วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในคดีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นจำเลยในความผิด ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่นายชูวิทย์ แถลงข่าวที่หน้าที่ทำการพรรคชาติไทย เกี่ยวกับการตัดสินใจ ร่วมรัฐบาลของนายบรรหาร และวิพากษ์วิจารณ์ ฉายา 'หลงจู๊' ของนายบรรหาร เมื่อวันที่ระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ขึ้นเบิกความด้วยตัวเองเป็นพยานปากแรกว่า การแถลงข่าวของจำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากจำเลยไม่พอใจ ที่ไม่ได้รับเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน ในเขตกรุงเทพฯ เป็นลำดับที่ 1 และจำเลยได้ให้ความหมายของคำว่า 'หลงจู๊' ซึ่งเป็นฉายาของนายบรรหาร ไปในทางลบ ซึ่งคำว่า “หลงจู๊” นั้นมีความหมายว่า 'ผู้จัดการ' ส่วนคำว่าพรรคปลาไหล นั้น เป็นฉายาในยุคที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งได้มาจากลักษณะท่าทาง และมีความแตกต่างจากตัวโจทก์ โดยการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน นั้นเป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค 40 คน ไม่ใช่การตัดสินใจของโจทก์เพียงลำพัง การที่จำเลยแถลงข่าวทีริมถนนนั้นเปรียบเสมือนการประจาน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่า โจทก์เป็นนักการเมืองไม่ดี สร้างความเสียหายแก่โจทก์
ทนายจำเลยได้ถามค้านว่า โจทก์ เคยให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชนว่า จะไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน ในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า โจทก์มักกล่าวว่าจะต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่เข้าร่วมจัดรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ส่วนพรรคชาติไทย จะรอดูผลการเลือกตั้งก่อน ต่อมาทนายจำเลย ได้ขออนุญาตศาลเปิด ซีดี บันทึกคำให้สัมภาษณ์ของนายบรรหาร เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2550 ในวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น –ดินแดง
โดยนายบรรหาร ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ทำนองว่าจะไม่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน พร้อมกับมีพยานเอกสารเป็นเทปถอดคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของนายบรรหาร ไว้ให้ศาลพิจารณาด้วย ซึ่งนายนิกร ยอมรับว่าเอกสารถอดเทปดังกล่าวตรงกับซีดี ส่วนการบรรยายพิเศษ ของโจทก์ ในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 21 มี.ค.51 ที่ช่วงหนึ่ง นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นผู้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งปรากฏอยู่ใน นสพ. ข่าวสด ฉบับวันที่ 22 มี.ค.51 นายนิกร กล่าวว่า นสพ.อาจจะพิมพ์ผิดพลาด เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับมติ ของคณะกรรมการบริหารพรรค หลังนายนิกร เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้นัดไต่สวนพยานปากต่อไป ในวันที่ 16 พ.ค.นี้
จากนั้น นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า นายนิกร ไม่ควรมาเสียเวลาในคดีนี้ ควรเอาเวลาไปเตรียมตัวขึ้นศาล รัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคชาติไทยจะดีกว่า นอกจากนี้ยังอยากฝากถึงนายบรรหารว่า อย่าโกรธตนเลย เพราะเรื่องที่ตนพูดเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
'ผมยืนยันว่ายังเคารพท่านบรรหารเหมือนเดิม แต่หากท่านบรรหารเป็นคนใจกว้างจริง วันนี้ท่านน่าจะเตรียมตัวหาอาชีพใหม่ หรือกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านดีกว่า' นายชูวิทย์ กล่าว และตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามที่ว่าพรรคชาติไทยจะถูกพิพากษาให้ยุบพรรคหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า คดีนี้ ถ้าเป็นการเล่นไฮโล ก็เหมือนเปิดถ้วยแทง และตนยึดถือสุภาษิตที่ว่า คนล้มอย่าข้าม แต่คนล้มต้องกระทืบซ้ำ แต่ในฐานะอดีตสมาชิกพรรคยอมรับว่าก็รู้สึกสงสารพรรคชาติไทยอยู่เหมือน