อนข้างมาก รวมถึงสื่อหลักในประเทศที่นำเสนอในหน้า น.ส.พ.

คมชัดลึก : “พูโล” ออกใบปลิวถล่ม “ถาวร” ครูกศน.เหยื่อโจรใต้บึ้ม 9 ศพเผยโจรใต้พุ่งเป้าเจ้าหน้าที่รัฐ , (27ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีใบปลิวขนาด A 4 หัวข้อ “ ถาวรหรือจะเปลี่ยนใจอันแน่วแน่ของนักสู้ปัตตานี” โดยมีหัวกระดาษอ้างว่าเป็นของกลุ่มพูโล (Patani United Liberation Organisation)

แปลเป็นภาษาไทยโดยมีลักษณะพิมพ์ออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วถ่ายสำเนาเผยแพร่ในพื้นที่ โดยเนื้อหาใจความสำคัญโจมตีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบทบาทหลักในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในแนวทางการเมืองนำการทหาร โดยเฉพาะการนำร่องใช้ ม.21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.เทพา อ.จะนะ อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุความไม่สงบซึ่งหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้มีโอกาสกลับตัวกลับใจ

ซึ่งในใบปลิวระบุว่า คณะกรรมการต่างๆในกระบวนการตามมาตรา 21 มีเป้าหมายเพื่อยุติการต่อสู้ตามหนทางของอัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่เหนือพื้นพิภพ และโจมตีว่าการดำเนินการของคณะกรรมการกลั่นกรองและสอบสวนพิเศษจะทำการทรมานกายและใจ ในรูปของการข่มขู่ต่างๆ

เรื่องนี้นายถาวร กล่าวยอมรับว่า มีเอกสารใบปลิวดังกล่าวจริง โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้รายงานให้ทราบแล้ว ซึ่งมองว่า เป้าหมายของผู้ออกใบปลิว ต้องการรักษาแนวร่วมของตนเองไว้ โดยการให้ข้อมูลบิดเบือนและใส่ร้าย โดยอาจประเมินจากบทเรียนการประกาศใช้นโยบาย 66/23 ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ ในทำนองเดียวกันการดิ้นรนของผู้ก่อเหตุก็เท่ากับการยอมรับว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จในการโครงการพัฒนาต่างๆเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ของรัฐบาล จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวโจมตีเพื่อรักษาแนวร่วมของตนไว้

นายถาวรกล่าวว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการนำ ม.21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ โดยที่ผ่านมาได้เดินทางลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับกองทัพ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและตรวจดูความพร้อมของโรงเรียนสันติสุข ที่สำคัญกระบวนการตามมาตรา 21 ก็ยังมีกระบวนการยุติธรรมโดยศาลเป็นผู้พิจารณา


ข้อความจากแผ่นปลิวดังกล่าว เป็นข้อความจากอินเตอร์เนท http://puloinfo.net/ ที่กลุ่ม “พูโล” หรือ “พูเรา” จัดทำขึ้นเพื่อโต้ตอบนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 แต่เพิ่งจะมาโผล่เป็นแผ่นปลิวและเผยแพร่ทางสื่อหลักเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 (ถือว่าการติดตามข้อมูล-ข่าวสารของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงสื่อหลัก ทำงานได้รวดเร็วทันใจมาก)

ประเด็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยก็คือ "เนื้อหาในใบปลิวมุ่งโจมตีนายถาวรและแนวทางการทำงานของนายถาวรอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 21 ซึ่งถือเป็นเรื่องประหลาด เพราะที่ผ่านมา กลุ่มขบวนการ “พูโล” จะทำอะไร จะไม่มีการโจมตีบุคคล แต่จะโจมตีรัฐบาลไทยในภาพรวมเท่านั้น " (หรืออาจจะเป็นฝีมือของกลุ่ม “พูเรา” ก็ไม่ทราบ)

