WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, November 7, 2011

ชัวร์หรือมั่วนิ่มกองทัพสับปูสอบตกแก้น้ำท่วม

ที่มา Thai E-News

เล่นง่าย-คมชัดลึก สื่อค่ายเนชั่น ซึ่งมีอคติอย่างโจ่งแจ้งจ้องเล่นงานรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน นำเสนอข่าว กองทัพสับ'ปู'สอบตกแก้น้ำท่วม แต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยว่าแหล่งข่าวที่ว่านี้เป็นใคร มีตัวมีตนหรือไม่ หรืออุปโลกข์สร้างกระแสตีกินฟรีๆ แต่หากมีจริงข้อโจมตีทั้ง 12 ข้อก็ถือว่า"นิ่ม" โดยจะขอแจงให้ฟังทีละข้อว่าทำไมถึงบอกว่า"นิ่ม"( อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง:กลาโหม-ทบ.ปฏิเสธข่าว กองทัพให้รัฐบาลสอบตกแก้น้ำท่วม )

โดย Pegasus
7 พฤศจิกายน 2554


"แหล่งข่าวจากกองทัพ"ซึ่งยังไม่รู้เป็นใคร? ปล่อยข่าวทำลายรัฐบาลอย่างหน้าตัวเมีย ไม่ยอมเปิดเผยชื่อให้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและปลดออกจากราชการ ผ่านทางหนังสือพิมพ์เครือข่ายอำมาตย์แห่งหนึ่ง มีใจความโดยสรุป 12 ข้อว่า นายกฯสอบตกแก้น้ำท่วม
โดยกล่าว หาว่า นายกรัฐมนตรีและศปภ.ขาดประสบการณ์การบริหาร ไม่เข้าใจการใช้เครื่องมือการบริหาร ใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ยอมใช้โฆษกที่มีความรู้เรื่องน้ำ ไม่ใช้กระทรวงมหาดไทยตั้งศูนย์ แจกของเฉพาะคนเสื้อแดง ไม่เข้าใจทิศทางน้ำ แก้ไขปัญหามุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมไม่เอาสังคมเป็นที่ตั้ง แก้ปัญหาแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดแม้แต่ศปภ.ยังต้องอพยพเหมือนประชาชน ปกปิดข้อมูล พูดเป็นภาษาราชการเกินไป รู้กันแต่ในเฟสบุ๊คส์ มีการเมืองกับกทม. สร้างตำรวจแข่งกับทหารแทนที่จะไปจับผู้ร้าย มีข้อมูลเสนอซ้ำไปซ้ำมา ไม่ยอมขุดเจาะถนน

ที่กล่าวมาครบถ้วนทั้ง 12 ข้อแบบเจาะประเด็น ส่วนภาษาวกวนประดิษฐ์ถ้อยคำจะไม่ขอยกมาให้เปลืองสายตาท่านผู้อ่าน

แหล่งข่าวระดับสูงเช่นนี้ ถ้าออกมาจากกองทัพโดยมีการเชิญผู้สื่อข่าวไปให้ข้อมูล ก็น่าจะมาจากห้าเสือคนใดคนหนึ่งในกองทัพทั้งสี่เหล่าทัพ หรืออาจจะรวมหัวกันหมดก็เป็นได้

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องแก้กฎหมายทหาร เพราะพวกนี้เป็นงูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง และชมชอบการลอบกัดเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนอื่นขอปูพื้นทวนของเก่านิดหนึ่งว่า น้ำท่วมครั้งนี้เป็นการกระทำโดยมนุษย์ทำให้เกิดขึ้น (อ่านรายละเอียด:12ปริศนาทฤษฎีสมคบคิด คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต)

แต่พวกอำมาตย์ฉลาดเป็นกรด เขารู้ว่าคนกรุงเทพฯอ่อนไหวกับความลำบาก เป้าหมายของเขาคือคนกรุงเทพฯด้วยปริมาณน้ำที่เสกมา ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาไม่ทัน

แต่เคราะห์ดีที่ต่างประเทศระดมกำลังกันเข้ามาสืบสวนหาสาเหตุ มาให้คำปรึกษา บางประเทศจะเข้ามาวางระบบชลประทานเสียใหม่จากที่มีการวางแผนอย่างไม่เป็น ระบบ และไม่มีประสิทธิภาพมานานมาก

ถึงขนาดมีเรื่องราวต้องส่งทหารออกไปฆ่าคนของเขาเสียยกลำเรือเพื่อเป็นการสั่งสอนที่กล้าเข้ามาช่วยรัฐบาล

แต่ก็แปลกหลังจากนั้น ก็ยังมีมาเรื่อยๆ และดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยจากทุกมุมโลก น่าแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ขนาดออกข่าวว่า สหรัฐถอนการช่วยเหลือ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐยังออกปากชมรัฐบาลว่า จัดการได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพจากสวิตเซอร์แลนด์ชมว่า ไทยจัดการดูและประชาชนดีเยี่ยม ทั้งๆที่ตามข่าวแล้วกระทรวงการต่างประเทศ โดยพวกข้าราชการไม่ยอมช่วยเหลือ ดูแลผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ ซึ่งยินดีมาช่วยโดยไม่คิดเงิน ไม่คิดค่าเสียเวลา

