ที่มา Thai E-News
ครั้ง หนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งมีผมกับพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคุณ ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา นั่งอยูที่โต๊ะรับแขกภายในบ้าน ปรากฏว่าคุณปีย์ ได้ถามผมว่า ทำให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หายไปได้ไหม ผมก็เลยตอบไปว่า เป็นการยากทำไม่ได้ เพราะท่านมีรปภ.จำนวนมาก คงจะต้องยิงกันเละจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่สามารถทำให้ตายได้-พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี,30 มีนาคม 2552
ปีย์ในแฟ้มข่าวช่วงเดือนมีนาคม 2552
ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2552 ชื่อของนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อถูกอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณวีดีโอลิงก์กล่าวถึงว่า พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์, นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ,นายอักขราทร จุฬารัตน,นายจรัญ ภักดีธนากุล,นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ ได้ร่วมปรึกษาหารือกันที่บ้านพักของนายปีย์ ย่านสุขุมวิท ถึงเรื่องการโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ และนำไปสู่การปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ซึ่งนายปีย์ยอมรับว่าได้มีการพบปะกัน แต่เป็นการเชื้อเชิญมารับประทานอาหารในฐานะเพื่อน และคนที่สนิทสนมกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นการวางแผนปฏิวัติหรือลอบสังหารอย่างที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ กล่าวอ้างว่า ได้ยินมาจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แต่อย่างใด
"ยืนยันว่า ไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร" นายปีย์ กล่าวยืนยัน
พัลลภแฉปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เคยถามต้องการเก็บทักษิณ ทำให้หายไปได้ไหม อัดยับสุรยุทธ์ ถ้ารับคงต้องเข้าโรงพยาบาลเช็คประสาท
กรุงเทพธุรกิจ 30มี.ค. 2552 -จากกรณีที่ พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ออกมาเปิดโปงว่า พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ กับบุคคลสำคัญหลายคน ได้ประชุมวางแผนโค่นรัฐบาลทักษิณกันที่บ้านของนาย ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ในซอยสุขุมวิท จนกระทั่งนายปีย์ ออกมาตอบโต้ว่า พล.อ.พัลลภ ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเพราะไม่ได้รับตำแหน่งใดๆนั้น
วันเดียวกัน พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า การที่นาย ปีย์ ระบุว่า ตนออกมาโวยวาย เพราะไม่ได้รับตำแหน่ง ตนขอยืนยันว่าตนเป็นคนที่รักษาสัจจะเมื่อตกลงกันว่าการทำครั้งนี้ทุกคนต้อง ไม่หวังตำแหน่งและลาภยศใด ๆตนก็ถือตามนี้ สำหรับเรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว ถ้าตนต้องการตำแหน่งตนก็ออกมาโวยวายในช่วงนั้นแล้วจะปล่อยให้เนินนานมาถึง 3 ปีได้อย่างไร และถ้ามาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร
"ผมเป็นชายชาติทหาร ผมรักษาสัจจะรักษาคำพูดเสมอ ว่าถ้าใครไม่พูดพาดพิงถึงผม ผมจะหลีกเลี่ยงในการพูดถึงบุคคลอื่น เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า ผมจะไม่เคยพูดถึงชื่อนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เจ้าของบ้านแม้แต่คำเดียว"พล.อ.พัลลภ กล่าว
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ครั้งหนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งมีตนกับพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคุณ ปีย์ มาลากุล นั่งอยูที่โต๊ะรับแขกภายในบ้าน ปรากฏว่าคุณปีย์ ได้ถามตนว่า ทำให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หายไปได้ไหม ตนก็เลยตอบไปว่า เป็นการยากทำไม่ได้ เพราะท่านมีรปภ.จำนวนมาก คงจะต้องยิงกันเละจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่สามารถทำให้ตายได้ ทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร ซึ่งขณะนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเฉยๆไม่ได้ออกความเห็นอะไร