และหลังจากนั้นความถี่ของข้อมูลจากเว๊ปดังกล่าวก็เริ่มทยอยเสนอออกมาเป็นระยะๆในลักษณะตอบโต้ รายเหตุการณ์หรือรายสถานการณ์เลยทีเดียว หน่วยงานด้านการข่าวคงปวดหัวพิลึกล่ะซี รัฐบาลมี โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เขามีเว็ปพูโล มาสู้กับคุณ

ก็ดีครับ พี่น้องชายแดนใต้เขาจะได้มีทางเลือกที่จะรับฟังข้อเท็จจริงหลายๆด้าน ไม่ใช่จะคอยรับฟังข้อมูล-ข่าวสาร คำชี้แจงของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียวมาเป็นเวลา 10ๆปีแล้ว อย่าไปกลัวเลยครับรัฐบาล สู้กันเลย สู้กันด้วยข้อเท็จจริง ฝ่ายไหนไม่จริงมันก็จะตายไปเองแหล่ะ

นี่แหล่ะครับที่เขาเรียกกันว่า สงครามยุคใหม่ “สงครามไซเบอร์” ไงล่ะครับ ซึ่งแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ มันยังกลัวจน “ขี้หดตดหาย” กับสงครามรูปแบบใหม่นี้ หลังจากกลัวสงคราม “การก่อการร้าย” จนไม่มี “ขี้จะหดตดไม่ออก” มาแล้ว

ความถี่ของข้อมูลจากเวป “พูโล” ที่ตอบโต้รัฐบาลไทย


เมื่อมาถึงตอนนี้แล้วก็ขอเล่าเรื่อง “พูโล” เพื่อพอเป็นสังเขปในความเป็นมาของกลุ่มขบวนการนี้

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีมานี้ “นายลุกมาน บินลีมา” ได้พยายามอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ชายแดนใต้ทุกกลุ่ม โดยเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์พูโล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่างๆ ต่อรัฐบาลไทยมาโดยตลอด จนได้ฉายาจากผู้ที่คร่ำหวอดในวงการข่าวความมั่นคงว่า “นายหน้าค้าสงคราม”

21 ก.ย. 2549 สำนักข่าวเอพีรายงานว่าผู้สื่อข่าวของตนได้สัมภาษณ์ "ลุกมาน บิน ลีมา" (Lukman Bin Lima) ผู้บัญชาการสูงสุดขององค์การปลดปล่อยรัฐปัตตานี หรือ พูโล (PULO: Patani United Liberation Organization) ซึ่งเคยเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวในแถบชายแดนภาคใต้ เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิวัติในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผานมา

นายลุกมานได้แสดงความสนับสนุนต่อพลเอกสนธิ บุญรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยให้เหตุผลว่า พลเอกสนธิคือผู้รู้เรื่องปัญหาซึ่งเกิดขึ้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้อย่างแท้จริง ( มิน่า....ท่านถึงพยายามที่มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและตั้งใจที่ครองที่นั่ง ส.ส.ในภาคใต้ทั้งหมด แผนร้ายจริงๆ แต่....ขอโทษ หมดตูดแน่ๆครับ สู้เก็บเงินที่อุตสาห์เก็ยออมไว้ตอนปฏิรูปังไว้ใช้ยามแก่เฒ่าดีกว่า..!!)

ณ ปัจจุบัน คงเหลือสมาชิก “พูโล” เพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่สมาชิกส่วนใหญ่ต่างลี้ภัยไปอยู่ในประเทศสวีเดน และบทบาทที่เหลืออยู่ของ “พูโล” คือการทำเวบไซด์ เขียนบทความ และข่าวสารส่งหนังสือพิมพ์ในสวีเดน เยอรมัน เพื่อโต้ตอบรัฐบาลไทย และประชาสัมพันธ์บทบาทของกลุ่ม โดยมี นายกัสตูรี มะห์โกตา โฆษกและหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของพูโล เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในขบวการ “พูโล” ปัจจุบัน


ปัจจุบันรัฐบาลกำลังสู้รบกับกลุ่มขบวนการใด.....?

