WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, April 3, 2008

อย่าท้ารวมพล

ถ้าหากยุบพรรคไป หมายความว่าที่ยืนหรือแม้แต่ห่วงชูชีพที่จะเกาะเอาไว้เพื่อพยุงตนเองไม่ให้จมของคนเหล่านี้จะหมดไปในทันที พร้อมกับสิทธิทางการเมืองของคนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศด้วย
การเมืองทั้งระบบในขณะนี้ดูจะย่นย่อมารวมศูนย์อยู่ที่การหยุดพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย หรือไม่เป็นสำคัญ
โดยเฉพาะในกรณีของพรรคพลังประชาชนนั้นออกจะเป็นความเข้มข้นอย่างเอกอุชนิดที่ทุกคนในประเทศและหลายประเทศทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยใจเต้นระทึก
ขณะนี้ต้องวิเคราะห์สถานการณ์กันว่าการจะยุบพรรคหรือไม่ ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าถ้าเดินหน้ายุบพรรคกันต่อไปตามใบสั่งของมือที่มองไม่เห็นกันจริงๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้
ที่จะวิเคราะห์ต่อไปนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะขู่เข็ญกัน แต่เป็นการบอกว่าเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองมันครบวงจรคือ เกิดการโจมตีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นำไปสู่บรรยากาศและเงื่อนไขของการรัฐประหาร มีรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง มีรัฐสภาที่มาจากคณะรัฐประหาร และมีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ก็คือ ความถดถอยตกต่ำของประเทศชาติในช่วงเวลาทั้งหมดนั้น
เมื่อทุกคนบอกว่าพอคือพอ และเดินหน้ามาถึงขั้นที่ฟื้นพรรคเดิมที่เขารักกลับคืนมาใหม่ จนพรรคดังกล่าวได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เขาก็มีความคาดหวังว่าการครบวงจรนี้จะทำให้มือที่มองไม่เห็นหรือเท้าที่เข้ามายุ่งทั้งหลายนั้นค่อยรามือหรือว่าราข้อไป เพราะยอมรับว่าประชาชนก็มีความแน่วแน่มั่นคงไม่แพ้กัน
แต่เมื่อยังเดินหน้ากันไป อ้างกฎหมายและข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และจะบดขยี้ถึงขั้นรุกฆาตกันให้ได้อย่างนี้ ก็ทำให้ประชาชนจำนวนมากของประเทศมีความรู้สึกว่าในเมื่อไม่สามารถจะพึ่งพาอาศัยกันได้ ก็รื้อมันทั้งหมดก็แล้วกัน
ความคิดอย่างนี้กำลังแผ่ซ่านไปทั่วประเทศอย่างน่าสนใจ ชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ ซึ่งวันๆก็เจอแต่พวกตัวเองในชนชั้นเดียวกัน อย่านึกว่าตัวมีมากนะครับ เมื่อเทียบกับประชาชนทั่วประเทศแล้วก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้นเอง
ถ้าจะระดมพลกันจริงๆแล้วก็ขอให้คิดอยู่บนฐานของความจริงสักทีว่า พลังของใครจะสามารถครอบงำประเทศนี้ได้
ภาษาแบบนี้คนไทยไม่ค่อยได้พูดกัน เพราะมีความรู้สึกว่าเราเจรจากันได้ เราคุยนอกรอบกันได้ เราใช้ภาษามิตรภาพกันได้ แต่มาถึงบัดนี้ดูเหมือนว่าหลายคนพร้อมจะใช้ภาษาดังกล่าวนั้นเพราะมันสื่อความในใจได้ดีกว่า
น่าแปลกใจเหลือเกินว่าเรายอมให้ประเทศชาติมาถึงจุดอับจนนี้ได้อย่างไรกัน
การยุบพรรคหรือไม่ในขณะนี้จึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญ ถ้าหากไม่ยุบพรรค ข้อกล่าวหาต่างๆต่อตัวบุคคลอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการประชาธิปไตย ก็ยังเดินหน้าต่อไปถึงโรงศาล ไม่ได้หมดสภาพไปเมื่อไหร่
แต่ถ้าหากยุบพรรคไป หมายความว่าที่ยืนหรือแม้แต่ห่วงชูชีพที่จะเกาะเอาไว้เพื่อพยุงตนเองไม่ให้จมของคนเหล่านี้จะหมดไปในทันที พร้อมกับสิทธิทางการเมืองของคนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศด้วย
ไม่มีใครจะน่ากลัวยิ่งไปกว่าคนที่จนตรอกและหมดทางสู้ ก็ถูกรุกเข้าซอกเข้าซอยอย่างไม่ควรจะเป็น
เอาล่ะครับเวลายังพอมี ตั้งสติรวบรวมความกล้าหาญของตนเอง และผลักส่วนที่ผิดพลาดออกไปจากกระบวนการทางการเมือง และย้อนกลับมาใช้ครรลองประชาธิปไตยโดยตรงจะดีกว่า
พูดมาอย่างนี้ก็ถือว่าชัดพอแล้วนะครับ หวังว่าจะสื่อความกันได้บ้างในยามที่อวิชชากำลังมารอจ่ออยู่หน้าบ้านอย่างนี้
สงสารประเทศชาติครับ.

/////////////////////////////

คอลัมน์: เลือกคบ ไม่เลือกข้าง...

จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันที่ 2/04/2551