"ผมคิดว่าเราสามารถโกหกคนได้ทั้งโลก แต่ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ คุณปีย์ คงรู้ในใจตัวเองดี ผมยังมีเรื่องที่จะพูดอีกมาก ถึงคนชื่อปีย์ มาลากุล ที่ยังไม่อยากนำมาเปิดเผยในขณะนี้"พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้ต่างฝ่ายต่างปฏิเสธ แต่มีการหารือในการล้มพ.ต.ท. ทักษิณ จริงใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ตนจะมาพูดเล่นๆได้อย่างไร เพราะมีการกินข้าวหารือกันถึง 7 คน มีการพูดกันว่า จะต้องเล่นพ.ต.ท.ทักษิณ ทางกฎหมายโดยมีนักกฏหมายเข้ามาร่วมประชุมด้วยในเรื่องของ กกต. ซึ่งเมื่อ กกต.ล้มการเลือกตั้งไม่สำเร็จ ก็มีการพูดถึงการรัฐประหาร มิเช่นนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ จะมาพูดได้อย่างไรว่า การทำครั้งนี้เราทำเพื่อประเทศชาติและสถาบัน คนที่มีตำแหน่งเป็นองคมนตรีจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะตัวเองมีตำแหน่งองคมนตรี โดยเฉพาะไปล๊อบบี้ให้ กกต.ลาออก
เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโฟนอินเปิดเผยข้อเท็จจริง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา เรื่องแบบนี้ ถ้าเขาออกมารับว่าจริง เขาคงต้องไปโรงพยาบาลประสาท เพราะฉะนั้นเขารับไม่ได้ต้องปฏิเสธ แต่การปฏิเสธของพล.อ.สุรยุทธ์ มันขัดกันโดยตลอดจากการประมวลข่าวอะไรต่างๆทุกคนก็รู้ดีว่าเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นคนที่มีความคิดทุกคนสามารถคิดได้ เรื่องแบบนี้ถ้าเขารับ เขาต้องเป็นโรคประสาท ต้องไปโรงพยาบาลประสาท
เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ อ้างว่าที่ไปคุยหารือกันเพื่อหาข้อมูลไปถวายงานในหลวงฯในฐานะองคมนตรี พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ใช่เขาก็ต้องออกมาพูดในรูปนั้น และการที่นายปีย์ บอกว่ามีการประชุมครั้งเดียวก็ไม่จริง ซึ่งจริงๆแล้วประชุมกัน 4 ครั้ง และกินข้าวร่วมกันทุกครั้ง ซึ่งพล.อ.สุรยุทธ์ จะมาถึงก่อนเสมอมานั่งรอ จากนั้นก็มานั่งคุยกันที่โต๊ะกินข้าวในลักษณะกินข้าวไปคุยกันไป ตอนแรกเห็นปฏิเสธว่าไม่ได้ประชุม ก็ใช่เป็นการพูดกันไปกินกับไป เพราะการประชุมต้องมีวาระประชุม
"วันนี้ผมพยายามไม่พูดถึงใครแต่พล.อ.สุรยุทธ์ มาพูดพาดพิงถึงผมก่อน และวันนี้คุณปีย์มาพูดถึงผมทำให้ผมเสียหายจึงต้องพูดบ้างว่า คุณปีย์ คิดอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ และยังมีเรื่องอีกเยอะเกี่ยวกับตัว คุณปีย์ ที่ผมจะนำมาเปิดเผย ทุกอย่างที่เขาทำนั้นเป็นลักษณะเจ้ากี้เจ้าการเชิญ คนนั้นคนนี้ไปกินข้าว ซึ่งพล.อ.สุรยุทธ์ พูดถูกว่าไม่ได้เชิญตนไปกินข้าว แต่คุณปีย์ เป็นคนเชิญในฐานะเจ้าของบ้าน แม้แต่พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ คุณปีย์ ก็เป็นคนเชิญมา"พล.อ.พัลลภ กล่าว
ปีย์ ชี้ พัลลภ ให้ข้อมูลเท็จหวังเอาใจทักษิณ
คมชัดลึก 29 มี.ค.2552 “ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา" ยอมรับเปิดบ้านเชิญ "บิ๊กแอ้ด-อักขราทร" ถกปัญหาบ้านเมืองช่วงก่อนเหตุปฏิวัติ 19 กันยาจริง แต่คุยเรื่องตุลาการภิวัฒน์ ไม่ได้หารือวางแผนปฏิวัติตามที่ถูกกล่าวหา ยืนยัน "บิ๊กแอ้ด" พูดความจริงทุกคำ พร้อมเคลียร์ "ทักษิณ" ให้เชื่อได้ข้อมูลเท็จจาก "พัลลภ" คาดหวังเอาใจ เลขาธิการอาเซียน ชี้การชุมนุมคนเสื้อแดง อาจกระทบน้ำหนักในการต่อรองบนเวที จี 20
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2552 นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้สัมภาษณ์ระบุพร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังได้รับข้อมูลจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) ว่ามีการวางแผนปฏิวัติที่บ้านของตน
อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.พัลลภ น่าจะให้ข้อมูลที่ผิดพลาดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อหวังเอาใจ ซึ่งตนก็ไม่ทราบเจตนา แต่ยอมรับว่าในวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 ก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 5 เดือน ได้มีการนัดบรรดาเพื่อนๆ ทั้งที่เป็นองคมนตรี และตุลาการ รวมทั้ง พล.อ.พัลลภ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านจริง แต่มาคุยเรื่องตุลาการภิวัฒน์ และสถานการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้นัดหารือเพื่อวางแผนปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด เพราะไม่ได้มีการเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพมาพูดคุยด้วย นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า พล.อ.สุรยุทธ์ พูดเรื่องจริงตามที่ให้สัมภาษณ์ทุกประการ อย่างไรก็ตาม นายปีย์ไม่ ได้แนะแนวทางออกของการแก้ปัญหาบ้านเมือง หลังกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยบอกว่าคงต้องปล่อยไปตามวิถีทางของมันเอง