จากข้อมูลของหน่วยข่าวความั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ กองกำลังที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวอยู่ทางภาคใต้ของไทยในปัจจุบัน คือ กลุ่มบี.อาร์.เอ็น.และกลุ่มเปอร์มูดา ในขณะที่พูโลแทบไม่มีบทบาททางทหารในประเทศไทยเหลืออยู่อีกแล้ว

แต่ข้อเท็จจริงก็คือ กองทัพบก, กองทัพภาคที่ 4, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยข่าวความมั่นคงทุกหน่วย ต่างมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ผู้ที่บงการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานี้นั้น เป็นฝีมือของ “ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต”

แต่จากข้อมูลของเว๊ป “พูโล” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 มันรู้สึกพิลึกๆยังไงชอบกล ที่ใช้คำว่า “แถลงการณ์ร่วมระหว่างพูโลและบีอาร์เอ็น โคออดิเนต” เรื่องนี้ กองทัพบก, กองทัพภาคที่ 4, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยข่าวความมั่นคงทุกหน่วย คงต้องไปเช็คข่าวกันใหม่ให้ดีน่ะครับว่า กลุ่มใดกันแน่ที่มันก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานี้

หากเป็นทั้งสองกลุ่มร่วมกันจริงล่ะก็ พูดได้คำเดียวครับว่า “เละแน่ๆ......”

ประเด็นที่น่าปวดหัวที่สุดในขณะนี้ที่ กองทัพบกไทย, กองทัพภาคที่ 4, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยข่าวความมั่นคงทุกหน่วย ยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครคือประธานขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนตที่แท้จริง รู้แต่เพียงว่า “นายสะแปอิง บาซอ” อดีตครูใหญ่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ น่าจะเป็นประธานขบวนการ ที่มี “นายมะแซ อุเซ็ง” เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง เท่านั้นเอง

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ตัวแทนของขบวนการบีอาร์เอ็น ก็ไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ปฏิเสธ และไม่ตอบรับในข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้บงการก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกดินแดน

และที่สำคัญกลุ่ม “แนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค” ในพื้นที่ ต่างไม่ยอมรับแกนนำของขบวนการพูโลเก่าในการ “ชี้นำ” และยังมีการสั่งห้ามแกนนำขบวนการพูโลเก่า รวมถึงขบวนการพูโลใหม่ในพื้นที่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของแนวร่วมอาร์เคเคในพื้นที่อย่างเด็ดขาด

มาแบบนี้แล้ว จะไม่ให้ปวดหัวได้อย่างไร ขนาดเจ้าหน้าที่รัฐเองยังปวดหัว แล้วชาวบ้านธรรมดาๆอย่างพวกผมจะปวดอะไรดี.....!!!!! ช่วยตอบที.....????

ขอปิดท้ายด้วย ความเป็นมาของกลุ่มขบวนการ “พูโล” เพื่อทุกท่านจะได้เข้าใจในปัญหาทางใต้มากขึ้น และมาร่วมปวดหัวกับพวกเราชาวใต้ด้วยกัน

ปิดฉากชีวิต "ตนกูบีรอ กอตอนีลอ"

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2008 15:47น.
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา


การเสียชีวิตของ "ตนกูบีรอ กอตอนีลอ" ผู้ก่อตั้งขบวนการพูโล แม้จะไม่มีผลต่อสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงเวลานี้มากเท่าใดนัก

แต่การเรียนรู้อดีตของ "ตนกูบีรอ" และความเคลื่อนไหวของขบวนการพูโลตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ความเป็นไปของสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ไม่น้อยทีเดียว ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี รายงานประเด็นเหล่านี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ...

