WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, April 4, 2008

‘จักรภพ'ยืนยันชัดเจน!ไม่แก้รธน.ถือว่า‘เสียชาติเกิด'

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.15 น. 3 เม.ย. 51 นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้บานปลายโดยมีการรวมพลังของทั้งกลุ่มพันธมิตรฯและนักวิชาการที่ออกมาคัดค้าน ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นและต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมาก แต่รัฐบาลขอยืนยันว่าแนวความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่อยู่ในนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองที่มาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหลายพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนสัญญาชัดเจนว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหตุที่มีคนพูดว่ามาเปลี่ยนแปลงฉับพลันในตอนนี้ รีบแก้รัฐธรรมนูญเพราะเรื่องยุบพรรค ก็ต้องบอกว่ามีทั้งส่วนจริงและไม่จริง ความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
" แต่ตอนแรกก็มีเสียงจากนายกรัฐมนตรีว่าควรจะรอเวลาสักหน่อย เพื่อแก้ไขในตอนหลัง ก็เพราะเราเข้าใจว่าฝ่ายที่ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญจะยอมรับวิถีทางประชาธิปไตยบ้าง ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ยังใช้ระบบพรรคพวก ไม่ยอมให้บริหารประเทศ ไปทางซ้ายก็ติด ไปทางขวาก็ติด วางยาจะให้ประสบความล้มเหลวในการบริหารประเทศ พอจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มาบอกว่าห้ามแก้ อย่างนี้ก็เหมือนกับเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้เหมือนเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ เอ็งไม่เคยทำข้า พ่อเอ็งก็ทำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะยอมรับได้ในประเทศไทยในปีพุทธศักราชนี้ หากมีความเห็นที่ตรงกันหรือขัดแย้งกันก็ให้แสดงออกมา แต่กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเดินหน้าต่อไป เปลี่ยนแปลงจากระบอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยกลับมาเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก็เสียชาติเกิด " นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่าแต่ในส่วนของพรรคพลังประชาชนเองก็ยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไข นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าพรรคพลังประชาชนสั่งได้ก็คงเป็นพรรคที่เผด็จการตั้ง แต่นี่คือพรรคประชาธิปไตย ซึ่งความเห็นที่แตกต่างนั้นสามารถพูดกันได้ สังคมควรจะดีใจที่พรรคการเมืองอย่างพรรคพลังประชาชนมีข้อถกเถียงและมีความขัดแย้งทางความคิด เมื่อถามย้ำว่าแต่ความขัดแย้งลุกลามจนถึงขั้นมีการกระโดดถีบกันกลางสภาผู้แทนราษฎรระหว่าง ส.ส.สองฝั่ง นายจักรภพ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่าจะเกิด เราไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้มีการแสดงออกด้วยความรุนแรงอย่างนั้น แต่ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงว่าเรื่องนี้หลายคนให้ความสำคัญ โดยลงไปถึงจิตใจและความรู้สึก มองในแง่บวกว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่สำคัญขนาดนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เราก็ขอร้องและอ้อนวอนว่าทุกฝ่ายที่ต้องการให้มีการแก้ไข หรือฝ่ายที่ไม่อยากเห็นรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงมาเป็นประชาธิปไตยก็ตาม ควรต้องมีเวทีพูดกันอย่างสันติ ที่สำคัญคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทุกพรรคการเมือง รวมทั้งฝ่ายค้านด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เป็นการมองหามติร่วมระหว่างทุกฝ่ายอยู่แล้ว
นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าโดยกระบวนการถ้าหากกลุ่มพลังภายนอกจะยอมให้ดำเนินไปตามครรลองที่ควรเป็น ก็จะมีวิธีการป้องกันความขัดแย้งอยู่แล้วในตัว อย่าลืมว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอดีตที่นำไปสู่ปัญหาเป็นเพราะมีกลุ่มพลังนอกระบบเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ถ้าหากว่าปล่อยให้เป็นไปตามระบบก็จะไม่เกิดปัญหา เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าเหตุการณ์ขณะนี้เหมือนกับก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหารที่ผ่านมา นายจักรภพ กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้ามีคนที่คิดจะทำอะไรอย่าง 19 ก.ย.อีก เราก็คงคิดปิดกิจการประเทศไทยกันได้ ความคิดอย่างนั้นเป็นความคิดของคนที่เอาผลประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้าเป็นหลัก ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะเริ่มสูญพันธุ์หรือเป็นพันธุ์ที่ไม่น่าจะเติบโตได้มาก ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล แต่เกี่ยวกับประชาชนที่มีวุฒิภาวะ มีความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของประเทศ แล้วจะยอมให้คนหยิบมือเดียวมาทำอะไรบุ่มบ่าม รุนแรง เพื่อจะเปลี่ยนแปลงทิศทางทางการเมืองและการพัฒนาประเทศ ตนเชื่อว่าประชาชนไม่ยอมเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสามารถควบคุมความเห็นที่แตกต่างภายในพรรคได้ใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า สบายมาก เราเคยมีความเห็นที่ไม่ตรงกันมากกว่านี้มาแล้ว