WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 7, 2011

หยุดยิงไม่สำเร็จ รบกันต่อ เขมรถล่มห่าจรวด

ที่มา ข่าวสด

ซัดหลายร้อยลูก ปืนใหญ่ไทย-โต้ ดวลดุเดือด3ชม. 'จำลอง'นัดพธม. เคลื่อนม็อบ11กพ.




ถล่มไทย - ทหารเขมรเสริมกำลังและอาวุธหนักตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร จากนั้นระดมยิงจรวดเข้าใส่ทหารไทยจนเกิดการยิงตอบโต้อย่างดุเดือดกว่าที่ ผ่านๆ มา

ทหารไทยปะทะกับเขมรอีกใกล้เขาพระวิหารที่เดิม หลังจากเจรจาหยุดยิงไปหมาดๆ สองฝ่ายเปิดฉากถล่มกันด้วยอาวุธหนักอย่างดุเดือดกว่าทุกครั้ง เสียงระเบิดดังระงมหลายชั่วโมงต่อเนื่อง เบื้องต้นฝ่ายไทยบาดเจ็บ 7 ราย เป็นทหาร 5 พลเรือน 2 ขณะที่ทางการช่วยอพยพราษฎรหนีตายอลหม่าน ทั้งที่เพิ่งออกจากศูนย์อพยพกลับไปอยู่ที่บ้านไม่กี่ชั่วโมง เผยคณะของปลัดมหาดไทยตรวจพื้นที่'ภูมิซรอล' เผ่นหนีแทบไม่ทัน สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนเขมร 3 วัน 'มาร์ค'โวยงง เป็นคนค้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารมาตลอด กลับถูกด่า ฉะพธม.พูดเท็จเพียบ ขณะที่'จำลอง' นัดรวมตัวใหญ่ 11 ก.พ.นี้ เตรียมเคลื่อนม็อบ โดยไม่บอกไปที่ใด เป้าหมายขับไล่อภิสิทธิ์

มาร์คย้ำเขมรยิงไทยก่อน

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงเหตุ การณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร ผามออีแดง ภูมะเขือ และพื้นที่ใน จ.ศรีษะเกษ ว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ มีความวิตกกับเหตุการณ์ ตนอยากจะเรียนว่าตอนที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หรือพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ลำดับเหตุการณ์ให้ประชาชนทราบนั้นค่อนข้างสมบูรณ์ ประเด็นที่เกิดขึ้นคือเมื่อมีการยิงเข้ามาในดินแดนไทย ทางฝ่ายไทยจำเป็นที่ต้องปกป้องอธิปไตย และมีการยิงตอบโต้จากฝ่ายไทย ซึ่งการยิงตอบโต้ก็เป็นการยิงไปยังที่หมายทางการทหาร คือยิงมาทางไหนก็ยิงกลับไปทางนั้น และนั่นคือนโยบายของรัฐบาลมอบและกองทัพนำไปปฏิบัติ ด้วยความเห็นที่สอดคล้องกัน เพราะว่าประเทศไทยไม่ต้องการไปรุกรานใคร แต่เมื่อใดที่มีการรุกรานอธิปไตยเราต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด เรารู้สึกเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะราษฎรไทย และทหารไทย ขณะเดียวกันการตอบโต้ของเราไม่เคยตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่มีพลเรือน แม้ว่าจะมีรายงานข่าวความสูญเสียในเขตกัมพูชา

ป้องทหารทำตามหลักสากล

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินการตามหลักสากล เคารพกฎ บัตรของสหประชาชาติ แต่ทางกัมพูชามีการออกแถลงการณ์ และเราก็ออกแถลง การณ์เช่นกัน ตนให้ทางกระทรวงการต่างประเทศเชิญคณะทูตในประเทศที่มีบทบาทในสหประชาชาติ ทั้งในส่วนของกรรมการมรดกโลก และขณะเดียวกันจะมีการยืนยันเหตุการณ์จริงทั้งหมดว่าประเทศไทยไม่ได้ไปรุกรานใคร แต่รักษาสิทธิ์ปกป้องดินแดนสมควรแก่เหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งเรื่องการชี้แจงมีความจำเป็น ขณะเดียวกันมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับกระทรวงการต่างประเทศ และทหารของทั้งสองฝ่ายที่จะทำให้ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ยืนยันว่าการแก้ไขเรื่องของเขตแดนต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง มีประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลยในการปกป้องอธิปไตย ก่อนหน้านี้มีบางฝ่ายไปพูดว่ารัฐบาลถอนกำลังจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เหมือนจะปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย เหตุการณ์และผลที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทางรัฐบาลกับกองทัพมีเอกภาพ รัฐบาลสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ ผมเรียนว่าไม่มีกรณีใดที่รัฐบาลจะปล่อยให้การเสียดินแดน การรุกล้ำเกิดขึ้น และรัฐบาลรักษาสิทธิ์และปกป้องตามแนวทางที่พึงกระทำ ในฐานะประเทศประชาคมโลกเคารพกติกาสากล" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ไม่แปลกใจพธม.ไล่รัฐบาล

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) มีการยกระดับขึ้น โดยขณะนี้เป้าหมายอยู่ที่การขับไล่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ตนเรียนว่าไม่ได้แปลกใจต่อการประกาศที่เกิดขึ้น เพราะคาดแต่ต้นว่าการยื่นเงื่อนไขที่จะไม่พูดคุยเจรจากับตน ต้องนำมาสู่การยกระดับเช่นนี้ แต่สิ่งที่อยากย้ำว่าขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลทุกด้าน เปิดใจกว้างกันจริงๆ เหมือนกับที่รัฐบาลเปิดใจรับฟังกลุ่มพธม. จะเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน หรือคนของรัฐบาลที่เข้าไปเกี่ยวข้องพยายามที่จะรับฟังความห่วงใยของพธม.โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมาธิการดูแลบันทึกการประชุมของเจบีซี มีการตั้งที่ปรึกษาภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม แม้กระทั่งกรณี 7 คนไทยที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. ประชาธิปัตย์เข้าไปดูผลกระทบในพื้นที่ ก็เป็นความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอด

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อมูลที่มีการนำเสนอบนเวทีหรือผ่านสื่อทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ไม่ยึดผลประโยชน์ของประเทศไทย ตนขอเรียนว่าหากตนเชื่อข้อมูลเหล่านั้นก็คงจะโกรธและมาไล่รัฐบาลเช่นกัน แต่ปัญหาคือว่าข้อมูลที่นำเสนอมีความคลาดเคลื่อน ตนพยายามเปิดรายการโทรทัศน์ให้มาพูดคุยกัน เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาอยากจะชี้ให้เห็นในประเด็นข้อเรียกร้องของกลุ่ม พธม.เพื่อจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องที่เรียกร้องอย่างไร และขอแจ้งขอเท็จจริงเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน

ค้านขึ้นทะเบียนพระวิหารตลอด

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในเรื่องของมรดกโลกต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องตามแก้ปัญหา เพราะว่าในช่วงหนึ่งมีรัฐบาลที่ไปเซ็นข้อตกลงทำนองที่ว่ายอมให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารได้ฝ่ายเดียว แม้ภายหลังศาลจะชี้ว่าเป็นโมฆะ และรัฐบาลแจ้งไปทางกัมพูชาว่าแผนการร่วมดังกล่าวใช้ไม่ได้ แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามารับตำแหน่งนั้นการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในนามของกัมพูชาผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนไป สิ่งที่รัฐบาลทำตลอด 2 ปีที่ผ่านมาคือเดินหน้าคัดค้านการขึ้นทะเบียนดังกล่าวว่ามีความผิดปกติ ที่สำคัญมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วจะมีการนำเสนอแผนบริหารพื้นที่บริเวณรอบๆ สิ่งที่เป็นมรดกโลก ซึ่งกรณีปราสาทพระวิหารก็ชัดเจนว่าพื้นที่รอบๆ โดยเฉพาะบนเขาเป็นพื้นที่ด้านนี้ของสันปันน้ำ ซึ่งเป็นดินแดนของไทย รัฐบาลเดินหน้าคัดค้านเป็นเวลานาน และประสบความสำเร็จเพราะทำให้กัมพูชาไม่สามารถเสนอแผนบริหารดังกล่าวเพื่อให้ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมรดกโลกได้ เราประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยินยอมให้มีคณะกรรมการไม่ว่ากี่ชาติเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ของเรา นี่คือจุดยืนของรัฐบาลตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจัดทำแผนที่ประกอบการบริหารพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหาร ทางกัมพูชายอมรับในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลกว่าไม่สามารถที่จะทำแผนที่ โดยเฉพาะบริเวณทิศเหนือกับทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหารได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าปัญหาการจัดทำหลักเขตแดนนี้ยังไม่มีข้อยุติ ที่ยังไม่มีข้อยุติกัมพูชามาเซ็นเอ็มโอยูปี 2543 มีกลไกจีบีซีทำหน้าที่เจรจา ตรงนี้ตนอยากจะย้ำว่าการมีเอ็มโอยูตรงนี้เหมือนมีการมัดทางกัมพูชาเอาไว้ ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่รอบๆ ปราสาทที่ถือว่าเป็นดินแดนของเรา

"ผมมีความรู้สึกแปลกใจว่าข้อเรียกร้องของทางกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้เราถอนตัวจากมรดกโลกและยกเลิกเอ็มโอยูทันที จะเป็นประโยชน์ต่อเราจริงหรือไหม การจะถอนตัวออกจากมรดกโลกเท่ากับเราปล่อยให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่ในมรดกโลก และประชาคมโลก ฟังความจากกัมพูชาฝ่ายเดียว จะไม่เป็นประโยชน์เลยหากไม่มีคนไปคัดค้าน หมายความว่าต่อไปกัมพูชาจะได้รับความเห็นชอบจากแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาท ถึงเวลานั้นก็จะมีชาติต่างๆ เข้ามาวุ่นวายในบริเวณนี้มากขึ้นและจะผลักให้คนเหล่านั้นกลับมาเป็นปฏิปักษ์กับไทย ผมไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเลยในการเป็นสมาชิกมรดกโลกในขณะนี้ แต่ผมยอมไม่ได้ เพราะผมไม่ต้องการให้เราเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นในเรื่องดินแดนและอธิปไตยของเรา แต่การถอนตัวในขณะนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์เลย" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องเอ็มโอยูนอกเหนือจากประโยชน์ที่เราใช้ในการดำเนินการเรื่องมรดกโลก ข้อห่วงใยจากประชาชน นักวิชาการ ซึ่งบางคนตนได้พูดคุยด้วยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เข้าใจตรงกันว่าเอ็มโอยูไปยอมรับแผนที่ 1:200,000 โดยเฉพาะแผนที่ระวางดงรัก ที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหาร ตนขอเรียนว่าตนต่อต้านการยอมรับแผนที่ดังกล่าวมาโดยตลอด นี่เป็นรัฐบาลแรกที่แจ้งต่อกัมพูชาว่าเราไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นสิ่งที่พันธมิตรมีจุดยืนเช่นนี้ แต่ว่าความเข้าใจที่อาจจะคลาดเคลื่อนหรืออะไรก็แล้วแต่ กลับไปหยิบข้อมูลที่ทำให้สับสน ต้องไม่ลืมว่าแผนที่ดังกล่าวหรือแผนที่ฝรั่งเศสไม่ได้มีระวางเดียว แต่ละพื้นที่ก็มีข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน แม้แต่ 7 คนไทยที่ถูกจับ ที่ตนนำแผนที่ออกมาแสดง เป็นการลายแผนที่ 1;50,000 L7018 ซึ่งยังไม่ทำหลักเขต