คนของเรา(อุ๊บ ขออภัย คนของอำมาตย์) เสียอีกที่ไปกีดกันเขา

เอาล่ะสรุปแล้วเหล่าอำมาตย์ตั้งเป้าคนกรุงเทพฯ เพื่ออะไร ก็เพื่อที่จะระดมคนมาขับไล่รัฐบาลหลังน้ำลด หลังจากออกอาวุธจนรัฐบาลน่วมแล้วนั้นเอง

นอกจากนั้นน้ำลดแล้วประชาชนก็จะอดอยาก ลำบาก ข้าวของแพง จะได้เป็นโอกาสก่อความวุ่นวาย และก็ทำการล้มรัฐบาลโดยตุลาการภิวัฒน์ โดยมีทหารคอยยืนกำกับ เพื่อว่าจะได้มีคนกรุงเทพฯซึ่งส่วนใหญ่ เป็นชนชั้นกลวง ไร้เดียงสาทางการเมืองให้การสนับสนุนเหมือนเช่นเคย

ทีนี้ก็คงมองเห็นแล้วว่า ทหารที่ขอกล่าวซ้ำว่า เป็นหนึ่ง หรือทั้งหมดของห้าเสือของเหล่าทัพนั้นแหละเป็นคนให้ข่าว อย่างนี้สมควรหรือยังที่จะปลดทั้งหมดเสียที

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการให้ความรู้กับฝ่ายประชาธิปไตยเรา แม้ว่าอ่านแล้วจะขยะแขยงกับแนวความคิดที่ตื้นเขินเหลือจะประมาณ แม้ว่าภายนอกจะดูดี ประดิษฐ์ถ้อยคำสละสลวยอย่างไรก็ตาม

โดยจะชี้แจงโดยตั้งหลักกันก่อนว่า นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่เป็นการลงมือทำสงครามของอำมาตย์ที่โหดร้าย เหมือนดังที่พูดกันในเว็บใต้ดินว่า เปรียบเสมือนโจโฉไม่รู้จะสู้กับลิโป้อย่างไร ก็ทำอุบายไขน้ำเข้าเมืองท่วมประชาชนตายเป็นเบือ ทำให้คนไม่พอใจ หมดกำลังต่อสู้ และทำให้ลิโป้แพ้ในที่สุด

แต่จะขอพูดไว้ตรงนี้ว่า นี่เป็นประชาชนคนไทยไม่ใช่ศัตรู คนที่ลงมือกับคนไทยด้วยกัน แล้วทหารบางส่วนยังไปรับใช้อยู่นั้น เป็นพวกตระกูลชั่วด้วยกันหมดทั้งสิ้น เสียดายจริงๆ จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางแผนชั่วนี้กันแน่ คนวางแผนนะคิดได้ยังไง ขนาดคุณประชัยฯเหลืองแท้ๆ ยังทนไม่ไหวบอกว่าอำมหิตเกิน

เอาล่ะมาตอบข้อวิจารณ์กัน

ประการแรก กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีขาดประสบการณ์การบริหาร

อันนี้ต้องขอแย้งว่า นายกฯปู บริหารองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีความเสี่ยงกับเรื่องเงินๆทองๆ ไม่ใช่ข้าราชการกินหัวคิวภาษีประชาชนแล้วมาอวดว่าตัวเองทำงานเก่ง

สองสามปีที่ผ่านมาทหารคุมอำนาจ มีใครไม่รู้ว่าโกงกินกันขนาดไหน หรือว่านายกฯขาดประสบการณ์เรื่องนี้จริงๆ ไม่รู้จักแบ่งเงิน แบ่งงบประมาณมหาศาลให้กับทหารเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ถึงมาแว้งกัดเขา

แต่แน่ล่ะเรื่องของข้าราชการ ส่วนราชการนายกฯย่อมไม่รู้ แต่ขอโทษ คนเป็นนายกรัฐมนตรี เขาปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีได้ใช่หรือไม่

ถามคำเดียว เวลาทหารจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องของกระทรวงกลาโหมต้องนำ เรื่องผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งจะมีหน้าที่กลั่นกรองว่างานของทหารนั้นๆได้ พิจารณามารอบคอบหรือไม่ ถ้าไม่ สำนักนายกรัฐมนตรีนี่เองจะให้นำเรื่องไปปรึกษากระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ก็รับเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะเล็กก่อน

ยกตัวอย่างเช่น เป็นคณะกรรมการกลั่นกรองด้านความมั่นคง มีสภาความมั่นคงเป็นเลขาฯ คณะกรรมการกลั่นกรองด้านเศรษฐกิจ มีสภาพัฒนาฯเป็นเลขา เป็นต้น

คณะรัฐมนตรีจะใช้งานส่วนราชการต่างๆตามช่องทางนี้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกระทรวงเป็นรายกระทรวง เพราะระดับนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้บูรณาการรายกระทรวงเข้าด้วยกัน จากนั้นจะแต่งตั้งใครให้ดูแลแทนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พอเข้าใจตรงนี้แล้ว ก็จะขอตอบต่อในเรื่องทำไมใช้รัฐมนตรียุติธรรม ไม่ใช้ รัฐมนตรีมหาดไทย ทำไมไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมเป็นเรื่องเดียวกัน

ก่อนอื่นขอทวนความจำสักเล็กน้อยว่า ผบ.ทบ.เป็นผู้กล่าวเองว่า ไม่อยากให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะไม่ได้ไปยิงน้ำอะไรทำนองนี้