ปิดฉากชีวิต ‘ตนกูบีรอ กอตอนีลอ’ ตำนานความรุ่งโรจน์และล่มสลายของ‘พูโล’

เมื่อกล่าวชื่อ ‘ตนกูบีรอ กอตอนีลอ’ อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของผู้คนทั่วไปมากเท่ากับชื่อ ‘พูโล’

ตลอดช่วงเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา “พูโล” ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่มีบทบาทอย่างสูงในการต่อต้านรัฐไทย และอาจเรียกได้ว่าเป็นองค์ต่อสู้เพื่อปัตตานีซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากที่สุด โดยเฉพาะตั้งแต่เหตุการณ์ความไม่สงบตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา พูโลพยายามผลักดันให้ตัวเองได้ชื่อว่ามีบทบาทการนำในการประสานกับองค์กรระดับโลกต่างๆ เพื่อผลักดันให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย โดยมีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของพูโลดำเนินการโดยแกนนำรุ่นใหม่ ตั้งแต่ช่วงปี 2528 เป็นต้นมา จึงปรากฎชื่อของ ‘ลุกมาน บินลีมา’ รองประธานพูโลใหม่ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหว เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารกับสำนักข่าวตะวันตก หลัง พูโล หรือ 'ขบวนการปลดแอกแห่งชาติปัตตานี' หรือ PULO (Patani United Liberation Organization) แตกออกเป็น 2 กลุ่มใหม่คือพูโลเก่ากลุ่มของตนกูบีรอและพูโลใหม่ ซึ่งนำโดย ดร.อารง มูเล็ง

ตนกูบีรอ เป็นผู้ก่อตั้งและประธานของพูโล โดยประกาศจัดตั้งองค์กรที่ประเทศซาอุดิอารเบียเมื่อปี 2511 ตนกูบีรอ หรือ กาบีร์ อับดุล รามาน บางครั้งก็ใช้ชื่อจัดตั้งไทยว่า นายวีระ ณ วังคราม (มีบางรายงานระบุว่าชื่อ อดุลย์) พื้นเพเป็นคน อ. ยี่งอ จ.นราธิวาส จบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวเดลี ประเทศอินเดีย

ภายหลังจากการศึกษาจากอินเดียตนกูบีรอ มองเห็นปัญหาที่เขาถือว่าเป็นความไร้ประสิทธิภาพของบรรดาขบวนการต่อต้านของมาเลย์ จึงเริ่มดึงเอานักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่เข้าร่วม หลายคนในกลุ่มนี้ได้รับการศึกษาในต่างประเทศ พูโลต่อสู้ด้วยอาวุธเช่นเดียวกับพยายามยกระดับการศึกษาและสำนึกทางการเมือง โดยในสายการบังคับบัญชาจะมีผู้นำระดับอาวุโสของพูโลอยู่ในนครเมกกะ มีศูนย์บัญชาการด้านการเมืองการทหารในตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย การหาสมาชิกใหม่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักศึกษาจากปัตตานีที่ไปเล่าเรียนในมาเลเซียและตะวันออกกลาง รวมทั้งครูสอนศาสนาในภาคใต้ของไทย สำนักงานในเมกกะ ยังทำหน้าที่จัดหาสมาชิกใหม่จากคนที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นั่นด้วย

นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีความสามารถมากในการเผยแพร่ความคิดและหาทุนสนับสนุน สามารถระดมทุนหลายล้านดอลลาร์ได้จากผู้นำอาหรับ โดยเฉพาะประเทศลิเบียและซีเรีย ทำให้สามารถซื้อหุ้นในโรงแรมฮัมเบอร์กในประเทศเยอรมนีได้และกลายเป็นแหล่งที่มาของรายได้ในเวลาต่อมา

ในอดีตนั้น ‘พูโล’ ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างการจัดตั้งและโครงสร้างองค์กรที่สมบูณ์อย่างยิ่ง โดยการรวมตัวกันของปัญญาชนรุ่นใหม่ซึ่งผ่านการศึกษาทางโลกและศาสนามาอย่างเข้มข้น มีการขยายสาขา วางเครือข่ายในหลายประเทศ อาทิ ซาอุดิอารเบีย อียิปต์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เยอรมนี และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย โดยเฉพาะประเทศสวีเดน