"รัฐบาลไม่มีผลประโยชน์อื่นใด ผมจะไปมีประโยชน์อะไรกับการยกดินแดนให้ต่างชาติ ผมต้องดูแลพี่น้องว่าแนวทางการแก้ปัญหาของไทยเป็นแนวทางที่ยอมรับในสากล ไม่ให้เสียเปรียบต่อการต่อสู้ หากแม้ว่าผมมีผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียวในการแลกกับอธิปไตยของไทย ผมไม่เพียงแต่ออกจากรัฐบาล แต่ออกจากประเทศไทยด้วยซ้ำ ผมไม่ทำแน่นอน และก็ไม่มีหลักฐานอะไร หรือข้อมูลที่นำเสนอว่าผมไปทำเช่นนั้น สิ่งที่ผมทำมีเหตุผลรองรับ กองทัพและหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตรงกันและปกป้องอธิปไตย เวลานี้กำลังตึงเครียด ทำไมเราคนไทยไม่มาสนับสนุนกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่ จริงอยู่ที่มีความสูญเสีย แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาชัดเจนว่าคนและกองทัพของเราทำเต็มที่ เรามีหน้าที่ให้กำลังใจ รวมพลังสามัคคีกันเพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของไทย ไม่ควรใช้เวลานี้มาเล่นการเมืองบั่นทอนกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

1.ทัพเขมร - ทหารกัมพูชาระดมอาวุธหนักตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนด้านปราสาทเขาพระวิหาร ก่อนเปิดฉากยิงถล่มกับทหารไทยเมื่อเย็นวันที่ 6 ก.พ.อย่างหนักหน่วง กว่าเดิม

2.เขมรอพยพ-ชาวเขมรที่อาศัยอยู่ใกล้เขาพระวิหาร หอบลูกจูงหลานหนีกระสุนปืนใหญ่จากการสู้รบ โดยฝั่งเขมรเสริมกำลังทหารและอาวุธเข้ามายังชายแดนไทยเป็นจำนวนมาก

3.หลั่งเลือด - เจ้าหน้าที่ลำเลียงทหารไทยที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา เข้ารักษาตัวที่ร.พ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังการสู้รบปะทุขึ้นครั้งใหญ่ในช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ.

4.ไทยอพยพ - ชาวบ้านตามแนวชายแเดนไทย-เขมร อพยพลี้ภัยสงครามมาพักอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราวหอประชุมที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์สู้รบยังรุนแรง



ย้ำถอนทหารจากพื้นที่ไม่ได้

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ขอย้ำว่าขณะนี้จะเห็นได้ชัดว่าปัญหาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กำลังเป็นปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ดังนั้น ไทยจึงต้องเดินหน้าคัดค้าน และตนคิดว่าควรทำให้ทั่วโลกเข้าใจสถานการณ์ความเป็นจริงซึ่งประเทศไทยได้พยายามชี้แจงมาโดยตลอด ก็เชื่อว่าน่าจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น โดยมีการทำหนังสือชี้แจงไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาการยิงปะทะกันบริเวณแนวชายแดน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องดูอีกครั้งว่าจะทำกันอย่างไร แน่นอนว่าทางกัมพูชาพยายามขอให้มีการถอนทหาร ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่าไทยคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะไทยต้องรักษาสิทธิ ดังนั้น การตรึงกำลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทย่อมมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามหาวิธีการในการประสานงาน เมื่อถามว่าการที่กัมพูชายื่นหนังสือร้องไปยังองค์การสหประชาชาติจะเกิดผลกระทบอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไทยก็ได้ชี้แจงไปแล้ว โดยยืนยันว่าไทยไม่ได้ดำเนินการก่อน สิ่งที่ประเทศไทยทำเป็นการปกป้องและตอบโต้ไปตามเป้าหมาย เพราะมีการยิงเข้ามาเท่านั้นเอง

นายกฯ กล่าวต่อว่า ถ้าไม่มีเอ็มโอยูคงจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตลอดแนวชายแดนและตลอดเวลา ดังนั้น จึงอยู่ที่การดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อยุติที่ตรงกัน จะไปบังคับให้จบได้อย่างไร หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถยอมรับผลต่างๆ ได้ ต่างประเทศก็เป็นอย่างนี้ ในหลายๆ ประเทศก็เป็นอย่างนี้ คือต้องค่อยๆ ดำเนินการไป แต่จะเป็นตัวรั้งไม่ให้ทั้งสองฝ่ายหันไปใช้วิธีการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว

บอกตรงๆ-พธม.พูดเท็จเพียบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทางกลุ่มพันธ มิตรฯ ยังเคลื่อนไหวไม่หยุดและยกระดับสูงขึ้น นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าต้องมีหน้าที่ให้ข้อมูลให้มากที่สุด ส่วนการประสานงานก็มีคนของรัฐบาลไปพูดคุยกับแกนนำพันธ มิตรฯ แต่ยังเห็นไม่ตรงกัน แต่จะไปห้ามไม่ให้เกิดเป้าหมายในการชุมนุมอย่างไรคงห้ามไม่ได้ แต่ตนเป็นห่วงว่าการรับฟังข้อมูลนั้นควรรับฟังทุกด้าน เพราะรัฐบาลก็รับฟังข้อมูล ตนจึงไม่เข้าใจว่าการปฏิเสธการเจรจานั้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด นอกเสียจากว่าเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว เมื่อถามว่า แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีฉันทามติเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งคณะลาออก นายกฯ กล่าวว่า จะไม่ฉันทามติอย่างไรในเมื่อคนที่อยู่ตรงนั้นย่อมเห็นด้วยกันอยู่แล้ว