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกับ ทบ.ก่อนว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นอำนาจไม่ได้อยู่ที่ทหาร แต่เป็นการให้ทหารไปช่วยฝ่ายพลเรือนปฏิบัติงานหากเกิดภาวะไม่ปกติขึ้นมา แต่ยังไม่เกิดสงคราม พอเกิดภาวะสงครามก็จะใช้กฎอัยการศึก ข้าราชการพลเรือนชุดเดิมก็จะกลับมาเป็นผู้ช่วยทหาร

ดังนั้นแท้จริงแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจสูงสุดยังอยู่ที่ฝ่ายพลเรือนและตำรวจ ว่ากันตรงนี้ในแง่กฎหมายให้ชัดก่อน แต่ที่ทหารมายิงอะไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้ายิงตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีอำนาจเท่าพนักงานตำรวจไม่เกินไปกว่านี้

หมายถึงยิงคนมีอาวุธที่เบากว่าไม่ไ ด้เช่นเห็นคนมีหนังสะตี๊ก แล้วเอาสไนเปอร์ติดกล้องยิงระยะไกลอย่างนี้เข้าคุกเรียบ แม้แต่กฎอัยการศึกก็ยิงพลเรือนปราศจากอาวุธไม่ได้อยู่ดีเข้าคุกเช่นกัน

คงพอจำกันได้ว่าพอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใครเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องหน่วยงานที่บูรณาการด้านความมั่นคงคือ สำนักงานเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ กำลังมีการเปลี่ยนตัว คนเก่าไม่ยอมไป คนใหม่ยังไม่มา จนกว่าจะตุลาคมแล้ว ยังต้องรอโปรดเกล้าฯอีกหลายวัน ถามว่าเวลานั้นน้ำท่วมมันรอหรือไม่

เช่นเดียวกับกรณีกระทรวงมหาดไทย ที่จริงแล้วรัฐบาลสามารถประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยใช้กรมบรรเทาสาธาณภัย โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติงาน และมีอำนาจสั่งผู้ว่าฯทั้งประเทศ เอาทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน

ก็เข้าประเด็นเดียวกันคือ คนเก่าเพิ่งไปคนใหม่ยังไม่มา รัฐบาลยังกล้ำกลืน ไม่ใช่ พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นการรวมศูนย์อำนาจเหมือน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

แทบไม่ต่างอะไรกันเลย เพียงแต่เป็นเหตุการณ์เฉพาะภัยธรรมชาติแยกออกมาเท่านั้น จนกระทั่งนายพระนาย สุวรรณรัตน์ ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นปลัดกระทรวง มีคนทำงานแล้วนั้นแหละถึงได้มีการมอบอำนาจให้ไปคุมกทม.เจ้าปัญหา

คำถามอาจจะมีว่า ก็ใช้พวกรองๆ ทั้งสองหน่วยงานไปก่อนไม่ได้หรือ ตอบว่าไม่ว่าจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯหรือ พ.ร.บ.บรรเทาฯก็ตามที อย่างที่ทหารวิจารณ์มา แต่ก็ต้องถามก่อนว่า แล้วคนที่เหลืออยู่เป็นคนของใคร แล้วฝ่ายอำมาตย์เองใช่หรือไม่ ไม่ยอมให้มีการโยกย้ายคนด้านความมั่นคงเลย รวมถึงทหารด้วย

ดังนั้นทั้งสำนักงานเลขาฯสภาความมั่นคงฯ ทั้งมหาดไทยมีแต่สมุนของอำมาตย์ยั้วเยี้ยไปหมด ดังที่เกิดเหตุมีข้าราชการระดับสูงของบางหน่วยงานลงมือใช้รถแทรคเตอร์ไปพัง พนังกั้นน้ำด้วยตัวเอง จนต้องรีบย้ายออกจากตำแหน่งแทบไม่ทันเป็นต้น

สุดท้ายก็ต้องมาตอบคำถามว่า ทำไมไม่เลือก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คำตอบตอนนี้ก็คงพอมองเห็นแล้ว คนใหม่ของสำนักฯสภาความมั่นคงฯก็เป็นคนของอำมาตย์ส่งตรงมาโดยเฉพาะ นี่ตอบกันตรงๆไม่อ้อมค้อม

ถ้าให้อำนาจไปแล้ว เอาแค่ทหารแกล้งไปยิง หรือไปพังบ้านประชาชนโดยอ้างว่า เปิดทางน้ำ ฯลฯ อะไรสักอย่าง รัฐบาลก็พังแล้ว

ขนาดไม่ให้มายุ่ง ให้ช่วยรับส่งประชาชนอย่างเดียว นอกจากจะมาน้อยแล้วยังกินเบี้ยเลี้ยงแพงมากๆ สองร้อยกว่าบาท แต่เสนอจำนวนมาห้าหมื่นคน

เทียบกับคุณยาย คุณย่า ที่อดน้ำอยู่ตามบ้านไม่มีจะกินแล้วต่างกันลิบ ไม่รู้จะรวยกันไปถึงไหน แถมยังมีการแอบมาทำภารกิจลับตอนตีสอง ตีสามกันอีก หรือว่าไม่จริงรู้อยู่แก่ใจ

จากเหตุผลนี้ขอถามกลับ เอาเรื่องทหารนี่แหละ สมมติว่า มีนายทหารยศนายพลตรีคนหนึ่ง จบแค่มัธยมไต่เต้ามาจากชั้นประทวน ได้ดีเพราะเจ้านายไว้ใจ วันดีคืนดีเจ้านายเป็นผบ.ทบ. ก็เลยตั้งมาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบระดับกองพล เพื่อตอบแท นและเพื่อให้เป็นคนของตัว พอเกิดสงครามจริง ถามทีเถอะ แม่ทัพที่คุมจะกล้าสั่งไปทำงานหรือเปล่า