สมาชิกของพูโลถือได้ว่าได้รับการฝึกอบรมมา รวมทั้งมีอาวุธดีกว่ากลุ่มอื่นๆ สามารถเคลื่อนไหวปฏิบัติการครอบคลุมพื้นที่ในสี่จังหวัดรวมทั้งพื้นที่บางส่วนของสงขลา อย่างไรก็ตามฐานที่มั่นสำคัญของพูโลคือนราธิวาส ในพื้นที่อำเภอระแงะ บาเจาะ ยี่งอและรือเสาะ รวมทั้งบางอำเภอในจ.ปัตตานี

ความเฟื่องฟูจากการสนับสนุนนี้เอง กลายมาเป็นข้อครหาการบริหารงานของตนกูบีรอ เกี่ยวกับความโปร่งใสด้านการเงิน และทำให้กลุ่มของดร.อารง แยกตัวออกมาเป็นพูโลใหม่ ขณะที่แกนนำด้านการทหารแยกไปตั้งกลุ่มใหม่ซึ่งเรียกตัวเองว่าคัสดานอาร์มี่ ซึ่งแม้จะยังให้ความนับถือดร.อารงอยู่ แต่ก็เคลื่อนไหวปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระ ขณะที่กลุ่มพูโลใหม่เริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศโดยพาะมาเลเซียและสวีเดน

หลังเกิดความแตกแยกหลายครั้งภายในกลุ่ม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมาทำให้การสนับสนุนที่เคยได้รับลดน้อยลง จนทำให้การเคลื่อนไหวดำเนินการของแต่ละกลุ่มขาดพลัง กระทั่งเดือนปลายเดือนเมษายน 2548 แกนนำของแต่ละกลุ่มได้ประชุมหารือกันที่ประเทศซีเรีย ขณะนั้นตนกูบีรอซึ่งมีสูงอายุมากแล้ว ประกอบกับมีปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งโรคเบาหวาน และถุงลมโป่งพอง จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม

ข่าวลือเบื้องหลังการประชุมกันครั้งนั้นก็คือ แกนนำทั้งพูโลเก่าและใหม่ เริ่มไม่พอใจบทบาทของลุกมาน บิน ลีมา ซึ่งใช้ชื่อองค์กรพูโลในการเคลื่อนไหว แต่ทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว มิได้ทำเพื่ออุดมการณ์ขององค์กร

การประชุมที่ซีเรียครั้งนั้น ลุกมานจึงมิได้รับเชิญให้ร่วมประชุม และภายหลังการประชุมครั้งนั้นแกนนำทั้งสองกลุ่มได้ทำข้อตกลงที่จะรวมตัวกันใหม่ภายใต้ชื่อ พูโลเบอร์ซาตู โดยเชิญตนกูบีรอมาเป็นประธาน หลังจากนั้นชื่อของ ‘ลุกมาน บิน ลีมา’ ก็หายไป โดยมี ชื่อใหม่ ‘กัสตูรี มะกอตอ’ เข้ามารับผิดชอบด้านการต่างประเทศ ประสานงานและสื่อสารกับสื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ แทน และเริ่มเป็นที่มาของบทบาทในการประสานให้มีการเจรจาเพื่อยุติความรุนแรง ซึ่งพูโลเองก็ถูกตั้งคำถามว่า ฉกฉวยโอกาสหาประโยชน์ หรือมีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบจริง

นับแต่ช่วงปี 2540 ที่พูโลได้เข้ารวมเป็นพันธมิตรกับแนวร่วมเพื่อเอกราชปัตตานี หรือเบอร์ซาตู (BERSATU) แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ขององค์กรในปัจจุบันเน้นงานด้านการเมืองในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ส่วนกองกำลังของกลุ่มใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มีน้อยมาก และแทบไม่พบความเคลื่อนไหวในด้านการใช้กำลังตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 เป็นต้นมา

รายงานด้านความมั่นคงหลายชิ้นระบุว่า ในช่วง 20 ปีก่อนหน้านี้ ‘พูโล’ ได้กลายเป็นกลุ่มต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนที่ทำงานได้ผลมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในบรรดากลุ่มต่างๆ โดยในทางการเมือง พูโลอยู่ตรงกลางระหว่าง BRN กับ BNPP และไม่แนบแน่นกับหลักการอิสลามแบบอนุรักษ์หรือสังคมนิยมหรือกลุ่มผู้ปกครองเดิม

อุดมการณ์ทางการที่กลุ่มเผยแพร่คือ ‘ศาสนา ชาติพันธุ์ มาตุภูมิ มนุษยธรรม’ แม้ว่ากลุ่มจะระบุเป้าหมายว่าเพื่อต้องการจัดตั้งรัฐอิสลามที่เป็นอิสระ ขณะเดียวกันก็มีลักษณะเป็นกลุ่มชาตินิยมยึดโยงกับเรื่องเชื้อชาติมากกว่ากลุ่มอิสลาม อย่างไรก็ตาม ‘พูโล’ มักอิงบริบทในคัมภีร์กุรอ่านเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรง

การกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของพูโล จะละเลยกล่าวถึงตนกูบีรอในฐานะผู้ก่อตั้งมิได้ หลังจากการแตกแยกของพูโล ตนกูบีรอถูกตั้งแง่สงสัยในเรื่องเงินสนับสนุน เขาค่อยๆ หมดบทบาทลง และใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศซีเรียตั้งแต่ช่วงปี 2535 เป็นต้นมา กระทั่งวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลา ประมาณ 16.45 ตามเวลาท้องถิ่น ตนกูบีรอสิ้นลมอย่างสงบ ณ บ้านพักในเมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ขณะอายุได้ประมาณ 80 ปี

แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้ประสานงานของขบวนการฯ เปิดเผยว่า ศพของประธานและผู้ก่อตั้งองค์กรนี้ได้ถูกนำไปฝังไว้ ณ สุสานแห่งหนึ่ง ย่าน ‘ตาล์’ (Tal) เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองดามัสกัส อันเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

ขณะที่เวบไซต์ www.puloinfo.net ของขบวนการนั้นได้แสดงสาส์นไว้อาลัยต่อตัวเขา โดยระบุว่า เขาคือผู้ที่อุทิศชีวิตให้แก่การเรียกร้องเอกราชอันเป็นมาตุภูมิมาตลอดทั้งชีวิต การตายของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจอันสำคัญต่อผู้ที่จะต่อต้านรัฐสยามและการตายครั้งในครั้งนี้จะนำพาเขาเข้ากลับคืนสู่อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า

ผู้ประสานงานของขบวนการฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า ภายหลังจากการเสียชีวิตของประธานพูโลในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ‘นายกาเม ยูโซะ’ รองประธานขององค์กร ซึ่งได้รักษาการแทนตำแหน่งประธานในระหว่างที่ตนกูบีรอ เจ็บป่วยมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าจะมีการคัดสรรผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานขององค์กรใหม่ในราวกลางปี 2552 ที่เป็นไปตามวาระของการเลือกตั้งสรรหาประธานใหม่ในทุกๆ 4 ปี ส่วนแนวทางการดำเนินงานนั้นคาดว่าน่าจะยังคงดำรงทิศทางเอาไว้เช่นเดิม

จากการสูญเสียของประธานและผู้ก่อตั้งองค์กรพูโลในครั้งนี้ จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าในช่วงรอยต่อดังกล่าวการดำเนินการขององค์กรต่อต้านรัฐสยามนี้จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด

******

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:

-เหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สมัยรัฐบาลนี้ ตายแค่ 900 ศพ …!!!!