"เห็นได้ชัดว่าบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการหลายคน ยินดีที่จะคุย แต่ทางพันธมิตรฯ ไม่ยอมคุย และนักวิชาการอีกหลายคนที่ให้ข้อมูลก็ยินดีที่จะคุย ซึ่งตนได้เชิญมาคุยและจะพยายามคุยต่อไป และความจริงกลุ่มพันธมิตรฯ เคยมาออกโทร ทัศน์ด้วยกันแล้ว และผมคิดว่าถ้าเขาสนใจตนก็ยินดี แต่อย่างที่บอกคือแปลกใจที่ไปกล่าวหาอะไรรุนแรงกันไปเสียหมด แต่เป็นเรื่องเท็จหลายเรื่อง ขอบอกกันตรงๆ" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ตนพร้อมจะคุย เพราะตนอยู่กับข้อมูลที่เป็นจริง และไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม การจะมาออกรายการร่วมกันนั้นย่อมต้องมีกติการ่วมกัน ขณะนี้ยังมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลการเคลื่อนไหวและชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย และตนเรียกร้องผู้ชุมนุมด้วยว่าต้องเคารพกฎหมาย

ปลัดมท.รุดเยี่ยมชายแดน

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง นายประทีป กีรติเรขา รองอธิบดีกรมการปกครอง และข้าราชการระดับสูงของกรมการปกครอง เดินทางไปประชุมร่วมกับนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ. ศรีสะเกษ และคณะ หัวหน้าส่วนราชการของ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบข้อมูลเบื้องต้น กรณีการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยสงครามจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ซึ่ง ผวจ.ศรีสะ เกษได้รับรายงานสรุปสถานการณ์ให้ทราบ โดยได้มอบเงินช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านเรือนโดนไฟไหม้ทั้งหลัง เนื่องจากโดนกระสุนปืนใหญ่จากทหารกัมพูชา จำนวน 7 ราย รายละ 30,000 บาท จากนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนที่อพยพหนีภัยสงครามที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์หลังใหม่ที่อยู่ใกล้กัน และได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ตัวแทนประชาชน เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน

นายวิเชียรกล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนชาวศรีสะเกษที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อพยพหนีภัยสงครามจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 6,000 คน ซึ่ง ผวจ.ศรีสะเกษได้จัดเตรียมเงินราชการเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยสงคราม จำนวนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท และยังไม่มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือประชาชนแต่อย่างใด ส่วนประชาชนที่บ้านเรือนโดนไฟไหม้ทั้งหลังและเสียหายเป็นบางส่วนนั้น ตนจะได้ให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการรายละ 30,000 บาท ส่วนผู้เสียชีวิตได้ช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้รับทราบนโยบายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า ทางรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือสร้างบ้านทั้งหลังให้กับประชาชนที่บ้านเรือนโดนกระสุนปืนใหญ่และไฟไหม้ โดยจะสนับสนุนเงินมาให้และขอรับการสนับสนุนแรงงานในการก่อสร้างจากวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ และวิทยาลัยการอาชีพศรีสะเกษ เพื่อขอให้ส่งนักศึกษาช่างก่อสร้างมาช่วยดำเนินการก่อสร้างให้ชาวบ้าน โดยจะไม่มีการสร้างบ้านแบบสำเร็จ รูปให้ เนื่องจากว่าการสร้างบ้านจะต้องสร้างตามใจผู้อยู่นั่นเอง

ศรีสะเกษปิดโรงเรียน 3 วัน

ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวต่อไปว่า ส่วนการช่วยเหลือชาวบ้านที่สวนยางพาราถูกกระสุนปืนใหญ่และไฟไหม้เสียหายนั้น จะต้องใช้เงินที่ได้รับบริจาคมาให้การช่วยเหลือ เนื่องจากว่าไม่มีระเบียบกำหนดไว้เกี่ยวกับการให้การช่วยเหลือในส่วนนี้ ตนจะได้รายงานเรื่องนี้ให้ รมว.มหาดไทยทราบ เพื่อที่จะได้หาทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงครามในครั้งนี้อย่างเต็มที่ต่อไป

เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นายวรรณะ บุญสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ได้นำคณะมาตรวจสอบสภาพโรง เรียนที่ถูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 2 ลูก จากนั้นกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารโรงเรียนที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และได้รับผลกระทบจากการปะทะกัน สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 จำนวนทั้งสิ้น 20 โรง เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน หากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยก็อาจจะต้องสั่งปิดโรงเรียนออกไปอีก จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าจากการปะทะกันทำให้เด็กนักเรียนได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น ประมาณ 5,000 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ได้สูญหายไประหว่างวิ่งหลบหนีภัยสงคราม

ปะทะอีก-คณะปลัดหนีกระเจิง

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทร ลักษ์ โดยขณะกำลังเดินตรวจสอบสภาพความเสียหายของโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งโดนกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายพังยับเยิน ปรากฏว่าได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณบ้านซำแต ทางด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ คณะของปลัดกระทรวงมหาดไทยรีบพากันวิ่งไปขึ้นรถเพื่อออกนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อหนีวิถีกระสุนปืนใหญ่

นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.ร.ร.บ้านภูมิซรอล กล่าวว่า มีการปะทะกันที่ช่องซำแต มีเสียงปืน ค.ดังขึ้นจำนวน 3 นัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนที่ยิงจากฝ่ายใด เวลาเดียวกันยังเกิดการปะทะกันที่ช่องตาเฒ่า ใกล้เขาพระวิหาร โดยมีการใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกันประมาณ 5 นาที ยังไม่ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทางด้านนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรณีที่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ให้การช่วยเหลือชาวบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็วดีมาก และไม่มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยสงครามแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาหารการกิน เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้รับประทานอาหารเพียงวันละ 3 มื้อเท่านั้น แต่เมื่อมาอยู่ที่ศูนย์อพยพได้รับประทานอาหารถึงวันละ 5 มื้อทีเดียว

แฉยิงกันกลางดึกที่ภูมะเขือ

แหล่งข่าวทางทหารแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บริเวณช่องโดนอาว ติดกับภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ด้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดยิง ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร ถูกซุ่มยิงเสียชีวิตคาที่ ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาด้วยอาวุธประจำกาย นานประมาณ 5 นาที โดยไม่มีรายงานว่ามีทหารไทยและทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ทหารไทยจับตัวทหารกัมพูชาได้ 6 คน แต่ได้ปล่อยกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. วันที่ 6 ก.พ.ไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะตึงเครียดมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยโรงเรียนบ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 2 ต.โนนสำราญ อ.กันทรลักษ์ มีราษฎรในพื้นที่บ้านท่าสว่าง บ้านโนนสำราญ บ้านโศกขามป้อม และจากหมู่บ้านใกล้เคียง อพยพมาอาศัยอยู่จำนวนประมาณ 2 พันคน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมที่นอนบนอาคารเรียนให้ผู้อพยพได้นอนพัก นอกจากนั้นก็ได้กางเต็นท์ไว้กลางสนามของโรงเรียนอีกด้วย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แจ้งว่าข้าวปลาอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ผู้ที่นำสิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็จะนำไปที่ศูนย์อพยพที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสะดวกกว่า

นางธีรภัทร ดอกรัก อายุ 20 ปี อยู่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก หนึ่งในผู้อพยพ กล่าวว่า เพิ่งคลอดลูกคนแรกได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ต้องพามาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพ ลูกต้องอยู่อย่างลำบาก กลางคืนอากาศหนาวเย็นมากอยากให้สถานการณ์การสู้รบที่ชายแดนเขาพระวิหารยุติลง และกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพราะชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันหมดทุกคน หลายคนสูญเสียบ้าน บางคนสูญเสียคนรัก อยากให้รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็วด้วย

พ่อค้าเขมรปิดร้านแต่หัววัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับประชาชนชาวบ้านภูมิซรอลส่วนหนึ่ง ที่อพยพหนีภัยสงครามไปอยู่ที่ศูนย์อพยพหอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เมื่อเห็นข่าวว่ามีการประกาศหยุดยิงแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงทรัพย์สินหลายสิบครอบครัวด้วยกัน แต่พอมีข่าวการปะทะซ้ำอีก จึงหอบลูกจูงหลานกลับมาเช่นเดิม ทั้งนี้ ในหมู่บ้านภูมิซรอลมีตำรวจคอยประจำการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินผู้อพยพหนีภัยสงคราม

เวลา 15.00 น. กลุ่มพ่อค้าชาวกัมพูชาในตลาดช่องจอม อบจ.บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่างเร่งรีบจัดเก็บสินค้าปิดร้าน เพื่อเดินทางกลับโอเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา หลังรับชมข่าวโทรทัศน์มีข่าวลือว่ามีเสียงปืนดังขึ้นที่บริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ หวั่นทหารสั่งปิดประตูด่านช่องจอม

นายพิจิตร บุญทัน นายอำเภอกาบเชิง กล่าวว่า เป็นข่าวโคมลอยขอให้ประชาชน พ่อค้า รับฟังข่าวสารจากทางราชการ หากเกิดเหตุการณ์ปะทะสู้รบจริงอำเภอจะแจ้งให้ทราบ

ไก่อูยันไม่มีเหตุปะทะซ้ำ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกอง ทัพบก กล่าวว่า ไม่มีทหารไทยถูกจับกุม ซึ่งทั้ง 4 นายที่ถูกอ้างถึงนั้นเป็นชุดประสานงานที่ทางไทยส่งไปประสานงานกับกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ถอนกำลังทั้งหมดกลับมาแล้ว ส่วนอีก 1 นายเป็นทหารกองประจำการที่พลัดหลงเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ได้ตั้งใจ และขณะนี้ทางการกัมพูชาก็ได้รับตัวไว้ดูแล โดยเข้าใจว่าไม่ได้มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะส่งกลับมาภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนประชาชนที่อพยพจากพื้นที่หมู่บ้านภูมิซรอลก็คาดว่าในวันพรุ่งนี้จะสามารถทยอยเดินทางกลับพื้นที่ได้ในบางส่วน

พ.อ.สรรเสริญยังกล่าวถึงกระแสข่าวเกิดการยิงปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาอีกรอบว่า จากการตรวจสอบกับกองกำลังสุรนารีที่ดูแลในพื้นที่ยืนยันว่าไม่มีเหตุดังกล่าว ส่วนจะเกิดเสียงปืนดังขึ้นหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่หากเป็นการยิงปืนก็อาจเกิดจากเหตุเรื่องอื่นมากกว่า จากการเจรจากันวานนี้ก็มีมติร่วมกันแล้วว่าจะไม่มีการยิงหรือปะทะกัน ซึ่งทหารไทยและกัมพูชาต่างก็รักษาอธิปไตยของตนเอง