ดังนั้นผ่านมาถึงขนาดนี้ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันแค่นี้ถือว่าสบายมาก ประชุมกันครั้งหรือสองครั้งก็เนียนหมด ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ตนคงจะไม่ไปก้าวล่วงในพรรคอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าสัญญาณอย่างนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้ง แสดงว่าประเทศไทยเลยจุดที่จะสมานฉันท์ได้แล้วใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาการเป็นประชาธิปไตยในทางปฏิบัติ คือ เราต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ท่ามกลางความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน คำว่าเอกภาพท่ามกลางความหลากหลายเป็นคำที่เราต้องเรียนรู้และทำให้เกิดขึ้นได้จริง ยุคที่ผ่านมาก็มีความเห็นขัดแย้งกัน แต่ที่ดูเหมือนกับเงียบกันไปหมดก็เพราะว่ากดกันเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครไปกดใคร ทุกคนเปิดโอกาสให้มีการแสดงออกกันอย่างเต็มที่ ดังนั้นช่วงเวลานี้อาจต้องว้าวุ่นหัวใจกันหน่อย แต่ถ้าเรายอมรับสภาพนี้ได้ มีการจัดระเบียบตัวเอง วางระบบการทำงานร่วมกันให้ดี ใครมีความเห็นขัดแย้งก็พูดกันในที่เปิดเผย กลางที่ประชุม ไม่ใช่ทำใต้ดิน ตนคิดว่าความขัดแย้งก็จะน้อยลงไป
เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาลจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้เกิดความคิดไปในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของนักวิชาการที่ขณะนี้ออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก นายจักรภพ กล่าวว่า แนวความคิดในการสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญก็มีมาก เพียงแต่อยู่ในกลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งประชาชนไม่มีทางไปให้สัมภาษณ์ หรือจัดสัมมนา ดังนั้นเรื่องนี้ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าหากจะระดมความคิดเห็นในเชิงปริมาณกันจริงๆ ตนคิดว่าฝ่ายสนับสนุนสามารถจะเอาชนะได้โดยไม่ยาก แต่เราไม่ควรจะทำแบบนั้น ควรจะให้กระบวนการนิติบัญญัติจุดชนวนว่าเราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ซึ่งประชาชนก็จะอยู่เบื้องหลัง ส.ส. และ ส.ว.อีกที ดังนั้นกระบวนการนี้ลงตัวและพร้อมอยู่แล้ว ก็ไม่อยากเห็นการเคลื่อนไหวอะไรที่จะส่งเสริมความรุนแรง ตนคิดว่าการยอมรับระบบเป็นเรื่องที่ดีที่สุด คนที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านก็เป็นเรื่องของท่านแต่อย่าทำตัวอยู่เหนือระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้มีการพยายามยั่วยุนำไปสู่ความรุนแรง เพื่อที่รัฐบาลจะทำการปฏิวัติตัวเอง นายจักรภพ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้เราสับสนเพราะเราอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์มานาน พอมาอยู่ในระบบประชาธิปไตย ไม่มีนายตามสังกัดที่จะคอยบอกว่าจะให้ทำอย่างไร เราเริ่มเข้าสู่ระยะประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ดังนั้นเราก็ต้องอยู่ร่วมกับคนที่เราไม่ชอบหน้า ไม่ชอบความเห็นให้ได้ ลัทธิหมั่นไส้ อิจฉาริษยาแบบไทยต้องทำให้ลดลง ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถผลักดันประเทศให้เดินหน้าได้ ขณะนี้ขอให้เห็นใจรัฐบาลกันบ้าง เพราะทุกวันนี้ไปเชิญชวนต่างประเทศมาลงทุนก็มีแต่คำถามว่าแน่ใจหรือว่าจะไม่มีการยึดอำนาจอีก แต่ถ้ามาคอยกระแซะกันอยู่ คอยเสนอความเห็นว่าอาจจะมีได้ก็ทำให้ประเทศไม่สามารถเดินหน้าได้ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนคนที่ไม่ต้องการก็บอกมาให้ชัดว่าไม่ต้องการให้แก้มาตราใด การไม่เห็นด้วยกับการแก้บางมาตราแล้วมาบอกว่าไม่ควรแก้ทั้งฉบับนั้นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง การแก้รัฐธรรมนูญเป็นฉันทามติที่รัฐบาลทุกพรรครับมาจากประชาชน ดังนั้นต้องเดินหน้าแก้ไข
เมื่อถามว่ากรณี ส.ส.ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกลางสภาจำเป็นต้องเอามาตรฐานของ ส.ว.เมื่อปี 2547 มาใช้หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับมนตรี คงจะตอบได้ดีกว่าตน เพราะดูแลทั้งวิปและกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวคิดว่า ควรมีการแสดงสปิริตลาออกจากการเป็น ส.ส.หรือไม่ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวก้าวร้าวและรุนแรง นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องมองให้เห็นถึงเจตนา แน่นอนว่าพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ควรส่งเสริมอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไปเพราะอะไร เรื่องนี้คงจะเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางพรรคมีกระบวนการจัดการหรืออบรมบ่มนิสัย ส.ส.ประเภทนี้หรือไม่ เพราะมีลักษณะนี้หลายคนที่ออกมาขู่ว่าพร้อมประจันบาญ นายจักรภพ กล่าวว่า เราคงจะพูดกันในพรรคอย่างพี่น้อง เรื่องการบันดาลโทสะมีกันได้ทุกวงการ ไม่เฉพาะในการเมืองหรือพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเกิดขึ้นในบรรยากาศแบบนี้ก็ดังหน่อย ดังนั้นคงจะพูดกันภายในว่าต้องแสดงตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้บริหารประเทศ โดยส่วนตัวเชื่อว่าบุคคลสาธารณะไม่สามารถพูด หรือแสดงกิริยาต่างๆอันเป็นเรื่องส่วนตัวได้ จะต้องคิดเรื่องการเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมด้วย ส่วนที่มีการฟ้องร้องกันไปมานั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าระบบยังทำงานอยู่

จาก hi-thaksin