ที่มา ข่าวสด
เหล็กใน
สมิงสามผลัด
ในที่สุดสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นก็เกิดขึ้นจนได้5 การปะทะกันระหว่างทหารไทย-ทหารเขมรที่ศรีสะเกษ เมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.พ.ต่อเนื่องถึงช่วงเช้ามืดวันที่ 5 ก.พ.
สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นทหาร 1 ศพ ชาวบ้านภูมิซรอลอีก 1 ศพ
มีผู้บาดเจ็บอีก 17 ราย
ที่น่าสลดหดหู่ก็เป็นภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน วัดวาอาราม
โดนกระสุนปืนใหญ่ถล่มจนพังราบ ไฟลุกท่วม
ชาวภูมิซรอลหลายพันคนทั้งผู้ใหญ่ทั้งลูกเด็กเล็กแดงอพยพหนีตายอลหม่าน
ชั่วพริบตาบ้านภูมิซรอลก็กลายเป็นหมู่บ้านร้าง
เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย!!
สาเหตุการปะทะกันยังไม่ชัดเจน
รัฐบาลไทยออกมาประท้วงว่าฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเขตแดนก่อน
จึงจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย
ทางการเขมรก็ออกแถลงการณ์ไปอีกแบบ
กล่าวหาทหารไทยรุกล้ำดินแดนก่อน
แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องรีบแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลาม ต้องพึ่งหลักการทูต การเจรจา
ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะขึ้นอีก
รัฐบาลและกองทัพต้องยึดหลักสันติวิธี
ปัญหาเขตแดน-พื้นที่ทับซ้อน ต้องแก้ไขด้วยการเจรจา
ไม่ใช่การทำสงคราม!
ที่แปลกใจก็คือพวกแกนนำม็อบคลั่งชาติย้อนยุค รีบออกมาแถลงพัลวันว่าไม่ใช่ต้นเหตุให้เกิดการปะทะกันครั้งนี้
พูดแบบปัดให้พ้นตัว!!
ต้องย้อนถามว่า ใครกันที่เรียกร้องให้ส่งฝูงบินเอฟ 16 ไปทิ้งบอมบ์ที่ชายแดนไทย-เขมร
ใครกันที่ปลุกระดมให้ไทยสะสมอาวุธ กดดันเขมร
ใครกันยั่วยุให้รัฐบาลหักด้ามพร้าด้วยเข่า แก้ปัญหาเขตแดนด้วยความรุนแรง
แล้วใครกันที่เป็นพวกกระหายสงคราม!?
ต้องไม่ลืมว่าการปะทะกันที่ชายแดน ส่วนหนึ่งเกิดจากความหวาดระแวง
เป็นความหวาดระแวงที่เกิดขึ้นจากกระแสปลุกระดมของม็อบคลั่งชาติกลุ่มนี้
ทหารไทย-เขมรที่เผชิญหน้ากันอยู่ก็เกิดความหวั่นไหวและไม่ไว้ใจกัน
โดนกดดันจนพร้อมที่จะรบได้ตลอดเวลา
ที่น่าสงสารก็เป็นคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน
ไฟสงครามทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง บ้านช่องพินาศ
ที่ร้ายที่สุดคือการสูญเสียชีวิต!
ถึงตอนนี้คงเข้าใจกันแล้วว่าทำไมชาวภูมิซรอลที่ศรีสะเกษ หรือชาวหนองจานที่สระแก้ว
ต้องออกมาต่อต้านไม่ให้พวกม็อบคลั่งชาติพิลึกพิลั่นเข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่
เพราะเมื่อเกิดสงครามขึ้น
ผู้ที่สูญเสียก่อนใครก็คือชาวบ้านตาดำๆ กลุ่มนี้นั่นเอง