ชินวรณ์ชี้โรงเรียนพัง 3 ล้าน

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิ การ (ศธ.) กล่าวว่า ได้มอบให้เขตพื้นที่การศึกษาประเมินความเสียหายของโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ที่ถูกกระสุนปืนใหญ่จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 3 ล้านบาท เนื่องจากหลังคาและอาคารแบบเรียน 2 ชั้นพังทลาย ส่วนการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนคาดว่าไม่กระทบ โดยให้ใช้อาคารหอประชุม และเต็นท์สนามเป็นอาคารเรียนชั่วคราว

นายชินวรณ์ยังกล่าวถึงความปลอดภัยของโรงเรียนตามแนวชายแดนว่า ได้มอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดศรีสะเกษประเมินสถานการณ์ และมีอำนาจการตัดสินใจ โดยให้เน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ และให้ประสานความร่วมมือกับแม่ทัพภาคที่ 2 และทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียน หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินให้หลบในที่ปลอดภัย และให้ครูทำหน้าที่เสมือนทูตสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนที่อยู่ตามแนวชาย แดน เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่อาศัยกันแบบญาติ และบางส่วนก็เป็นญาติพี่น้องกัน

เพื่อไทยไล่มาร์ค-กษิตออก

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวในการทำงานของรัฐบาลที่ไร้เดียงสา ขาดความสามารถ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นผิดตั้งแต่ที่นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ การส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จนถูกจับกุมดำเนินคดี ในข้อหารุกล้ำพื้นที่กัมพูชา จนกลุ่มพันธ มิตรฯ นำมาเป็นประเด็นกดดันรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา โดยโยนให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ ประชาชน ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่นักการเมืองยังทำงานอยู่ใน กทม.โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งที่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากที่การเมืองสร้างขึ้น โดยตั้งคนที่ไม่ถูกกับงานมาทำหน้าที่ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ เพราะประชาชนไม่ต้องการให้เกิดการรบกัน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือประชาชน เพราะเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านกันน่าจะหาประโยชน์ร่วมกันมากกว่าที่จะมารบกัน พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แก้ปัญหาในประเทศ และอย่านำปัญหาของกลุ่มพันธมิตรฯ ไปผูกโยงกับต่างประเทศ ที่สำคัญคือต้องทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ และต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการลาออกไปพร้อมกับนายกษิต และให้คนที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศมาทำหน้าที่แทน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคนที่ดี รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะมีคนดีที่พร้อมทำหน้าที่อีกมาก

โพลชี้แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สรุปผลสำรวจ "ประชาชนคิดอย่างไรกับเหตุปะทะไทย-เขมร" พบว่า อันดับ 1 มาจากปัญหาการล้ำเส้นเขตแดนที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน และยังหาข้อยุติไม่ได้ คิดเป็น 49.27% อันดับ 2 เป็นห่วงชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้รับอันตรายหรือถูกลูกหลง คิดเป็น 36.21% อันดับ 3 ไม่อยากให้มีการปะทะกัน เพราะไทยกับเขมรก็เป็นเพื่อนบ้านกัน 14.52%

เมื่อถามว่าจากเหตุปะทะกันรัฐบาลควรดำเนินการอย่างไร อันดับ 1 รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติวิธี ประนี ประนอม 44.58% อันดับ 2 รัฐต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เด็ดขาด เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของประเทศชาติ 34.63% อันดับ 3 รัฐต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับคนไทยและต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหาแนวร่วม 20.79% เมื่อถามต่อว่า จากเหตุดังกล่าวกองทัพไทยควรดำเนินการอย่างไร อันดับ 1 ต้องปกป้องรักษาแผ่นดินไทยไม่ให้ทหารเขมรเข้ามายึดครองได้ 38.66% อันดับ 2 ต้องมีการข่าวที่ดี มีการวางแผนเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจบานปลาย/ไม่ประมาท 33.09% อันดับ 3 ต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ 28.25%

ส่วนถามว่าในฐานะประชาชนจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างไร อันดับ 1 เป็นแรงใจและส่งกำลังใจให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย 52.16% อันดับ 2 ติดตามข่าวสารต่อเนื่อง มีวิจารณญาณในการรับข้อมูลไม่สร้างความวุ่นวายให้สังคม 27.40% อันดับ 3 ให้ความช่วยเหลือ บริจาคเงินข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน 20.44% สุดท้ายถามว่าทางออกของเรื่องนี้ควรทำอย่างไร อันดับ 1 คงหาทางออกได้ยาก เนื่องจากเป็นปัญหามานานตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย 53.26% อันดับ 2 ไทยและเขมรจะต้องมีความจริงใจแก้ปัญหา นำข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริงออกมาพิสูจน์กัน 24.56% อันดับ 3 ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศควรเจรจาตกลงกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับได้ 22.18%