ถ้าเปรียบเทียบว่าอำมาตย์ส่งคนของตัวมา รัฐบาลก็ไม่กล้าใช้งานหรอก ฉันใด ก็ฉันนั้น

สำหรับในกรณีที่วิจารณ์ว่าทำไมใช้กระทรวงยุติธรรมไม่ใช้กระทรวงมหาดไทย อันนี้ขอตอบว่า ทหารระดับสูงท่านนี้ หรือกลุ่มนี้คงไม่เข้าใจในระบบราชการ โดยเฉพาะระบบบริหารงานในระบบคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ว่ารัฐบาลมีหน้าที่บูรณาการทำงานร่วมกันไม่ใช่รายกระทรวง

คำถามต้องไม่ใช่ว่า รัฐมนตรียุติธรรม หรือ รัฐมนตรีมหาดไทย แต่ต้องถามว่า ทำไมไม่ใช้รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านกระทรวงมหาดไทย ที่มีกรมบรรเทาสาธารณภัยในหน่วยงาน นั่นคือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ คำตอบก็จะกลับมาเหมือนเดิม คือยังไม่ได้แต่งตั้งปลัดกระทวงคนใหม่ อีกทั้ง”เวลาและวารี มิเคยมีจะรอใคร”

จะให้รองนายกฯ พล.ต.อ.โกวิทฯคุมหรือ ก็ได้แต่ด้านทหาร ไม่ได้กระทรวงมหาดไทยที่ควรเป็นเจ้าภาพหลัก ความเชี่ยวชาญเรื่องของฝ่ายพลเรือนไม่มากพอ

รองนายกฯสารวัตรเฉลิมฯ ก็ได้แต่ตำรวจ รองนายกฯที่เหลือที่ยังมีเจ้าหน้าที่เพียงพอเริ่มงานก่อนก็ตกมาที่กระทรวงยุติธรรม

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ก็มีส่วนราชการมารับผิดชอบร่วมกันตั้งแต่ต้น รอจนแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้วนั่นแหละจึงขยับขยายได้มากขึ้น

ส่วนเรื่องอำนาจหน้าที่นั้น นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีท่านใดก็ได้เป็นผู้กำกับราชการแทน เพียงแต่ว่าจะให้ท่านยงยุทธฯ ทำงานตั้งแต่ยังไม่มีปลัดกระทรวงนั้นก็กลับจะทำให้งานล่าช้า เพราะตอนนั้นฝ่ายอำมาตย์ก็ยังลุ้นคนของตัวอยู่เช่นกัน

ภาพการบริหารงาน ณ ต้นตุลาคมยังไม่ชัดเจนเช่นนั้น สรุปแค่นี้คงพอตอบข้อสงสัยของฝ่ายประชาธิปไตยได้ ส่วนที่เป็นสมุนเผด็จการก็ว่าไป หน้าที่เราคือชิงมวลช นโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯและปริมณฑลให้ตาสว่างในเรื่องนี้ให้ได้เท่านั้น

ต่อไปเรื่องไม่ยอมใช้โฆษกที่รู้เรื่องน้ำ นี่ก็เป็นอีกกับดักหนึ่งของระบอบอำมาตย์ชั่ว

ที่จริงรัฐบาลก็พยายามใช้กรมชลประทานอยู่แล้ว แต่ในที่สุดก็ต้องให้คนอื่นมาคุมแทนอธิบดีกรมชลประทานฯ

ตรงนี้ไม่อยากพูดมากเพราะยังไม่แน่ชัด แต่ขอถามหน่อยว่าจะให้คนรู้เรื่องน้ำมาเป็นโฆษก แล้วเริ่มต้นจากการรายงานเท็จกับรัฐบาลว่า น้ำเหนือมีแค่ 4 พันล้านคิว แต่พอกระทรวงวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลมายันว่าจริงๆมาถึง 2 หมื่นล้านคิว ก็แทบทำอะไรไม่ทันแล้ว และนั่นคือผู้รู้เรื่องน้ำโดยอำนาจ และรู้จริงๆแน่นอน แต่จะพูดจริงหรือไม่อีกเรื่อง

อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหา ก็มีรองอธิบดีกรมชลประทานดำเนินการแทนอธิบดีฯ ย่อมรู้เรื่องน้ำแน่นอน ก็เป็นผู้ให้ข่าวอยู่ตามระยะเวลา เช่นกัน

ปัญหาคือโฆษกผู้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนที่ต้องรับความจริงว่า ยังอ่อนประสบการณ์ จุดนี้ไม่เถียง แต่โฆษกไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องน้ำ เพียงแต่ต้องขยันหาข้อมูล และรู้ให้ทันสถานการณ์เท่านั้น

ทีนี้ใครที่รู้เรื่องน้ำนอกเหนือจาก รองอธิบดีกรมชลประทาน ก็ต้องเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ทุกคนก็ต้องไปทำงานหนักกันทั้งนั้น หรือว่าทหารอยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ชอบออกสื่อ ทำเป็นรู้เรื่องน้ำ ชอบปรากฏตัว

อย่างนี้ถ้าสมมติเป็นคนของอำมาตย์ ออกมาแสดงตัวเพื่อเข้ามาพลิกสถานการณ์ต่างๆจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ หรือว่านั่นจะเข้าแผนที่เพียรพยายามทำแต่รัฐบาลไม่ตกหลุม

