หลังจากที่ประชาชนจำนวนมาก เริ่มรู้สึกผ่อนคลายกับการเมืองไทย หลังเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม ปีที่แล้ว และรู้สึกสบายใจที่การเมืองไทย กลับคืนมาสู่เส้นทางปกติเสียที แต่การชุมนุมของพันธมิตรเมื่อวานนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าสถานการณ์สู้รบทางการเมืองกลับมาอีกครั้งหนึ่ง การต่อสู้ทางการเมืองเริ่มขึ้นอีกแล้ว และบรรยากาศการเผชิญหน้าจะกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับการหมุนกลับไปเหมือนปีที่ผ่านมาอย่างไงอย่างงั้น แต่สิ่งที่ผมมั่นใจครั้งนี้คือ การเผชิญหน้าจะถึงขั้นแตกหัก ไม่มีใครยอมใครอีกแล้ว และอารมณ์ของประชาชนได้ขึ้นถึงขีดสุดแล้ว ความอดทนของประชาชนได้มาถึงจุดที่ขีดสุดแล้ว สิ่งที่ประชาชนคนรากหญ้า เคยหวังว่าชีวิตจะกลับคืนสู่ภาวะปกติสุข ทำมาหากินเหมือนเดิม หลังมีการเลือกตั้ง ได้รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งแล้ว ความหวังนี้ได้สูญสลายไปแล้ว ทันทีที่พวกพันธมิตรเริ่มจุดไฟสงครามกลางเมืองขึ้นอีกครั้ง หากพวกพันธมิตรนี้ยังอยู่ เมืองไทยจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป คนจำนวนมากคิดอย่างนี้จริงๆ และเริ่มหมดความอดทน อารมณ์ของประชาชนครั้งนี้ จะไม่ยอมทนอีกต่อไปแล้ว พร้อมแตกหักและนองเลือดทันที การยอมถอย ยอมอดกลั้น ในช่วงที่ผ่านมา แต่ฝ่ายตรงข้ามยังเล่นไม่เลิก ยังไม่ยอมหยุด ยังไม่ยอมจบ ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลขณะนี้ หรือเรียกว่า ฝ่ายสนับสนุนทักษิณ เริ่มทนไม่ได้ แล้ว ผมสังหรณ์ใจ และค่อนข้างเชื่อมั่นว่า จะมีการตลุมบอลหมู่เกิดขึ้นแน่นอน และรัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมได้ด้วย แม้ทหารจะทำรัฐประหารอีกครั้ง ก็จะไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้อย่างแน่นอน หากจะปกครองต่อไป ก็จะต้องอยู่กันแบบพม่า หากเลือกตั้งอีกครั้ง มันก็วนเข้าสู่รอบเดิม คือพรรคของคนรากหญ้าชนะ และพวกศักดินา และคนใต้ ไม่ยอมจบ ลงมาเล่นการเมืองข้างถนนอีก เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง หากมีการชุมนุมอีกครั้ง ผมเชื่อว่าอาจจะมีการปาระเบิดเข้าไปแบบกลุ่มกระทิงแดงสมัยก่อนแน่นอน หรือไม่อย่างนั้น ม็อบอีกฝั่งหนึ่งวิ่งเข้าไปตะลุมบอลประชาทัณฑ์กันเกิดขึ้น ความขัดแย้งครั้งนี้รุนแรงและฝังรากลึกกว่าที่หลายคนคิด และไม่ว่าจะใช้กลอุบายอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคะแนนเสียงของประชาชนได้ เพราะประชาชนได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว การขัดแย้งรอบใหม่นี้ไม่เกี่ยวกับทักษิณแล้ว แม้จะโยงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องแล้ว เพราะทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว ไม่ได้อยู่ในวงการเมืองแล้ว การต่อต้านระบอบการเมืองขณะนี้ คือ การต่อต้านเสียงของคนรากหญ้าโดยตรง แต่การจะกัน "คนที่นิยมทักษิณ" ไม่ให้เลือกพรรคประชาชน และกำจัด "กลุ่มทางการเมืองกลุ่มใหญ่นี้" ออกจากเมืองไทย มันทำไม่ได้ เพราะต้องสังหารคนทิ้งกว่าค่อนประเทศ มันก็เหมือนกับจะกำจัดคนที่นิยมพรรคประชาธิปัตย์ออกไปจากประเทศไทยได้อย่างไรนั่นแหละ คำตอบอันเดียวกัน ผมเองก็หมดความอดทนกับความคิดพยายามสมานฉันท์เสียแล้ว ไม่ตายกันไปข้างหนึ่งเหมือนสงครามกลางเมืองในหลายประเทศ มันก็ไม่มีทางสงบลงไปได้ หาก นายสนธิ สุริยะใส และจำลอง ยังอยู่ บ้านเมืองไม่สงบสุขไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าคนที่นิยมพันธมิตรและพรรคประชาธิปัตย์ จะมาเบี่ยงเบนกระแหนะกระแหนม็อบที่ชุมนุมหน้าธรรมศาสตร์ตรงข้ามกับกลุ่มพันธมิตรอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ม็อบนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มจัดตั้งจากพรรคการเมือง แต่เป็นประชาชนกลุ่มหัวรุนแรงที่เริ่มจะทนไม่ได้กับกลุ่มพันธมิตร และคนกลุ่มนี้ นักการเมืองก็สั่งไม่ได้ด้วย และหากมีการชุมนุมอีกครั้ง จะเกิดการเผชิญหน้า และชีวิตของคนหลายคนอาจสูญสิ้นไป พวกไฮโซที่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร อาจโดยรุมประชาทัณฑ์ได้ หากคิดจะเอาประเด็นนี้มาโจมตีรัฐบาล ใช้เป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ผมคิดว่าม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะประชาชนเลือกข้างเรียบร้อยแล้ว สื่อจะโฆษณาอย่างไร โจมตีอย่างไร ประชาชนก็ยังแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอยู่เหมือนเดิม คนภาคใต้ คนชั้นกลางส่วนหนึ่งในเมืองใหญ่ ก็ได้เลือกพรรคประชาธิปัต์ไปแล้ว คนภาคเหนือ ภาคอีสาน และคนชั้นกลางอีกส่วนหนึ่ง ก็เข้าข้างพรรคพลังประชาชนไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายนี้ไม่เปลี่ยนข้างอย่างแน่นอน พื้นที่มวลชนได้แบ่งกันไปชัดเจนแล้ว ยากนักที่ใช้กลยุทธ์ เดิมๆ ที่ว่าหากมีการปะทะกันของม็อบ แล้วจะทำให้รัฐบาลล้ม ประชาชนจะต่อต้านรัฐบาล เพราะประชาชนเลือกข้างไปแล้ว คนที่ไม่เอา พรรคพลังประชาชน ก็จะต่อต้านรัฐบาล แต่คนที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน ก็จะเชียร์รัฐบาลอย่างเหนียวแน่น คนที่ตายในม็อบครั้งนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดจะตายฟรีอย่างแน่นอน และผมเชื่อว่า ฝายพันธมิตรจะตายมากกว่า เราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า กลุ่มคนที่เชียร์ ปชป. และสนับสนุนพันธมิตร (แน่นอนคนที่เชียร์ พปช. จะไม่สนับสนุนพันธมิตรอยู่แล้ว) ส่วนใหญ่คือ คนชั้นกลางใน กทม. บางส่วนกับคนภาคใต้ คนชั้นกลางใน กทม. ที่เชียร์พันธมิตร จะเป็นพวกคนค่อนข้างมีฐานะดี เป็นพวกผู้ดีเก่าว่างั้นเถอะ ส่วนคนที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน จะเป็นคนอีสาน คนเหนือ และคนชั้นกลางบางส่วนใน กทม. รวมทั้งกุลุ่มคนยากจนในเมือง ต่างๆ หากม็อบปะทะกัน ก็คือ สงครามระหว่าง คนรวยกับคนจน สงครามระหว่างไฮโซไฮซ้อ กับโลโซ ผมไม่เชื่อว่า คนชั้นกลางคือคนรวย แต่งตัวดี ๆ ที่เข้าไปชุมนุมที่หอประชุมธรรมศาสตร์เมื่อวานนี้ จะกล้าปะทะกับคนจนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามธรรมศาสตร์ แต่หากพวกท่านชุมนุมอีกครั้ง ในพื้นที่เปิด เชื่อได้เลยว่ามีการตะลุมบอนกันแน่ เราอาจจะเห็น "คุณหญิงคุณนายพวกศักดินา โดนหนังสะติ๊กหัวแตก หรือโดนกระทืบแน่นอน" ความอดทนของคนมีขีดจำกัด และผมจับกระแสได้แล้วว่าปรอทมันกำลังจะแตก ผมเองเคยเป็นคนอารมณ์เย็น แต่ความรู้สึกว่า มันเล่นไม่เลิก เอาอีกแล้ว ทำให้ผมรู้สึกแล้วว่า เลือดไม่นองแผ่นดิน บ้านเมืองนี้ไม่สงบแน่ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หากจะยังเล่นกันไม่เลิก ---------------------------- บทความ โดย ลูกชาวนาไทย