มหานัดพธม.รวมตัว 11 ก.พ.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงข่าวรายวันเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้ลาออก และการแก้ไขปัญหาชาย แดนไทย-กัมพูชา โดยพล.ต.จำลองกล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.พ. เวลาประมาณ 09.30 น. ขอให้สมาชิกพันธมิตรฯ ทุกคนมารวมตัวกันบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์แห่งนี้ เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่สำคัญ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยสถานที่ที่จะเดินทางไป โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อกดดันเรียกร้องนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลช่วยพิจารณาตนเองด้วยการลาออก อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน จำนวน 10 คน เพื่อจะเข้ามาดูแลข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีต่อรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนบรรยากาศในพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมบางตา บนเวทีเป็นการจัดรายการข่าว เนื้อหาส่วนใหญ่โจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด รวมทั้งเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีผู้ชุมนุมนั่งฟังหน้าเวทีประมาณ 100 คน ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีกำลังตำรวจชุดปราบจลาจลหลายกองร้อยประจำการอยู่ภายใน มีโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา และรถห้องขัง พร้อมปฏิบัติการทันที หากมีผู้ชุมนุมบุกเข้ามาในทำเนียบ

เขมรเปิดฉากถล่มปืนใหญ่อีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ทหารไทย-กัมพูชา ได้เปิดศึกปะทะกันอย่างหนักอีกครั้ง ถล่มกันด้วยกระสุนปืนใหญ่ อาวุธหนักนานาชนิดและอาวุธประจำกาย ที่บริเวณช่องโดนอาว ชายแดนไทย-กัมพูชา ทางด้านทิศตะวันออกของเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากปะทะกันอีกหลายจุดตลอดแนวเขาพระวิหาร ทั้งด้านทิศตะวันออกของเขาพระวิหาร คือ ช่องโดนอาว ช่องตาเฒา รวมทั้งบนเขาพระวิหาร และภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร เสียงปืนทั้งอาวุธหนักและอาวุธประจำกายดังระงมอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านตามหมู่บ้านแนวชายแดนเขาพระวิหาร ทั้งประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา ได้ถูกสั่งให้เร่งอพยพออกจากพื้นที่แนวชายแดนกันครั้งใหญ่อย่างเร่งด่วนแล้ว

ทหารกัมพูชายังได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเข้ามาตลอดแนวชายแดน ไปจนถึงกิ่ง อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี นอกจากนั้นยังได้เล็งปืนใหญ่มาถล่มที่บ้านซำเม็ง บ.ชำร่อง บ.ภูมิซรอล ต.เสาธงไชย ทำให้เกิดไฟไหม้ และบ้านเรือนเสียหาย ส่วนทหารได้ใช้ปืนใหญ่ยิงไปที่ฐานที่ตั้งของทหารในฝั่งกัมพูชา และรอบประสาทเขาพระวิหาร

อพยพชาวบ้านหนีโกลาหล

ขณะเดียวกัน ทางส่วนราชการได้ระดมรถบรรทุกไปอพยพชาวบ้านตามแนวชาย แดนทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าเพิ่งออกจากศูนย์อพยพกลับบ้าน เนื่องจากคิดว่าสถานการณ์สงบลงแล้ว แต่ก็ต้องรีบหนีกลับออกมาอย่างโกลาหล โดยปืนใหญ่กัมพูชาจะเล็งเป้าไปที่บ้านเรือนประชาชนเป็นหลัก และภายในเขต อ.กันทรลักษ์ มีรถบรรทุกพาผู้อพยพไปติดอยู่ที่ศูนย์อพยพ เนื่องจากศูนย์ไม่สามารถรองรับผู้อพยพได้ทั้งหมด ซึ่งนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ระดมเจ้าหน้าที่มาที่ศูนย์เพื่อรองรับผู้อพยพแล้ว ขณะเดียวกันมีชาวบ้านจำนวนมากนำรถยนต์ไปเติมน้ำมัน แล้วขับมุ่งหน้าไปทาง จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 60 ก.ม. เพื่อหนีวิถีกระสุน

เวลา 19.40 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์และยันยันว่า เมื่อเวลา 18.40 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนส่องสว่างนำก่อนที่จะยิงจรวดข้ามฝั่งมายังฝั่งไทยหลายนัด บริเวณภูมะเขือ บ้านโดนอาว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่ได้มีการปะทะกันเมื่อ 3 วันก่อน โดยทางกองทัพไทยได้ยิงตอบโต้ไปเช่นกัน ขณะนี้ก็ยังมีการปะทะกันอยู่ และยังไม่มีรายงานความสูญเสียและความเสียหาย ตอนนี้กำลังมีการประสานงานกันระหว่างกอง ทัพไทยและกองทัพกัมพูชาเพื่อให้มีการยุติการปะทะกันครั้งนี้อยู่

ยิงสู้แหลกนับชั่วโมงไม่เลิก

ต่อมาเวลา 20.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศสถานการณ์บริเวณที่หมู่บ้านภูมิซรอล ยังมีการปะทะกันอยู่ โดยทางทหารไทยได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้ไปฝั่งกัมพูชา หลังจากที่ทหารกัมพูชาได้ยิงเข้ามาฝั่งไทย และทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก และที่บริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.กันทรลักษ์ ขณะนี้มีชาวบ้านติดค้างอยู่ประมาณ 2,000 กว่าคน จุดนี้ห่างจากชายแดนประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยจากวิถีกระสุนที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชายิงตอบโต้กันไปมา ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ชาวบ้านปิดไฟในบ้านของตัวเองทั้งหมด และรีบอพยพไปยังจุดที่ปลอดภัย ตอนนี้ถนนที่มุ่งหน้าออกไปจากชายแดนมีรถจำนวนมากออกไป ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถออกไปได้ทัน โดยเฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยของชาวบ้านซึ่งมีอยู่ประมาณ 30-40 คนที่ตกค้าง ได้หลบไปตามหลุมหลบภัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งหลุมหลบภัยน่าจะมีเพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการปะทะกันที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชายิงตอบโต้กันไปมาเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และไม่มีทีท่าที่จะหยุดยิง ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมไปถึงชาวบ้านที่อยู่ที่ศูนย์อพยพหรือพักพิงชั่วคราว อ.กันทรลักษ์ ต่างพากันหนีตายกันอลหม่าน ภาพลูกไฟที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าได้สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก หลังจากมีเหตุปะทะกันบริเวณภูมะเขือ ซึ่งเกิดขึ้นมาอีกระลอกในเวลา 19.00 น. มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ และมีความถี่มากขึ้นในช่วงเวลา 19.20 น. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้าง ความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านจำนวนมาก หลังจากตอนเช้าชาวบ้านได้กลับมาเพื่อดูแลบ้านเรือนของตัวเองแล้ว เพราะคิดว่าคงไม่มีการยิงปะทะเกิดขึ้นอีก