ตั้งแต่มาบอกว่า อย่าไปกั้นอะไรให้น้ำผ่าน กทม. จะได้เข้าแผนหรืออย่างไร จริงอยู่ เราไม่สามารถกั้นน้ำได้ เพราะ กทม.ไม่ยอมระบายน้ำตั้งแต่แรก อันนี้รวมถึงกรมชลประทานด้วย เช่น ต่างก็ขาดเครื่องสูบน้ำจำนวนมาก ทั้งๆที่มีเวลา และเห็นปัญหาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ก็ไม่ยอมช่วยประชาชน

แต่ถ้าปล่อยน้ำผ่าน กทม. โดย กทม.มีการวางแผนให้น้ำไม่ไหล ให้วนแต่ใน กทม.ล่ะ ก็จะกลายเป็นความผิดรัฐบาลใช่หรือไม่

เพราะ กทม.ออกมาเล่นละครว่า ไม่ยอมให้ผ่าน รัฐบาลบังคับให้ผ่าน จำได้ใช่หรือไม่ แท้จริงแล้วการให้น้ำผ่านนั้นถ้ารีบ เร่งระบายน้ำตั้งแต่แรกน้ำที่จะมาสะสมจนมีอำนาจทำลายล้างคันกั้นน้ำก็จะไม่ เกิดขึ้น การพังของคันกั้นน้ำต่างๆจะไม่มี

แต่การเล่นการเมือง การถ่วงเวลา ทั้งหมดทำเพื่อรอมวลน้ำเข้ามาสะสมก็เท่านั้น โชคดีที่รัฐบาลแก้ปัญหาได้โดยใช้บิ๊กแบ๊ก แม้ว่าจะช้าเพราะเพิ่งคิดกัน แต่ก็ทำให้กทม.ไม่มีสิทธิมีข้ออ้างได้อีกนอกจากรีบระบายน้ำ

ทีนี้คำถามก็กลับไปอีกว่า กทม.ที่แทบไม่ได้เตรียมอะไรระบายน้ำเลย จะมีความสามารถแค่ไหนในการระบายน้ำ แต่ที่ควรจะย้อนถามไปยังเหล่าทหารระดับสูงนั้นเองว่า ผู้ให้ข่าวเรื่องน้ำท่วมของกรุงเทพมหานครนั้นคือใคร ทำไมไม่เอาผู้รู้เรื่องน้ำมาพูด ทำไมเอาหม่อมฯที่จบอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่วิศวกรรมแน่พูดเรื่องน้ำเป็นวรรค เป็นเวร

หรือว่าเป็นพวกเดียวกันเลยไม่พูดถึง ช่วยพยายามสร้างมาตรฐานเดียวกันหน่อย

เรื่องแจกของเฉพาะคนเสื้อแดงนี่ ใส่ร้าย ป้ายสี เหมือนพรรคการเมืองเกินไป

ถามนิดหนึ่ง จริงหรือไม่และรู้อยู่แก่ใจว่าของที่แจกจ่ายโดย ศปภ. ในช่วงแรกนั้น ทหารไม่ยอมเอาไปแจกโดยอ้างว่า เข้าไม่ถึงพื้นที่ แต่แล้วก็ดอดไปทำการตกลงลับๆกับบางสถานีโทรทัศน์ ส่งทหารไปร่วมแจกออกสื่อเอาหน้า โดยมีการสั่งลับๆว่า “งานนี้เราต้องเป็นพระเอก”

ถึงขนาดบางส่วนราชการเองก็รู้สึกน้อยใจว่า ทำแต่งานแต่ไม่มีข่าว บางหน่วยงานไม่ค่อยได้ทำแต่มีข่าวทุกวัน อันนี้เป็นไปตามแผนใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตามเรื่องแจกแต่เสื้อแดงนี้ ก็ได้มีการเคลียร์กันชัดไปแล้วว่าไม่ใช่ และเพื่อตัดปัญหาการใส่ร้ายป้ายสี กลุ่มเสื้อแดงก็ตั้งจุดรับบริจาคแยกกันไปแล้ว ไม่ขอพึ่งรัฐบาลเป็นจุดเก็บของอีกต่อไป

ขอแถมเรื่องที่ว่าย้ายศูนย์ฯแล้วทิ้งเสื้อไว้เป็นกองไม่ยอมแจก ที่จริงแล้วผู้ปฏิบัติงานบอกเองว่าทหารนั้นแหละเป็นคนไม่ขนไป ขนแต่ชิ้นดีๆไปต่างหาก

เรื่องไม่เข้าใจทิศทางน้ำของ ศปภ. ถ้าพูดอย่างนั้น ก็ต้องหมายความว่า การบริหารจัดการลุ่มน้ำของกรมชลประทานที่เป็นเจ้าหน้าที่หลักใน ศปภ.นั้นไม่ได้เรื่องแน่ ต้องให้ทหารมาจัดการคุมเขื่อน คุมการระบายน้ำแทนใช่หรือไม่ เพราะถ้าตัวเองบอกว่า คนอื่นไม่รู้เรื่องอะไร ก็แสดงว่าตัวเองต้องรู้มากกว่าคนนั้นจริงหรือไม่

ถามแค่นี้แหละตอบได้หรือไม่

ข้อกล่าวหาว่าการแก้ไขปัญหามุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมไม่สนใจด้านสังคม ก่อนอื่นขอถามว่า กองทัพบกส่งกำลังไปคุ้มครองเขตอุตสาหกรรมบางชันใช่หรือไม่ ถ้าเราไม่ควรสนใจเขตอุตสาหกรรมแล้วไปทำไม

เรื่องนี้แน่ใจว่าศปภ.ไม่ได้สั่งแน่ ตอบคำถามเรื่องนี้ก่อนให้ได้เถอะนะ แล้วช่วยอธิบายคำว่า สังคมหน่อยว่าแปลว่าอะไร

ส่วนตัวแล้วคำว่าสังคม หมายถึงเรื่องของกลุ่มบุคคล มิติทางสังคมคือมิติของกลุ่มบุคคล ถามว่า รัฐบาลจัดตั้งสถานที่พักพิงซึ่งได้รับคำชมจากต่างประเทศหรือไม่ รัฐบาลระดมภาคประชาชนและจิตอาสาอย่างไม่เคยมีมาก่อนใช่หรือไม่ นี่ไม่ใช่มิติทางสังคมละหรือ หรือว่าทหารมีนิยามตัวอื่น หรือว่าสักแต่พูดลอยๆ ให้ดูสวยๆไปอย่างนั้นเอง

ที่สำคัญถ้าละเลยภาคอุตสาหกรรม การตกงานจะตามมานับเป็นล้านๆคน และนี่คือที่มาของปัญหาสังคมขนาดใหญ่ ที่ฝ่ายอำมาตย์ต่างหากพยายามสร้างความลำเค็ญ และจลาจลขึ้นในประเทศไทยอย่างโหดเหี้ยมทารุณ โดยมีทหารบางส่วนยอมลดตัวจากความเป็นมนุษย์ลงไปรับใช้

ข้อกล่าวหาที่ว่าแก้ปัญหาแบบ แก้ผ้าเอาหน้ารอด แม้ศปภ.ยังต้องอพยพเหมือนประชาชน คำตอบนี้ง่ายๆ ถ้าไม่มีมือมืดดอดไปตอนตีสอง ตีสามเพื่อไปพังประตูน้ำคลองสาม น้ำเหนือก็จะไม่ทะลุมาที่ดอนเมือง ศปภ.ซึ่งเลือกที่ตั้งดีแล้วก็จะไม่ต้องอพยพมาให้เหล่าสมุนอำมาตย์ต้องมาเยาะ เย้ย

จุดนี้ต่างหากต้องเรียกร้องให้ประชาชนให้เห็นถึงความเหี้ยมโหด ชั่วร้ายของระบอบเผด็จการซ่อนรูป ที่สั่งการระบบราชการไทยได้ทั้งระบบจนทำร้ายประชาชนได้ถึงขนาดนี้ สมควรที่ประชาชนจะต้องทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก 2475 ให้สำเร็จสมบูรณ์กันเสียทีต่างหากเล่า

ข้อกล่าวหาเรื่องการปกปิดข้อมูล พูดภาษาราชการเกินไป กล่าวซ้ำไปมา

อันนี้ต้องยอมรับว่า ในช่วงต้นนั้นเนื่องจากคนของฝ่ายอำมาตย์แฝงตัวอยู่ใน ศปภ. ข้อมูลต่างๆ ขัดแย้ง ไม่ตรงกันไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างกรมชลประทานที่รับผิดชอบเรื่องน้ำกับกระทรวงวิทยา ศาสตร์ที่มีภาพถ่ายดาวเทียมทำให้เกิดความสับสน งุนงง จนในที่สุดหลังจากรู้ชัดว่า ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู หลังโยกย้ายข้าราชการฝ่ายอำมาตย์จำนวนมากอย่างเงียบๆแล้ว หลังจากนั้นการทำงานก็เป็นปกติ

ข้อมูลก็ออกมาตรงกับความจริงที่ควรจะเป็น ขอบคุณสำหรับผู้ที่เป็นนักวิชาการจริงๆ พูดเรื่องจริงจำนวนหนึ่งที่ให้ข้อมูลโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น

ต้องเข้าใจว่านี่เป็นการทำสงคราม ไม่ใช่เรื่องการช่วยเหลือประชาชนตามปกติ

ส่วนการใช้ภาษาราชการเกินไป พูดซ้ำไปมา ก็หวังว่าจะไม่ได้ต้องการให้ราชการ มาใช้ภาษาจำอวดหรือตลกกันหรอกนะ

หน้าที่ของการขยายความคือผู้สื่อข่าวทั้งหลาย หรือผู้จัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ ต้องทำความเข้าใจแล้วสื่อขยายความไป

ที่คนในเฟสบุ๊คส์เขารู้กันมาก เพราะเป็นภาคประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ตามทันข้อมูลเขาก็จะแชร์ความรู้กัน คิดกันเองได้ ถ้าจะถามก็ต้องถามว่าวิทยุทหารมีมากกว่าคนอื่นเขา มากที่สุดในประเทศไทย สมควรไหมที่จะนำข้อมูลของ ศปภ.มาขยายความให้ประชาชนเข้าใจและช่วยกันฟันฝ่าภัยพิบัติจากมนุษย์ชั่วนี้ ไป มากกว่าเชิญแต่นักวิชาเกินที่เล่นการเมืองมาพูดจาให้ร้ายรัฐบาลไม่จบสิ้น หรือไม่จริง