แฉเขมรยิงจรวดหลายร้อยลูก

ส่วนบนถนนสายกันทรลักษ์-ผามออีแดง มีรถวิ่งสวนกลับเข้ามาในตัวเมืองเป็นจำนวนมาก การจราจรค่อนข้างติดขัดจนเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ทหารได้สั่งให้หมู่บ้านที่อยู่ติดกับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดับไฟป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม มีรายงานว่าทหารกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้องเข้ามายังบ้านซำเม้ง ต.เสาธงชัย จำนวนหลายร้อยนัดเพื่อโจมตีทหาร ไทย

ต่อมาเมื่อเวลา 20.45 น. ที่บริเวณสามแยกท่าสว่าง ต.บึงมะรู ได้มีนายชนแดนไทย สมมงคล อายุ 43 ปี เป็น จนท. อุทยานเขาพระวิหาร ขับขี่รถจยย. โดยมีนางสุกัญญา สุภาพงศ์ อายุ 27 ปี และ ด.ช.ศุภากร ชีพเพชร อายุ 3 ขวบ ขับขี่ด้วยความเร็วสูงหนีลงมาจากบริเวณเขาพระวิหาร จนเกิดอุบัติ เหตุได้รับบาดเจ็บ โดยนายชนแดนไทยกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังกินข้าวอยู่ที่บ้านพักอุทยานเขาพระวิหาร โดยฝ่ายกัมพูชาถล่มไปที่ภูมะเขือ ก็รีบพาลูกเมียหลบ ขณะที่ทหารไทยที่อยู่บนอุทยานเขาพระวิหารได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงต่อสู้กับทหารกัมพูชาที่บุกเข้ามา แต่ตนเองไม่กล้าออกไปดู เพราะกระสุนวิ่งมาถูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ จากนั้นได้พาหลบออกมา ซึ่งขณะนี้บริเวณอุทยานเขาพระวิหารยังมีเจ้าหน้าที่อีก 3 คนที่ยังออกมาไม่ได้ คือ นายสวัสดิ์ ลุนผง นายเดือน อุตะมัย นายถวิล ติจะนา

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนม เปญอ้างแหล่งข่าวในกองทัพกัมพูชาระบุว่า เกิดการยิงสู้รบกันอีกครั้งระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณพื้นที่พิพาท หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเพิ่งทำข้อตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อวันเสาร์ โดยแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า "เรากำลังยิงต่อสู้กัน โดยฝ่ายทหารไทยเปิดฉากยิงใส่เราก่อน" การยิงปะทะกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นราวเวลา 18.35 น.

ระบุถล่มกันหนักกว่าทุกครั้ง

เมื่อเวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านมาแล้วกว่า 2 ช.ม. ยังคงมีการปะทะกันในพื้นที่ และดูเหมือนว่าสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่มีท่าทีสงบลง และยิ่งจะบานปลายมากขึ้นตามลำดับด้วย ตอนนี้ยังคงมีจรวดยิงเข้ามาที่บ้านซำเม็งจำนวนหลายลูก และบนท้องฟ้าก็ยังคงมีลูกไฟลอยอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณชายแดน ฝ่ายทหารไทยก็มีการเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณโรงพยาบาลกันทรลักษ์ มีผู้บาดเจ็บจากการปะทะส่งมารักษาตัวจำนวน 7 ราย เป็นทหารราบ 3 ราย ทหารพราน 2 ราย พลเรือน 2 ราย โดยพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ เกิดจากการถูกสะเก็ดระเบิด ขณะนี้ได้มีการระดมทีมแพทย์จาก อ.ขุนหาญ อ.เบญจลักษณ์ อ.กันทรา รมย์ และอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งรถฉุกเฉิน เข้ามาตั้งประจำจุดร.พ.กันทรลักษ์ เพื่อช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บจากการปะทะกัน เนื่องจากวันนี้ การปะทะค่อนข้างจะดุเดือดรุนแรงกว่า 3 วันที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า สถานีโทรทัศน์ในกัมพูชา ได้รายงานออกอากาศในกรุงพนมเปญถึงเหตุการณ์ปะทะ มีทั้งหมดด้วยกัน 3 จุด โดยผู้สื่อข่าวกัมพูชารายงานว่ามีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในเขตกัมพูชา เมื่อประมาณทุ่มกว่าๆ สังเกตเห็นเครื่องบินคาดว่าจะเป็นเครื่องบินทหารไทย บินอยู่เหนือบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นเวลา 18.40 น. บริเวณป้อมโดนอาว อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบริเวณจุดเดียวกับที่เคยเกิดเหตุปะทะกันเมื่อ 3 วันก่อน ห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 500 เมตร ประชาชนอยู่ในความสับสนและยังไม่สามารถติดต่อถึงกันได้ การติดต่อสื่อสารค่อนข้างยากลำบาก ประชาชนบางส่วนยังหลบอยู่หลุมหลบภัย บางส่วนก็หนีออกมาได้