ส่วนการใช้ภาษาราชการ เช่น สูงสามเมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งคนฟังไม่รู้เรื่อง เพราะแต่ละพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เท่ากันต้องไปตีความอีกครั้ง หนึ่ง แม้ว่าจะดูยุ่งยาก แต่จะทำให้แต่ละส่วนราชการที่รู้เรื่องอยู่แล้ว สามารถบริหารจัดการน้ำได้ทันทีโดยมีจุดอ้างอิง

เปรียบเทียบเหมือนกับที่ว่า วันนี้พระอาทิตย์ตกเมื่อเวลากี่นาฬิกาที่แหลมพรหมเทพ พวกเราก็ต้องนึกเปรียบเทียบเอาว่า ถ้าอยู่ระยองพระอาทิตย์น่าจะตกก่อน เป็นต้น

เรื่องแบบนี้หยุมหยิมเกินกว่าจะมาพูดกัน หวังว่าจะเข้าใจ ส่วนการกล่าวซ้ำไปมา ก็เพื่อย้ำให้ผู้ที่ตามข่าวไม่ทันได้รับทราบ

เหมือนตอนทหารจะยึดอำนาจในตอนพูดคำประกาศของคณะรัฐประหารไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไร จะมีคำว่า “โปรดฟังอีกครั้ง” มิใช่หรือ

ส่วนเรื่องการมีการเมืองกับ กทม.นั้น ขอให้เพียงเปลี่ยนภาษาหน่อยว่า กทม.มีการเมืองกับ ศปภ. ก็จะถูกต้องแล้ว สาเหตุเพราะอะไรคงไม่ต้องอธิบายให้เปลืองหมึก

สร้างตำรวจมาช่วยประชาชนแข่งกับทหารทำไมไม่ไปจับผู้ร้าย อันนี้ขำกลิ้ง

ถ้าตำรวจถามกลับมาว่า หน้าที่ตำรวจคือพิทักษ์สันติราษฎร์ ถามว่าตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจะให้นิ่งนอนใจได้อย่างไร จะปล่อยเป็นหน้าที่มหาดไทยอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ใครทำอะไรได้ก็ทำ ตำรวจมีเครื่องมือ เครื่องไม้น้อยกว่าทหารเยอะ ส่วนมากใช้การชักชวนภาคเอกชนมาร่วมเช่นมีรถบิ๊กฟูต มารับส่ง มีเจ๊ทสกีที่เคยช่วยเองแต่ถูกพวกเรือรับจ้างขูดรีดประชาชนไล่ยิงก็กลับมา ช่วย ฯลฯ

แล้วหน้าที่ทหารล่ะ หน้าที่หลักน่ะอยู่ตามชายแดนไม่ใช่หรือ แล้วมายุ่งอะไรกับการออกทีวี ทั้งๆที่ส่งคนมาช่วยน้อยกว่า ตอนปราบเสื้อแดงเสียอีกหรือว่าเบี้ยเลี้ยงน้อยกว่าได้สองร้อยกว่า แต่ตอนปราบเสื้อแดงได้พิเศษวันละสี่ร้อยกว่า กินกันอ้วนท้วน มีการถอยรถใหม่กันถ้วนหน้า

ถ้าถามอย่างนี้ ก็ขอให้กลับไปอยู่ชายแดนกับสามจังหวัดภาคใต้นั่นเลย ณ เวลานี้ใครช่วยใครได้ ต้องออกมาช่วยทั้งนั้น บางคนขับรถ ขับเรือด้วยจิตอาสาช่วยคนโดยไม่คิดเงิน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง เขาไม่เห็นบ่นว่าใครจะมาแย่งซีนเลย

เรื่องสุดท้ายคือไม่ยอมขุดเจาะถนน อันนี้ตอบแทน ศปภ.ได้เลยว่า ไม่นานคงเห็นถนนพระราม 2 ถูกเจาะเป็นทางระบายน้ำเพราะเห็นเคลียร์ถนนอีกเส้นไว้รองรับแล้ว

ต้องเข้าใจการทำงานที่มองภาพรวม มองอะไรเป็นระบบ เป็นยุทธศาสตร์ไว้ด้วย อย่ามองเฉพาะเรื่องหยุมหยิม เล็กๆน้อยๆใกล้ๆตัวและเห็นแก่ตัว ในภาวะอย่างนี้มันเกินไป

ขอส่งท้ายให้รัฐบาลเร่งทำการเผยแพร่ข้อกฎหมายธรรมนูญกรุงโรม จากนั้นใช้มติคณะรัฐมนตรีแถลงรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ จากนั้นแก้ไขกฎหมายทหาร และองค์กรอิสระต่างๆตามได้แล้ว อย่าเสียเวลาไปกว่านี้อีก

ฝ่ายอำมาตย์ออกอาวุธ ถึงขนาดสังหารประชาชนไปเกือบห้าร้อยราย สิ้นเนื้อประดาตัวเป็นล้านๆคนอย่างนี้แล้ว รัฐบาลยังจะยอมกันไปถึงไหนกัน

ไม่รักประชาชนหรือ
****************

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:

กลาโหม-ทบ.ปฏิเสธข่าว กองทัพให้รัฐบาลสอบตกแก้น้ำท่วม

เครือเนชั่น รายงานข่าวเมื่อ 19.29 น.วัีนนี้ว่า พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักเสนอข่าวว่า กองทัพไม่พอใจการทำงานของนายกรัฐมนตรีนั้น กระทรวงกลาโหม ขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลด้านการข่าวของกองทัพไม่ปรากฏพบว่ามีกำลังพลหรือกลุ่ม บุคคลใดของกองทัพได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว เพราะที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม โดย กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็ม กำลังความสามารถ ภายใต้การมอบนโยบายของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวอาจเป็นความไม่หวังดีของบุคคลที่ต้องการสร้าง ความแตกแยกในการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพกับรัฐบาล รวมทั้งอาจทำให้เกิดความหวาดระแวงจนทำให้การทำงานขาดเอกภาพและไม่มี ประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันว่ายังคงปฏิบัติงานเป็นกลไกของรัฐบาล รวมทั้งให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของประชาชน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(นขต.ทบ.) ว่า กรณีที่มีการเสนอข่าวว่า กองทัพมีการประเมินผลงานการแก้ไขน้ำท่วมของรัฐบาลว่า สอบตกนั้น สิ่งที่ออกมาทางสื่อ กองทัพบกยืนยันว่า ไม่ได้มีการหารือ หรือพูดถึง วิเคราะห์วิจารณ์ตามที่สื่อนำเสนอ อย่างไรก็ตามการนำเสนออะไรที่เป็นบทวิเคราะห์ แหล่งที่มาของการอ้างอิงควรเป็นแหล่งที่มาชัดเจน อ้างอิงได้ว่าเป็นความคิดเห็นของใคร

แต่ถ้าเป็นการอ้างแหล่งข่าว และอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน ซึ่งเป็นองค์กรของกองทัพ ในข้อเท็จจริง กองทัพไม่ได้วิเคราะห์วิจารณ์เช่นนั้น การนำเสนอข่าวเช่นนี้ทำให้ประชาชนเข้าใจกองทัพผิด ปัจจุบันการทำงานของรัฐบาลและทุกภาคส่วน และกองทัพมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความเดือดร้อน ซึ่งต้องร่วมมือกัน ดังนั้นอะไรที่ทำให้เกิดการบิดเบือนหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอ กองทัพกับรัฐบาลทำงานใกล้ชิดกันการทำงานทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการบริหารประสานงานทำตามขั้นตอน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่น่าทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันเพราะเป็นการนำเสนอเชิง วิเคราะห์จากแหล่งข่าวที่ไหนก็ไม่รู้ ขอให้วิเคราะห์ข้อมูล น้ำหนักความน่าเชื่อถือจากแหล่งข่าว รวมถึงการใช้วิจารณญาณเพราะไม่ใช่ข้อมูลจากกองทัพ

"ยุทธศักดิ์" เผย "ประยุทธ์" โทร.เคลียร์ปัดวิจารณ์ "ยิ่งลักษณ์" สอบตกแก้น้ำท่วม-ไม่เคยได้ยินปรับ ครม.

ขณะที่มติชนออนไลน์ รายงาน ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวที่ระบุกองทัพออกมาวิจารณ์และให้คะแนนสอบตกการแก้ไขน้ำ ท่วมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าทราบเรื่องนี้จากสื่อบางฉบับในช่วงสายของวันนี้ (7 พ.ย.) จึงได้โทรศัพท์หา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าวแต่ไม่รับสายเพราะติดประชุม หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.)

แต่ พล.อ.ประยุทธ์โทร.กลับมายืนยันว่า เหล่าทัพไม่ได้มีการประชุมและให้คะแนนการทำงานต่อนายกรัฐมนตรีเหมือนที่เป็น ข่าวออกมา ยืนยันกองทัพพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความคิดเห็นของนายทหารบางคนเท่านั้น ส่วนการที่ผู้นำประเทศร้องไห้จากข่าวการวิจารณ์ของกองทัพยิ่งทำให้ประชาชน เสียขวัญหรือไม่นั้น คงเป็นความจริงใจ เวลามีความจริงใจอะไรก็แสดงออกมา

เมื่อถามว่า กองทัพวิเคราะห์ผลงานแก้ไขน้ำท่วมของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า กองทัพไม่ได้วิเคราะห์อะไรออกมา เราให้กองทัพวิเคราะห์การทำงานของกองทัพเพื่อเป็นบทเรียนในการแก้ปัญหาของ เรา แต่เราไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงการทำงานของรัฐบาล ตนคุยกับ ผบ.ทบ.แค่เรื่องการทำงานร่วมกัน การประสานงานกัน

ทั้งนี้เรามองว่า นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังกับนิคมบางชัน เป็นนิคม 2 อันสุดท้าย ซึ่งเรารักษามาตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี แต่ไม่สามารถรักษาป้อมค่ายต่างๆ เหล่านี้ได้ จึงเหลือพื้นที่สำคัญอีก 2 ที่ที่เราต้องรักษาไว้ให้ได้ เพราะถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้นจะเสียชื่อรัฐบาล และเสียชื่อเราด้วย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม ตนตอบไม่ได้ คิดว่ารัฐบาลพยายามอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะหัวหน้ารัฐบาล ท่านได้เสียสละทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตนยืนยันว่า ท่านทุ่มเทมาก และเห็นการทำงานว่า ทำอย่างเต็มที่ ส่วนที่มีข่าวโจมตีท่านบางอย่างจากผู้ไม่หวังดีก็ต้องดูว่าข่าวมาจากไหน ยืนยันว่า กองทัพสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มกำลังเพื่อความสุขความอยู่รอดของ ประชาชน ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันให้มีการปรับ ครม.นั้น ตนไม่ทราบจริงๆ และตอบไม่ได้